ผมชอบมังงะตั้งแต่ยังจำความได้ แต่ก็ต้องแอบวาดมัน เพราะถ้าพ่อแม่รู้จะโดนดุเอา

โกโช อาโอยามะ

เด็กชายผู้กวัดแกว่งดาบแทนดินสอ

อาจารย์โกโช อาโอยามะ

‘ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น’ 

ประโยคเด็ดจากการ์ตูนเรื่องยอดนักสืบจิ๋วโคนัน ที่กลายเป็นแท็กไลน์อันโด่งดัง จนทำให้ผู้คนจดจำผลงานของอาจารย์โกโช อาโอยามะ (Gosho Aoyama) มาได้ตลอด 20 กว่าปี ซึ่งความโด่งดังของโคนันเรียกได้ว่าสร้างเม็ดเงินให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นมหาศาล จนเป็นอีกหนึ่งเสาหลักของวงการการ์ตูนญี่ปุ่นก็คงไม่ผิด แต่กว่าที่อาจารย์อาโอยามะ จะสร้างผลงานที่ครองใจคอการ์ตูนสืบสวนได้ ชีวิตเขาก็เรียกได้ว่าผ่านมรสุมมาอย่างโชกโชน ไม่แพ้การ์ตูนที่แกแต่งเลยล่ะ

อาจารย์โกโช อาโอยามะ เกิดเมื่อปี 1963 ซึ่งเป็นยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ไม่นานนัก โดยในเวลานั้น เขาก็เหมือนกับนักเขียนการ์ตูนคนอื่น ๆ ที่กว่าจะมาเฉิดฉายก็ต้องฝ่าฟันคำดุด่าจากผู้ปกครอง เพราะในยุคข้าวยากหมากแพงนี้ ใคร ๆ ก็หวังให้ลูกได้ทำอาชีพที่การันตีว่ามีงานทำแน่ ๆ

ความเก่งของอาจารย์อาโอยามะฉายแววตั้งแต่ยังเป็นเด็ก เพราะเขาสามารถเอาชนะการประกวดวาดรูปในห้างแถวบ้านได้ตั้งแต่ชั้นประถม ซึ่งสิ่งที่จุดประกายการเป็นนักเขียนในตัวเขาขึ้นมาก็คือ การได้อ่านวรรณกรรมจอมโจรเรื่อง ‘Arsène Lupin’ กับ ‘Lupin III’ นั่นทำให้อาจารย์อาโอยามะหมายมั่นว่าสักวันหนึ่งจะต้องสร้างเรื่องราวของสุดยอดจอมโจรในแบบฉบับของตนขึ้นมาให้ได้

ทว่าด้วยความที่ผู้ปกครองไม่ได้สนับสนุนเส้นทางเท่าไหร่ เขาก็เพียงแต่ต้องเก็บความชอบไว้ในใจ ซึ่งทำให้ตลอดชีวิตการศึกษา เขาจึงเบนเข็มตัวเองไปเป็นนักกีฬาเคนโด้มาโดยตลอด แม้ในใจลึก ๆ แล้วเขาจะอยากเป็นคนทำอนิเมะมากกว่า 

Lupin III

แต่แล้ววันหนึ่ง ก็มีศิลปินด้านศิลปะของญี่ปุ่น ได้ให้คำแนะนำกับอาจารย์อาโอยามะตอน ม. ปลาย ว่า ‘ถ้ามีอะไรที่อยากทำ นายก็ควรทำมันซะ’ ซึ่งประโยคอันแสบเรียบง่ายนี่แหละ ที่เสริมความมั่นใจให้อาจารย์อาโอยามะ กล้าออกไปทำตามความฝันในด้านงานศิลป์ โดยเขาเข้าศึกษาในคณะวิจิตรศิลป์ของมหาวิทยาลัย Nihon ในโตเกียว

อาจารย์อาโอยามะเข้าร่วมชมรมมังงะท้องถิ่นในมหาวิทยาลัย ซึ่งด้วยความเก่งกาจในการแต่งเรื่อง กับวาดภาพนั้น ก็ทำให้ความสามารถของเขาก็ได้ไปเข้าตาหัวหน้าชมรม จนหัวหน้าชมรมคนนั้น ก็ได้เดินมาบอกอาจารย์อาโอยามะว่า “เอ็งควรไปเป็นนักวาดการ์ตูน แทนคนสร้างอนิเมะจริง ๆ นะพี่ว่า”

เส้นทางนักวาดที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ

เมื่อหัวใจมันกู่ร้อง แล้วเราจะยอมเบรกความฝันไว้ทำไม ในเวลานั้นอาจารย์โกโช อาโอยามะก็เหมือนกับเด็กหนุ่มคนอื่นที่ฝันอยากเป็นนักวาดการ์ตูน และได้ตีพิมพ์ในนิตยสาร Shonen Jump สักครั้งในชีวิต นั่นทำให้ในปี 1986 อาจารย์อาโอยามะ จึงได้นำความชอบส่วนตัว (เรื่องราวของมหาจอมโจร) มาผสมกับความฝันที่เขาอยากทำมาโดยตลอด จนออกมาเป็นการ์ตูนที่ชื่อว่า ‘Nonchalant Lupin’ อันเป็นเรื่องราวของ เด็ก ม. ปลายที่ชื่อว่าไคโตะ ลูแปง และอาโอโกะ โฮล์มส์ โดยเขาได้รับแรงบันดาลใจจากสุดยอดจอมโจร กับสุดยอดนักสืบที่ชื่นชอบ

อาจารย์อาโอยามะส่งการ์ตูนเรื่อง ‘Nonchalant Lupin’ ไปประกวดในการแข่งขันนักเขียนหน้าใหม่ของนิตยสาร Shonen Jump ซึ่งอาจารย์อาโอยามะในเวลานั้นน่ะไม่ชนะหรอก แต่เขาก็ได้รับรางวัลคาซาคุ (รางวัลชมเชยผลงานที่น่าสนใจ พร้อมเงินรางวัล) แทน นั่นทำให้เขาหมายมั่นว่า เจ้า ‘Nonchalant Lupin’ จะได้รับการต่อยอดในสักวัน

Nonchalant Lupin

แต่ก็เป็นดั่งการ์ตูนที่เขาวาด ที่ตัวเอกไม่เคยได้สบายเลย เพราะตอนนั้นบรรณาธิการคู่ใจที่รับผิดชอบงานของเขานั้นถูกเปลี่ยนตัว กลายเป็นบรรณาธิการคนใหม่ ที่ไม่ชอบหน้าอาจารย์อาโอยามะแทนซะอย่างนั้น ซึ่งบรรณาธิการคนใหม่นั้นไม่ชอบงานที่เขาเขียนมาเลย และได้บอกว่า สไตล์ของอาจารย์อาโอยามะมันไม่เข้ากับ Shonen Jump ซึ่งอาจารย์อาโอยามะควรเปลี่ยนไปอยู่สำนักพิมพ์อื่นซะ

เกิดใหม่เป็นจอมโจรในตำนาน

ดั่งฟ้าผ่าลงกลางใจ แต่อาจารย์อาโอยามะก็ต้องน้อมรับ และหอบตัวเองออกไปจากนิตยสารที่ใฝ่ฝันมาตลอด ซึ่งวันหนึ่ง เขาเดินไปที่ร้านหนังสือ เพื่อดูว่าจะย้ายไปอยู่ที่ไหนดี สายตาของเขาก็ดันไปสังเกตเห็นงานของอาจารย์อะดะจิ มิตสึรุ (Adachi Mitsuru) ที่มีลายเส้นสะอาดตา บนนิตยสาร Deluxe Shōnen Sunday และด้วยความที่เขาเป็นแฟนของอาจารย์อะดะจิ จึงทำให้เขาติดต่อกองบรรณาธิการของ Deluxe Shōnen Sunday เพื่อนำต้นฉบับของการ์ตูนเรื่องใหม่มาส่งด้วยตนเอง

หลังจากตีพิมพ์ใน Deluxe Shōnen Sunday อาจารย์อาโอยามะก็ได้นำ ‘Nonchalant Lupin’ มาปัดฝุ่นใหม่ และเปลี่ยนชื่อเรื่องเป็น ‘Magic Kaito’ อันเป็นต้นกำเนิดของเรื่องราวจอมโจรคิดในที่สุด โดยปรับเปลี่ยนเรื่องราวของตัวละครเอกให้กลายเป็นจอมโจร ม. ปลาย ที่ต้องมารับช่วงต่อจากพ่อที่เสียไป พร้อมกับปิดบังความลับจากเพื่อนสาวของตน แถมยังเปลี่ยนชื่อตัวละครหลักเป็นคุโรบะ ไคโตะ กับนากาโมริ อาโกโกะอีกด้วย

Magic Kaito

‘Magic Kaito’ ถือเป็นรากฐานที่ทำให้ชื่อของโกโช อาโอยามะ เป็นที่รู้จักมากขึ้น เพราะด้วยความรักในเรื่องราวของจอมโจร ทำให้เขาสามารถพา ‘Magic Kaito’ ไปถึงหลักแสนเล่มในเวลาไม่นาน การเป็นนักเขียนที่มีแต้มต่อมากขนาดนี้ ทำให้อาจารย์อาโอยามะมีอิสระในการเขียนเรื่องสั้นอื่น ๆ จนในอีกหนึ่งปีต่อมา เขาก็ได้นำความชอบเคนโด้จากตอนที่เรียนมาสร้างเรื่องราวของ ‘ไยบะเจ้าหนูซามูไร’

Yaiba

ไยบะคือการ์ตูนที่ว่าด้วยเรื่องราวของเจ้าหนูซามูไรตัวจิ๋ว ซึ่งด้วยเรื่องราวสุดสนุกนั้น ก็ทำให้ผลงานนี้ได้รับความนิยมมาก จนทำให้อาจารย์อาโอยามะแทบไม่มีเวลาว่างกลับมาเขียน ‘Magic Kaito’ เลย ทว่าอาจารย์ก็ไม่ได้ทิ้งซีรีส์เรื่องนี้ซะทีเดียว เพราะมันเป็นหนึ่งในความฝันแก พอมีเวลาแกก็จะกลับไปเขียน และยังพยายามเอาตัวละครจาก ‘Magic Kaito’ มาโผล่เป็นอีสเตอร์แบบแวบ ๆ ในไยบะเพื่อให้แฟน ๆ ได้หายคิดถึงกันบ้าง

จอมโจรที่กลายเป็นรากฐานของยอดนักสืบ

อาจารย์อาโอยามะขณะกำลังวาด

ไม่นานหลังจากที่เรื่องราวของไยบะได้ปิดฉากลง อาจารย์อาโอยามะจึงได้แวะไปลองเชิงการ์ตูนแนวสืบสวนเรื่องใหม่อย่าง ‘ยอดนักสืบจิ๋ว โคนัน’ โดยผลลัพธ์ก็เป็นอย่างที่เรารู้กันดี เพราะโคนันดันฮิตมาก ซึ่งผลงานใหม่นั้นโด่งดังยิ่งกว่าไยบะซะอีก นั่นทำให้อาจารย์ต้องดองเรื่องราวของ ‘Magic Kaito’ อยู่อีกหลายปี จนแฟน ๆ แทบจะคิดว่าแกลืมเรื่องนี้ไปแล้ว

ในช่วงหนึ่งอาจารย์อาโอยามะ อยากนำตัวละคร จอมโจรยี่สิบหน้า (Fiend with Twenty Faces) มาใส่ในโคนันมาก แต่ติดอยู่ที่ว่ามันเคยโผล่มาแล้วใน ‘Magic Kaito’ ซึ่งตอนแรกอาจารย์จะปล่อยเบลอไอเดียนี้ แต่บรรณาธิการก็บอกว่า ไหน ๆ การ์ตูนญี่ปุ่นก็มีครอสโอเวอร์บ่อยอยู่แล้ว ถ้าจะใส่จอมโจรยี่สิบหน้า งั้นไม่ลองเอาจอมโจรคิดจาก ‘Magic Kaito’ มาเจอกับโคนันแทนเลยล่ะ 

งงสิครับ ใครได้ยินก็คงงง ว่าบรรณาธิการจะให้เอาตัวเอกจากเรื่องเก่า มาใส่ในเรื่องใหม่ทำไมกัน ซึ่งตอนแรกอาจารย์อาโอยามะค้านหัวชนฝา แต่ท้ายที่สุดก็โดนใบสั่ง เขาจึงได้ลองเชิงใส่จอมโจรคิดเข้ามาในโคนันดู

และตั้งแต่จอมโจรคิดมาโผล่ในโคนัน ก็กลายเป็นอีกหนึ่งตัวละครที่ได้รับความนิยมจากผู้อ่านอย่างล้นหลาม ซึ่งทำให้โคนันนั้นฮิตขึ้นไปอีก เมื่อมาทางนี้แล้วอาจารย์อาโอยามะก็ถอยหลังกลับไม่ได้ จึงต้องจำใจโยกจอมโจรคิด มาใส่เป็นอีกหนึ่งตัวละครหลักในโคนันแทน และกลายเป็นจักรวาลที่เชื่อมกันอย่างหลวม ๆ ในที่สุด โดยมีสารวัตรนากาโมริ กินโซ จาก ‘Magic Kaito’ ซึ่งเป็นพ่อของอาโอโกะเพื่อนสนิทของไคโตะ ที่กลายเป็นอีกหนึ่งตำรวจที่โผล่มาบ่อยในโคนัน และฮาคุบะ ซางุรุ นักสืบมัธยมปลายจากอังกฤษ ที่ปรากฏใน ‘Magic Kaito’ นั้นก็มักจะไปโผล่ในโคนัน ช่วงที่มีการรวมพลตัวละครยอดนักสืบในเรื่อง

จอมโจรคิด และคุโด้ ชินอิจิ

นอกจากนั้นแล้ว โคนันเดอะมูฟวีภาคแรกอย่าง คดีปริศนาระเบิดระฟ้า (Detective Conan: The Time Bombed Skyscraper) นั้น จริง ๆ แล้วอาจารย์อาโอยามะตั้งใจให้เป็นเนื้อเรื่องสำหรับ ‘Magic Kaito’ ทว่ามันก็ไม่มีโอกาสได้ทำเพราะไม่เข้ากับโครงเรื่องที่วางสักที เมื่ออาจารย์อาโอยามะได้รับแจ้งว่าโคนันจะทำเดอะมูฟวี จึงได้ให้ทีมงานนำพล็อตนี้ไปปรับใช้กับโคนันแทน

และท้ายที่สุดคือ หน้าตาของตัวละครหลักของ ‘Magic Kaito’ อย่างจอมโจรคิด และคุโด้ ชินอิจิ อันเป็นร่างจริงของโคนัน หากใครสังเกตดี ๆ แล้วทั้งคู่จะหน้าเหมือนกันอย่างกับฝาแฝด โดยเราต้องรอถึงเดอะมูฟวี 27 ถึงจะได้รู้ว่ามันเป็นเพราะอะไร ซึ่งเรียกได้ว่าจอมโจรคิดไม่เคยถูกอาจารย์อาโอยามะลืมไปเลย และกลายเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาโคนันมาโดยตลอด จนในอนาคตก็คงจะมีบทบาทสำคัญกับซีรีส์ยอดนักสืบจิ๋วโคนันไปอีกนานเลยล่ะ