อนิเมะฤดูร้อนประจำปี 2024 หรือ อนิเมะช่วงเดือนกรกฎาคม ฉายยาวไปจนถึงกันยายน ไม่ค่อยเป็นที่พูดถึงสักเท่าไหร่ แม้จะมีจำนวนอนิเมะที่จะเข้าฉายเยอะพอกันกับช่วงฤดูอื่นก็ตาม สาเหตุหลักคงเป็นเพราะว่า ส่วนมากนั้นเป็นอนิเมะเรื่องใหม่ที่คนไม่ค่อยรู้จักกัน ถ้าเทียบกับซีซันก่อนหน้าที่อนิเมะภาคต่อขนทัพมากันเพียบ แต่มาฤดูร้อนปุ๊บคนกลับพูดถึงกันแค่สองเรื่องเท่านั้น นั่นก็คือ ‘เกิดใหม่เป็นลูกโอชิ ซีซันที่ 2’ กับ ‘คุณอาเรียโต๊ะข้าง ๆ พูดรัสเซียหวานใส่ซะหัวใจจะวาย’

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ 10 อันดับอนิเมะมาใหม่ Summer season 2024 ที่นี่

ส่วนตัวแล้วผมตามดูอยู่หลายเรื่องเลยนะในซีซันนี้ แม้จะเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักก็ตาม แล้วดันบังเอิญค้นพบอนิเมะม้ามืด ที่คนพูดถึงกันน้อยมาก แต่เนื้อเรื่องกับงานภาพคือสนุกจนอยากจะเอามาป้ายยาให้ทุกคนได้ลองไปหาดูกัน รวมทั้งหมด 3 เรื่อง 3 แนว ซึ่งบอกได้เลยว่าคุ้มค่าเวลาที่เสียไปแน่นอน มีเรื่องอะไรบ้างนะ มาดูกันดีกว่า


เรื่องที่ 1 : รักครั้งนี้มีคนนกเยอะไปมั้ย !
(Make Heroine ga Oosugiru !)

จำนวนตอนทั้งหมด 12 ตอน

ช่องทางการดู : Bilibili, iQIYI, Crunchyroll

อนิเมะแนวเลิฟคอเมดี ที่พูดถึงเรื่องราวของ ‘คาซึฮิโกะ’ เด็กหนุ่ม ม. ปลายที่สุดแสนจะธรรมดาไม่ค่อยจะมีเพื่อน ดันบังเอิญได้ไปรู้จักกับผู้หญิงสามคนที่มีจุดร่วมกันคือ ‘เพิ่งอกหัก’ มาจากรักใกล้ตัวทั้งนั้น หรือที่เรามักจะเรียกกันว่า ‘นก’ นั่นเอง และพอมาอยู่ในจังหวะผิดที่ผิดทางแบบนั้น คาซึฮิโกะเลยต้องรับกรรมเป็นที่ระบายความรู้สึกของสาว ๆ ทั้งสามคนซะงั้น ความสัมพันธ์ครั้งนี้จะลงเอยที่แบบไหนกันละเนี่ย ?

อย่างแรกเลยที่ต้องพูดถึงสำหรับเรื่องนี้ คือ งานภาพจาก Studio A-1 Pictures ที่ก่อนหน้านี้มีแต่อนิเมะแนวแอ็กชันแฟนตาซีฉายทั้งนั้น เช่นเรื่อง Solo Leveling, Mashle ศึกโลกเวทมนตร์คนพลังกล้าม ที่เพิ่งผ่านมาในช่วงอนิเมะฤดูหนาวเมื่อต้นปี 2024 แต่พอมาคราวนี้ในแนวของเรื่องเลิฟคอเมดีของคนอกหัก กลับยังคงคุณภาพอนิเมะไว้ได้แบบดีโครต ๆ จนถึงขั้นยกระดับเหนือกว่าแนวนี้ทั่วไปแล้ว เพราะงั้นแค่เสพภาพเรื่องนี้ก็ถือว่าคุ้มมาก ๆ นอกจากนั้นแล้วอนิเมะเรื่อง จงสารภาพรักกับคุณคางุยะซะดี ๆ ก็เป็นของสตูดิโอนี้เช่นกัน เพราะงั้นบอกเลยว่าเชื่อฝีมือได้แน่นอน

แต่ที่น่าสนใจกว่านั้น คือเรื่องราว ‘อกหักจากความรัก’ ของทั้งสามตัวละครหลักนี่แหละ ที่เป็นการไต่ระดับได้ดีมาก เพราะผสมระหว่างเหตุการณ์ที่ชวนดราม่ากับความเฮฮาของตัวละครเอาไว้ และค่อย ๆ ขยายปมของแต่ละคนไปทีละนิด ๆ โดยจะแบ่งเป็นสามพาร์ตใหญ่ในการเคลียร์ปมของแต่ละคนแยกตามเพลงปิด (Ending song) ที่ถือได้ว่าเป็นเพลงประจำตัวของแต่ละตัวละคร มาลองดูเรื่องราวความรักของทั้งสามคนแบบคร่าว ๆ กันดีกว่า

ยานามิ อันนะ

นกน้อยคนแรก ‘ยานามิ อันนะ’ เธอแอบชอบเพื่อนสมัยเด็กที่สนิทกันมานานอยู่คนหนึ่ง แต่เขาคนนั้นดันชอบเด็กสาวย้ายเข้ามาใหม่ ที่กลายมาเป็นส่วนหนึ่งในกลุ่มสามคนของพวกเธอ แม้จะชอบเขามากขนาดนี้แต่อันนะก็ยอมให้ทั้งสองคนคบกัน และตัดสินใจเป็นคนตีตัวออกหากไปเอง จากนั้นก็หันมาระบายใส่พระเอกของเราที่ดันบังเอิญไปอยู่ในเหตุการณ์อกหักวันนั้นพอดิบพอดี แต่ส่วนที่ดีที่สุดของเรื่องราวนี้ คือหนทางในการเคลียร์ปมในจิตใจของอันนะ จากการที่พระเอกเข้าไปยุ่งนี่แหละ บอกได้เลยว่าตอนดูคือตื้นตันใจสุด ๆ

นกน้อยคนที่สอง ‘ยากิชิโอะ เลมอน’ เพื่อนร่วมห้องของพระเอก ดาวเด่นประจำชมรมกรีฑาที่มีดีกรีสาวสวย เสน่ห์แรงสุด ๆ ทว่าเธอดันอกหักกับเพื่อนสมัยเด็กที่รู้กจักกันมานาน (อีกแล้ว) โดยหนุ่มแว่นคนนั้นเป็นสายเด็กเรียนที่ดันไปสนิทกับสาวอีกคนที่เรียนพิเศษที่เดียวกันจนสุดท้ายเลมอนก็นกไปตามระเบียบ แม้ในความสนิทแบบเพื่อนชายหญิงจะดูเคมีเข้ากันได้ดี แต่พอเป็นเรื่องรักที่จะก้าวข้ามความเป็นเพื่อนนั้นกลับยากลำบากยิ่งนัก และบทสรุปของความสัมพันธ์ทั้งสองคนนี้นั้นกลับเป็นเรื่องที่เหนือคาดมาก ต้องลองไปดูเอาเองละแหละ

นกน้อยคนสุดท้าย ‘โคมาริ จิกะ’ เด็กสาวพูดน้อยสายอินโทรเวิร์ตจากชมรมวรรณกรรม ที่แอบชอบรุ่นพี่ประธานชมรม ทว่ากลับมีรองประธานชมรมเป็นเพื่อนสมัยเด็กที่สนิทกับฝ่ายชายมาเป็นก้างขวางตลอดเวลา แต่เมื่อวันหนึ่งเธอหลุดปากสารภาพรักในสถานการณ์ที่คาดไม่ถึงออกไป ความสัมพันธ์ในชมรมก็แทบพังทลาย จะเป็นยังไงต่อกันนะ พระเอกของเราที่เป็นส่วนหนึ่งของชมรมวรรณกรรมจะช่วยเหลือตรงส่วนไหนบ้าง ต้องติดตามตรงพาร์ตสุดท้ายของอนิเมะเรื่องนี้อีกที

และนอกจากตัวละครหลักแล้ว ตัวละครอื่น ๆ ในเรื่องยังมีเสน่ห์มากอีกด้วย ทำให้เราสามารถเพลิดเพลินไปกับการดูอนิเมะเรื่องนี้ทั้งงานภาพและเนื้อเรื่องได้เลย คงคอนเซปต์ของเลิฟคอเมดีได้อย่างครบถ้วน ไม่ขาดตกบกพร่อง แต่เสียดายอยู่อย่างเดียวตรงที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักนี่แหละ สงสัยต้องรอลิขสิทธิ์ของฉบับนิยายถูกนำเข้าไทยอีกที ถึงจะเริ่มพูดถึงเป็นวงกว้างมากขึ้น


เรื่องที่ 2 : ตำนานดาบและคทาแห่งวิสตอเรีย!
(Tsue to Tsurugi no Wistoria)

จำนวนตอนทั้งหมด 24 ตอน (ฉายยาวถึงธันวาคม)

ช่องทางการดู : Bilibili (ซับไทย), Bilibili (พากย์ไทย), iQIYI (ซับไทย), iQIYI (พากย์ไทย), Muse Thailand, Netflix

อนิเมะแนวแอ็กชันแฟนตาซีในโลกเวทมนตร์ ที่พระเอกของเรา ‘วิล เซอร์โฮลท์’ เป็นนักเรียนในโรงเรียนเวทมนตร์เพียงคนเดียวที่ไม่สามารถใช้พลังเวทได้ ทำให้บทบาทในโรงเรียนของเขาถูกนักเรียนส่วนมากรวมถึงอาจารย์ดูถูก จนเขาทำได้เพียงแค่ไล่เก็บคะแนนหน่วยกิตจากการสอบข้อเขียนและลงดันเจียนปราบมอนสเตอร์ เพื่อให้ผ่านชั้นปีได้เท่านั้น โดยอาวุธที่เขาใช้ก็คือ ดาบพร้อมทักษะต่อสู้ระยะประชิดที่มีพื้นฐานมาจากร่างกายสายเลือดเผ่าคนแคระของเขาเท่านั้น

โดยสาเหตุที่วิลต้องมุ่งมั่นในโรงเรียนสอนเวทมนตร์แห่งนี้ขนาดนั้น ก็เพราะสัญญาที่เคยให้ไว้กับเพื่อนสมัยเด็กรักแรกอย่าง ‘เอลฟาเรีย (เอลฟี่)’ ที่ตอนนี้เธอคนนั้นได้กลายเป็นหนึ่งในห้าผู้นำสูงสุดของโลกเวทมนตร์ไปแล้ว เขาจึงต้องพยายามเป็นอย่างมากเพื่อจะไล่ตามให้ทันและรักษาสัญญากับเอลฟี่เอาไว้ให้ได้ แม้คนอื่นจะดูถูกยังไงก็ตาม

ก่อนจะป้ายยากันต้องบอกก่อนว่า อาจารย์คนเขียนเรื่องนี้ คือคนเขียนนิยายเรื่อง ‘มันผิดรึไง ถ้าใจอยากจะพบรักในดันเจียน (Danmachi)’ ที่มีอนิเมะมากถึง 5 ซีซันด้วยกัน เพราะงั้นรับประกันความเดือดของเนื้อเรื่องได้เลย โดยต้นฉบับของเรื่องวิสตอเรียจะเป็นมังงะ มีลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์ รักพิมพ์ แต่เนื่องจากเพิ่งมีไม่กี่เล่มเท่านั้น เพราะงั้นอนิเมะน่าจะเนื้อหานำไปอีกทีแน่ ๆ หลังจากนี้

ถึงอย่างงั้นก็แนะนำให้ดูอนิเมะมากกว่าอยู่ดี เพราะฉากต่อสู้ระหว่างดาบและคทาเวทมนตร์ในเรื่องนี้ ดีไซน์ออกมาได้อลังการมาก ผสมกับความเข้มข้นของการต่อสู้กับคนอื่น ๆ ในโรงเรียนที่ใส่ความเป็นเหตุเป็นผลเข้ามาได้อย่างดี อีกทั้งยังมีเรื่องราวความพยายามของวิลในการฝ่าฝันอุปสรรคเพื่อทำตามสัญญากับเอลฟี่ ด้วยพลังกายล้วน ๆ ทำให้อดเอาใจช่วยไม่ได้ เรียกได้ว่าหนึ่งในม้ามืดประจำซีซันจริง ๆ


เรื่องที่ 3 : นายน้อยจอมโกยก้าวสู่เส้นทางแห่งวีรบุรุษ
(Nige Jouzu no Wakagimi)

จำนวนตอนทั้งหมด 12 ตอน

ช่องทางการดู : Netflix, iQIYI

ธีมของอนิเมะเรื่องนี้จะย้อนยุคกลับไปในช่วงยุคอดีตของประเทศญี่ปุ่น ในสมัยของรัฐบาลบาคุฟุ (ปี ค.ศ. 1333) โดยตัวเอกของเรื่อง ‘โฮโจ โทคิยูกิ’ เป็นนายน้อยผู้ไม่ชื่นชอบการต่อสู้และหนีการฝึกมาตลอด ทว่าวันหนึ่งครอบครัวของเขากลับถูกสังหารทิ้งทั้งตระกูลด้วยฝีมือของกบฏที่เคยเป็นซามูไรผู้ภักดีมาก่อน และจ้องจะสังหารพระเอกของเราเพื่อกำจัดสายเลือดรัฐบาลทิ้งให้หมด

นายน้อยโทคิยูกิ จึงต้องหนีไปหลบซ่อนตัวอยู่กับนักบวช ‘สุวะ โยริชิเงะ’ ที่ได้ทำนายว่าในอนาคตเขาจะกลายเป็นผู้มากอบกู้ประเทศญี่ปุ่นและขึ้นเป็นวีรบุรุษได้ เพื่อการนั้นจึงได้รวบรวมพรรคพวกเพื่อหาหนทางในการนำเอาทุกสิ่งทุกอย่างของเขากลับคืนมาจากเหล่าทัพกบฏ ทว่านายน้อยที่มีดีแค่เรื่องของการหนีอย่างเดียว จะหาวิธีไหนในการไปต่อกรกับเหล่าซามูไรกันนะ ?

เรื่องนี้เป็นผลงานเรื่องล่าสุดของคนเขียน ‘ห้องเรียนลอบสังหาร (Assassination classroom)’ และ ‘โนงามิ นิวโร’ แต่คราวนี้มาในธีมของเรื่องราวประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นที่ผสมการละเล่นพื้นบ้านเข้ามาใช้ในการต่อสู้ด้วย หลัก ๆ เพราะการดีไซน์ให้นายน้อยของเราเป็นผู้หนีเพื่อชนะเป็นหลัก ดังนั้นการนำเสนอในรูปแบบนี้ถือว่าแปลกใหม่แต่ออกมาดีมาก สำหรับอาจารย์แกเลย โดยลิขสิทธิ์มังงะปัจจุบันมีแปลไทยออกมาแล้วจากทางสำนักพิมพ์ Siam inter comics

แต่ที่จะพูดถึงไม่ได้เลยคือ เวอร์ชันอนิเมะที่ได้ยกระดับเหนือชั้นไปยิ่งกว่าเวอร์ชันมังงะอีกหลายขั้น ด้วยผลงานของสตูดิโอ CloverWorks (Spy x Faimly, Wind Breaker) ที่คราวนี้ยกระดับงานภาพไปไกลมาก ด้วยการเล่นสีและละเลงการหนีของนายน้อยได้ออกมาจนสามารถเรียกได้ว่างานศิลปะเลยทีเดียว แค่ตอนแรกก็จัดเต็มจนอ้าปากค้างกันแล้ว

แม้ตัวเอกของเราจะยังเป็นเพียงเด็กน้อย แต่เนื้อเรื่องของเรื่องนี้กลับดาร์กมากเหลือเกิน เปิดมาตอนแรกก็โดนฆ่าล้างครอบครัว ตัดคอเสียบประจาน และต่าง ๆ นานาอีกมากมาย และยิ่งพอทำธีมในการหนีของนายน้อยให้เป็นสีสันแบบศิลปะยิ่งทำให้ค่อนข้างขัดแย้งกับความดาร์กของเนื้อเรื่องมากเลย ดังนั้นใครจะลองดูอาจจะต้องเตรียมใจนิดหนึ่ง แต่บอกได้เลยว่าดูแล้วไม่ผิดหวังแน่นอน เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องม้ามืดที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักเลยดีกว่า


จริง ๆ แล้วอนิเมะม้ามืดยังมีอีกหลายเรื่องเลย แต่สาเหตุที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึงกันสักเท่าไหร่ อาจจะเพราะเป็นเรื่องใหม่ ๆ ที่ไม่ค่อยมีใครคุ้นชื่อกันด้วย ดังนั้นถ้าใครอยากเริ่มต้นดูอนิเมะสนุก ๆ ผมขอป้ายยาให้สักสามเรื่องก่อนละกัน และรับประกันความสนุกทุกเรื่องเลย ว่าของดีประจำซีซันนอกเหนือจากคุณอาเรียฯ และลูกโอชิจริง ๆ