[รีวิว] เกิดใหม่เป็นลูกโอชิ ซีซันที่ 2 ‘บทละครเวที’ ที่เชื่อมโยงกลับไปยังจุดเริ่มต้นของโศกนาฏกรรม

ความยาว

13 ตอน

สตูดิโอที่ผลิต

Doga Kobo

ต้นฉบับ

มังงะ (LC : Luckpim)

ช่องทางการดู

Bilibili, iQIYI, Netflix, Ani-One Thailand

Our score
9.4

[รีวิว] เกิดใหม่เป็นลูกโอชิ ซีซันที่ 2 ‘บทละครเวที’ ที่เชื่อมโยงกลับไปยังจุดเริ่มต้นของโศกนาฏกรรม

จุดเด่น

  1. การตีความละครเวทีออกมาในเวอร์ชันอนิเมะได้เหนือชั้นกว่ามังงะ
  2. มีการดัดแปลงเนื้อหา และเพิ่มการเล่าเรื่องให้มากขึ้น เพื่อให้โดดเด่นไปจากมังงะ
  3. ไม่ว่าจะเคยอ่านหรือไม่อ่านมังงะต้นฉบับมาก่อน ก็สามารถสนุกในเวอร์ชันอนิเมะได้

จุดสังเกต

  1. อาจจะมีรู้สึกการดำเนินเรื่องช้าไปบ้าง จากบทที่ใส่เพิ่มเข้ามาจากมังงะ
  2. ศัพท์ในวงการค่อนข้างเยอะ และถ้าใครไม่ชอบแนวนี้ก็จะไม่ค่อยถูกใจเท่าไหร่
  • คุณภาพด้านเสียงพากย์

    9.0

  • คุณภาพด้านแอนิเมชัน

    10.0

  • คุณภาพของบท

    10.0

  • คุณภาพของความบันเทิง

    9.0

  • ความคุ้มเวลารับชม

    9.0

ถ้าถามว่าอนิเมะเรื่องไหนที่ดัดแปลงมาจากมังงะ ละทำออกมาได้อลังการกว่าเดิมแบบเยอะมาก วินาทีนี้ต้องยกให้เรื่อง ‘เกิดใหม่เป็นลูกโอชิ ซีซันที่ 2’ เลย เพราะในบทละครเวที ที่เป็นเนื้อเรื่องครึ่งแรกของซีซันนี้ได้ทำออกมาโดยถ่ายทอดความเป็นละครเวทีให้แก่คนทุกรูปแบบได้ดีมาก ไม่ว่าจะเป็นคนที่เคยอ่านมังงะมาแล้ว หรือ คนที่ไม่เคยอ่านมา หรือแม้กระทั่งคนที่ไม่เคยดูละครเวทีมาเลย ก็สามารถสนุกกับอนิเมะได้เหมือนกัน จะมีจุดไหนน่าสนใจบ้างนะ มาลองดูไปพร้อมกันดีกว่า

‘โฮชิโนะ ไอ’ ไอดอลสาว อนาคตไกลได้ถูกสังหารลงด้วยฝีมือของสตอล์กเกอร์โรคจิตที่ตามสืบจนรู้ที่อยู่ของเธอ แต่อีกหลายปีต่อมา ลูกฝาแฝดลับ ๆ ของเธอได้เติบโตขึ้นมากลายเป็นหนุ่มหล่อสาวสวยและเริ่มเดินทางสายเดียวกับเธอในวงการบันเทิงอีกครั้ง แต่หารู้ไม่ว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของพวกเขาก็คือการตามสืบและจับตัวคนที่สังหารไอ แม่ของพวกเขาให้ได้

ควาบลับอีกอย่างที่ถูกปิดซ่อนไว้มาตลอดก็คือ การกลับมาเกิดใหม่ในร่างลูกฝาแฝดอย่าง ‘อควา’ และ ‘รูบี้’ ซึ่งในชาติที่แล้วล้วนเป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องกับไอทั้งทางตรงและทางอ้อม การกลับมาเกิดใหม่ในร่างทารกแม้จะเป็นเรื่องราวแฟนตาซี แต่โดยรวมแล้วแก่นหลักของเรื่องนี้จะเล่าถึงด้านมืดของวงการบันเทิง ที่เกิดขึ้นจากเหล่าคนในวงการ ไม่ว่าจะเป็นการแสดงละคร วงการไอดอล การเป็นผู้กำกับทำหนัง เพราะงั้นใครที่คาดหวังฉากแฟนตาซีเยอะเพราะมีเรื่องราวเกี่ยวกับการเกิดใหม่ อาจจะไม่ตรงกับที่คาดไว้อยู่บ้าง

ดังนั้นก่อนที่จะเริ่มรีวิวกัน ยังไงก็อยากให้ลองไปหาอนิเมะของเกิดใหม่เป็นลูกโอชิในซีซันที่ 1 ดูกันก่อน ว่าตรงสไตล์มั้ย เพราะในรีวิวนี้จะเน้นไปที่ซีซันที่ 2 เป็นหลัก ทั้งในส่วนของเนื้อหาการตีความบทละครเวทีช่วงครึ่งแรก และบทของวงไอดอลในช่วงครึ่งหลังที่จะตามมาหลังจากนั้น ซึ่งจะเป็นการปูทางไปสู่ความจริงหลาย ๆ อย่างเกี่ยวกับการกลับมาเกิดใหม่ของอควาและรูบี้ บอกได้คำเดียวจากคนอ่านมังงะมาก่อนว่าดาร์กมาก

ถ้าให้เทียบมังงะกับอนิเมะในช่วงบทของ ‘ละครเวที’ สามารถบอกได้เลยว่าในมังงะนั้น เนื้อเรื่องของช่วงนี้เดือดมากและตีความหลาย ๆ อย่างที่เกี่ยวกับมุมมองของละครเวทีออกมาได้ดีระดับนึง เพียงแต่ว่าข้อจำกัดของภาพวาดมังงะยังไม่สามารถสื่อได้ดีเท่าในอนิเมะ เช่น ในมังงะตอนที่ 56 ซึ่งเป็นองค์แรกของการแสดงละครเวที ยังไม่สามารถพาเราเข้าใจมุมมองของคนดูละครเวทีได้ขนาดนั้น จะเป็นการตัดฉากเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคร่าว ๆ ซะมากกว่า ยิ่งถ้าเป็นคนที่ไม่เคยได้สัมผัสละครเวทีมาก่อน ยิ่งทำให้มองเห็นภาพของการแสดงละครเวทีเพียงผิวเผินเท่านั้น

กลับกันแล้ว ในอนิเมะตอนที่ 6 ที่เป็นฉากเดียวกัน กลับมีการทุ่มเวลาลงไปในการเล่าเรื่ององก์แรกเยอะมาก และทำออกมาได้ดีราวกับคนดูอนิเมะเป็นคนที่กำลังดูละครเวทีอยู่ก็ไม่ผิดเลย ทั้งการเปิดฉากในช่วงแรก การแนะนำตัวละคร การเล่าเรื่องที่มีนักแสดงเดินออกมาและมีการเปลี่ยนฉากแบบ 360 องศา ทุกอย่างในอนิเมะล้วนถูกดีไซน์ให้สามารถเล่าได้ชัดเจนมากยิ่งกว่าในมังงะต้นฉบับ จนสามารถเรียกได้เลยว่าทางทีมงานอนิเมะนั้นทำการบ้านตรงส่วนนี้มาดีมาก

นอกจากนั้นในช่วงการเตรียมการก่อนจะเข้าสู่การแสดงจริง ทางทีมงานอนิเมะได้มีการปรับเปลี่ยนลำดับในการดำเนินเรื่องของอนิเมะตอนที่ 1 – 2 ให้ไม่เรียงตามลำดับไทม์ไลน์เหมือนกับในมังงะ ทำให้กรณีคนที่เคยอ่านมังงะมาก่อนแล้ว ก็ยังสามารถรู้สึกสดใหม่ได้อีกครั้ง รวมไปถึงการใส่จินตนาการในงานอนิเมชันของตัวละครแต่ลคนเวลาทำการฝึกซ้อม ทางทีมงานก็งัดเอาสีต่าง ๆ ออกมาเล่นและเล่าเรื่องในมุมมองของอนิเมะได้โดดเด่นขึ้นมาอีก

ส่วนจุดสำคัญของเรื่องนี้ อย่างการเล่นกับด้านมืดหรือเบื้องหลังของวงการบันเทิง ก็ยังถือว่าทำออกมาได้ดีทั้งในเวอร์ชันมังงะและอนิเมะ ไม่ว่าจะเป็นเบื้องหลังของการดัดแปลงบทละครเวที ที่มักจะมีการทะเลาะเบาะแว้งกันอยู่เสมอของคนเขียนบทและอาจารย์ที่เขียนต้นฉบับ เนื่องจากความเห็นไม่ตรงกัน หรือว่าจะเป็นตัวนักแสดงเอง ที่แต่ละคนก็ล้วนมีความลับบางอย่างปกปิดเอาไว้ ทั้งคนมีพรสวรรค์หรือคนที่ไม่มีมันก็ตาม รวมไปถึงจุดสำคัญที่สุดอย่างพัฒนาการของตัวละครอีกด้วย ซึ่งใครที่ได้ดูอนิเมะตอนที่ 6 มาแล้ว คงจะละสายตาและอดไม่พูดถึงตัวละครนี้ไม่ได้

‘นารุชิมะ เมลต์’ ตัวละครที่เคยปรากฏตัวมาในซีซันที่ 1 ในบทที่แทบจะเรียกได้ว่าเป็นตัวประกอบ เขามีฝีมือการแสดงที่เรียกได้ว่าห่วยจนไม่เข้าขั้นเท่านั้น แต่ในมังงะได้มีการแสดงออกให้เห็นถึงพัฒนาการของตัวละครนี้ ส่วนในอนิเมะก็ได้นำมาพัฒนาบทของตัวละครนี้มากยิ่งขึ้นไปอีก โดยเฉพาะในช่วงการแสดงละครเวที จากตัวประกอบที่เราเห็นผ่าน ๆ และไม่ได้คาหวังเท่าไหร่ กลับทำให้คนดูสามารถอินกับบทของเขาได้ และถ้าเป็นพวกตัวละครหลัก ทีมงานอนิเมะจะจัดเต็มขนาดไหนกันละเนี่ย ?

บทละครเวทีนั้นเป็นเพียงการโหมโรงเท่านั้น เพราะตัวละครหลักอีกคนอย่าง รูบี้ น้องสาวของอควาในบทบาทของไอดอล ยังไม่มีบทเยอะมากขนาดนั้นในช่วงแรก เธอจะกลับมามีบทอีกครั้งในช่วงครึ่งหลัง ซึ่งเป็นช่วงที่ไป ‘ถ่าย PV’ ที่เมืองทาคาจิโฮะ เมืองที่เรียกได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่อง ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มต้นมาจากเมืองนี้ ไม่ว่าจะเป็นการตายของหมอโกโร่และซารินะจัง โรงพยาบาลที่อควาและรูบี้เกิดขึ้นมาใหม่ด้วยวิญญาณเดิมอีกครั้ง การกลับมาครั้งนี้จะมีเรื่องราวอะไรที่ถูกเปิดเผยบ้าง แนะนำให้รอดูในเวอร์ชันอนิเมะได้เลย

เนื้อเรื่องจะเริ่มเข้าสู่จุดเข้มข้นตั้งแต่ช่วงท้ายของบทละครเวที ลากยาวจนมาถึงการถ่ายทำ PV และคิดว่าน่าจะยิงยาวไปยันจบแน่นอน ซึ่งจากตัวอนิเมะที่ทำออกมาได้ดีมากในแง่มุมของการตีความตัวละคร ถือว่ามั่นใจได้ระดับนึงเลยว่า ในบทส่งท้ายของซีซันนี้จะเป็นการดึงทุกคนให้ดิ่งลงไปตามเนื้อเรื่องที่ถูกเปิดเผยมาแน่นอน แต่จะเป็นอะไรนั้น ขอยังไม่บอกและรอให้ติดตามดูอนิเมะกันเองดีกว่า


สรุป

‘เกิดใหม่เป็นลูกโอชิ’ ในซีซันที่ 2 นี้ได้แสดงให้เห็นถึงความโดดเด่นในด้านการดัดแปลงอนิเมะให้ถ่ายทอดสิ่งที่เป็นข้อจำกัดจากมังงะให้ดีขึ้นมาก ไม่ว่าจะเป็นการสลับไทม์ไลน์ในการเล่าเรื่องหลัก การเจาะลึกไปที่อารมณ์ความรู้สึกของตัวละครที่รวมไปถึงตัวประกอบอย่างเมลต์ และการขยายความในบทของละครเวทีที่ทำให้คนดูอย่างเราสามารถเข้าใจถึงข้อดีนั้นได้ แม้จะไม่เคยดูละครเวทีเลยก็ตาม ดังนั้นใครที่ชื่นชอบเรื่องนี้ตั้งแต่ ซีซันที่ 1 อยู่แล้ว แนะนำเลยว่าซีซันนี้ยกระดับขึ้นมาได้อย่างดีมาก จนคุ้มค่าทีจะรอดูทุกตอนเลย