มหาเวทย์ผนึกมาร หรือ Jujutsu Kaisen เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่กระแสคนพูดถึงเยอะมาตลอดตั้งแต่อนิเมะซีซันแรกได้เริ่มออกฉายในปี 2020 และส่งผลให้ยอดขายมังงะพุ่งกระฉูดติดอันดับหนึ่งหลายปี ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นยุคทองของมหาเวทย์ผนึกมารก็ไม่ผิด ทว่าในช่วงหลังก่อนมังงะจะจบลงนั้น กลับไม่ได้มีแค่กระแสการชื่นชอบเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป เพราะกระแสคนด่าก็เยอะเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะเนื้อเรื่องในมังงะสำหรับคนที่ตามอ่านรายสัปดาห์มาตลอดจนถึงบทสรุปของเรื่อง

ดังนั้นบทความนี้จะพาไปวิเคราะห์เนื้อเรื่องในภาคต่าง ๆ ของมหาเวทย์ผนึกมารโดยเรียงตามการออกวางจำหน่ายของมังงะ (หรือเรียงตอนในอนิเมะ) ตั้งแต่จุดเริ่มต้นจนถึงจุดสิ้นสุด ส่วนสำหรับสายมังงะน่าจะรู้กันอยู่แล้วว่าเรื่องนี้จบลงแบบไหน แต่สายอนิเมะบอกเลยว่ายังพอลุ้นได้อีกหน่อย ว่าเรื่องนี้จะถูกสตูดิโอผู้สร้างอย่าง Mappa ทำออกมาใหม่ให้ไม่เหมือนมังงะขนาดไหนและรอลุ้นว่าจะดีขึ้นกว่าเดิมมั้ยนะ ?

สปอยล์เนื้อหาในมังงะจนถึงตอนจบ


ข้อมูลของมหาเวทย์ผนึกมาร

มังงะมีทั้งหมด 271 ตอนจบ รวมเป็น 30 เล่ม และเล่ม 0 อีกหนึ่งเล่ม

อ่านฟรีเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษได้ที่ Manga Plus

อนิเมะมีฉายแล้ว 2 ซีซัน

ซีซันที่ 3 ภาค จรดลล้างบาง กำลังจะฉายในปี 2025 (เนื้อหาเล่ม 16 – ต้นเล่ม 25)


ภาค เด็กต้องสาป

(Curse child arc)

⭐ ⭐ ⭐ ⭐ ⭐

มังงะเล่ม 0 | อนิเมะ Jujutsu Kaisen 0: The Movie

จุดเริ่มต้นของเรื่องมหาเวทย์ผนึกมารในฉบับมังงะ 4 ตอนจบ และถูกนำมารวมเล่มเป็นเล่มที่ 0 โดยโครงเรื่องช่วงแรกสุดจะเป็นการนำ ‘อคคตสึ ยูตะ’ มาเป็นพระเอกของเรื่อง ทว่าหลังจากนั้นก็ถูกเปลี่ยนไปเป็น ‘อิตาโดริ ยูจิ’ ตัวละครหลักที่ปรากฏตัวในเนื้อเรื่องหลัก ส่วนเนื้อหาในมังงะเล่ม 0 ทั้งเล่มได้ถูกนำไปสร้างเป็น The Movie ในชื่อว่า Jujutsu Kaisen 0: The Movie

เนื้อเรื่องในภาคนี้ถือเป็นจุดเริ่นต้นให้เราได้ทำความรู้จักเรื่องราวของโลกไสยเวทที่มีทั้งผู้ใช้คุณไสย นักสาปแช่ง และพลังอาคมคำสาป โดยสองตัวละครหลักที่หลายคนให้ความสนใจเลยก็คือ โกะโจ ซาโตรุ และ เกะโท สุงุรุ อดีตเพื่อนรักสองคนที่กลายมาเป็นศัตรูกันโดยไม่ทราบสาเหตุ ยิ่งฉากการต่อสู้กับเหล่าคำสาปในขบวนร้อยอสูรที่ถูกวางแผนมาเป็นอย่างดี ยิ่งทำให้เราได้สนุกมากขึ้นไปกับการโลกไสยเวทอีกด้วย

The Movie ภาคนี้เป็นอนิเมะที่ถูกสร้างขึ้นในปี 2021 หลังจากที่อนิเมะซีซันที่ 1 ฉายจบลงไป ดังนั้นในมุมมองของคนที่ดูอนิเมะมาอย่างเดียวไม่ได้อ่านมังงะมาก่อน (ที่ญี่ปุ่นออกมังงะเล่ม 0 มาก่อน) จะเปลี่ยนจุดโฟกัสไปสนใจที่ตัวละคนอย่างอคคตสึ ยูตะแทน เนื่องจากว่าเขาปรากฏตัวในเนื้อเรื่องหลักแค่ชื่ออย่างเดียวเท่านั้น ส่วนเจ้าตัวไปทำอะไร อยู่ที่ไหน หน้าตาอย่างไร ไม่มีใครรู้เลยตอนที่ดูอนิเมะซีซันที่ 1 ทำให้ภาคนี้เหมือนเป็นการเล่าให้คนดูอย่างเราที่รู้จักพวกยูจิและโกะโจแล้ว ให้มารู้จักกับยูตะกันแทน

ไม่มีคำสาปไหนที่บิดเบี้ยวไปมากกว่าความรักแล้วล่ะ

โกะโจ ซาโตรุ

ภาค คลอดครรภ์คำสาป

(Fearsome Womb Arc)

⭐ ⭐ ⭐ ⭐

มังงะตอนที่ 1 – 18 | อนิเมะ ตอนที่ 1 – 8

เริ่มภาคแรกด้วยความลึกลับของวัตถุต้องสาป ‘นิ้วทั้ง 20 ของเรียวเมนสุคุนะ’ ราชาคำสาปในอดีตที่เรียกได้ว่าเป็นลาสต์บอสของเรื่องนี้ โดยจะเล่าเรื่องราวผ่านมุมมองของอิตาโดริ ยูจิ เด็กหนุ่ม ม.ปลาย (ไม่) ธรรมดา ที่ดันบังเอิญไปกินนิ้วของสุคุนะเข้าไปและกลายเป็นภาชนะให้สุคุนะกลับมามีชีวิตในยุคปัจจุบันได้ ซึ่งการเล่าเนื้อเรื่องในส่วนนี้เป็นการนำเสนอที่ดำเนินเรื่องไปค่อนข้างไวมาก อารมณ์เหมือนยูจิที่อยู่ดี ๆ ก็กลายมาเป็นภาชนะต้องสาปแถมจะโดนประหารแบบงง ๆ

ทั้งการเรียนรู้เรื่องราวของโลกไสยเวทไปพร้อมกันกับยูจิ การรับรู้ถึงความเลวร้ายของสุคุนะ ความแข็งแกร่งของโกะโจ ซาโตรุ (โดยเฉพาะตอนถอดผ้าปิดตาออก) นอกจากนั้นยังวางพลอตให้มีตัวละครฝั่งร้ายนอกเหนือจากสุคุนะอีกด้วย เช่นวิญญาณคำสาปที่เกิดจากภัยพิบัติธรรมชาติทั้งหลาย และ นักสาปแช่งเกะโท สุงุรุ โดยบทแรกนี้จะถือเป็นการปูเรื่องได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว อาจจะมีงงกับตัวละครที่เพิ่มเข้ามาเยอะมากในทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นฝั่งนักเรียนโรงเรียนไสยเวท หรือฝั่งวิญญาณคำสาป แต่โดยรวมแล้วยังถือว่าทำออกมาได้น่าสนใจมากสำหรับการเริ่มต้น


ภาค ปะทะ มาฮิโตะ

(Vs. Mahito Arc)

⭐ ⭐ ⭐ ⭐

มังงะตอนที่ 19 – 31 | อนิเมะ ตอนที่ 9 – 13

บทนี้จะเป็นการแยกตัวละครยูจิมาฉายเดี่ยวและให้เราได้เห็นถึงการเติบโตของพระเอกของเรื่องโดยมี โกะโจและนานามิ คอยช่วยเหลือซัพพอร์ตอยู่ห่าง ๆ การเติบโตที่ว่านี้คือทั้งทางร่างกายและทางจิตใจ ทำให้หลังจากนี้ยูจิสามารถตัดสินใจอะไรได้เด็ดขาดมากยิ่งขึ้น และมองมาฮิโตะกับสุคุนะเป็นเพียงคำสาปที่ต้องกำจัดเท่านั้น

เนื่องจากว่าบทนี้เป็นบทที่ยูจิเติบโตขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ทั้งการแอบฝึกฝนในระหว่างที่แสร้งทำเป็นตาย ทั้งการได้รู้จักจุนเปย์ ทั้งการได้กลายเป็นศัตรูคู่อาฆาตกับมาฮิโตะ เนื้อเรื่องในภาคนี้จึงทำให้เราดำดิ่งไปพร้อมกับความมืดในใจของยูจิที่ก่อตัวขึ้นมาทีละนิด ก่อนที่จะก้าวเข้าสู่ภาคใหม่ที่เป็นการต่อสู้กับนักเรียนโรงเรียนเกียวโตในงานเชื่อมสัมพันธ์ โดยรวมภาคนี้จึงถือเป็นอีกหนึ่งภาคที่ทำออกมาได้ดีแม้จะมีตัวละครหลักในการดำเนินเรื่องน้อยลง (เมงุมิ กับ โนบาระ)


ภาค งานเชื่อมสัมพันธ์โรงเรียนพี่น้องเกียวโต

(Kyoto Goodwill Event Arc)

⭐ ⭐ ⭐ ⭐

มังงะตอนที่ 32 – 54 | อนิเมะ ตอนที่ 14 – 21

ภาคนี้อาจจะเป็นภาคที่เรียกได้ว่าทำเอาหลายคนมึสับสนกับความสัมพันธ์ของตัวละครที่สุดว่าสรุปพวกนี้เป็นพวกเดียวกันจริงมั้ย ? เนื่องจากการเปิดเผยตัวละครที่เยอะมากจากทางฝั่งโรงเรียนไสยเวทเกียวโต และแทนที่งานเชื่อมสัมพันธ์ไมตรีจะทำให้ทั้งสองโรงเรียนมีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น กลับกลายเป็นจ้องจะฆ่ากันอย่างเดียวซะงั้น โดยสาเหตุหลักก็คือการกลับมาของ ‘ภาชนะสุคุนะ’ ที่ตอนแรกนึกว่าตายไปแล้ว จึงทำให้งานแข่งขันกันระหว่างสองโรงเรียนกลายเป็นศึกจ้องจะฆ่ายูจิทันที หนำซ้ำยังโดนวิญญาณคำสาประดับพิเศษอย่าง ‘ฮานามิ’ บุกเข้าโรงเรียนในระหว่างแข่งอีกด้วย ดังนั้นใครจะงงก็ไม่แปลก

บทนี้เรียกได้ว่าเป็นอีกบทหนึ่งที่ทำให้เราได้เห็นการการต่อสู้ในแบบไม่เวอร์วังมากจนเกินไประหว่างนักเรียน ทั้งการประยุกต์ใช้คุณไสยในการต่อสู้ การใช้อาวุธไสยเวท หรือ การซัดหมัดนัว ๆ ระหว่างโทโดกับยูจิจนกลายมาเป็นคู่หูบราเธอร์ส นอกจากนั้นยังมีการปล่อยข้อมูลบางอย่างที่พวกวิญญาณคำสาปกำลังลงมือทำอย่างลับ ๆ รวมไปถึงความแข็งแกร่งของพวกเขาอีกด้วย ดังนั้นโดยรวม บทนี้จึงอาจจะยังมีความมึนงงกับการอัดข้อมูลไปค่อนข้างเยอะโดยเฉพาะความสัมพันธ์ตัวละคร แต่บอกได้เลยว่าเป็นอีกหนึ่งบทที่มันส์มาก (ยกเว้นตอนตีเบสบอลนะ)


ภาค แผนภาพมรณะ

(Death Painting Arc)

⭐ ⭐ ⭐ ⭐

มังงะตอนที่ 55 – 64 | อนิเมะ ตอนที่ 22 – 24

ภาคที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่ในตอนดูครั้งแรก เนื้อเรื่องจะเป็นเพียงแค่การเล่าเรื่องฝั่งวิญญาณคำสาปว่าหลังจากเข้าไปขโมยนิ้วของเรียวเมนสุคุนะจากโรงเรียนไสยเวทมาได้แล้ว จึงนำมาสร้างพรรคพวกคนใหม่อย่าง แผนภารมรณะครรภ์คำสาปต่อ (พี่น้อง 3 คน) ทว่ายังมีจุดที่แอบซ่อนความลับเอาไว้อยู่ แต่กว่าจะเปิดเผยคือช่วงท้ายของอุบัติการณ์ชิบุยะเลยนั่นก็คือเรื่องราวของชาติกำเนิดยูจิ

ดังนั้นภาคนี้ส่วนตัวผมมองว่าในการดูครั้งแรกจะเป็นเพียงภารกิจปราบคำสาปของสามหน่อปีหนึ่งแบบธรรมดา และเพราะไม่ใช่ภาคที่ยาวมาก ภาคนี้เลยเหมือนเป็นจุดเชื่อมต่อไปยังภาคต่อไปซะมากกว่า ทว่าถ้าเรากลับมาอ่านหรือดูซ้ำอีกรอบหลังจากจบภาค ‘อุบัติการณ์ชิบุยะ’ บอกได้เลยว่าเราจะได้เห็นสิ่งที่ซ่อนอยู่เยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์พี่น้องของครรภ์คำสาป หรือ แผนการที่วางเอาไว้มาตลอดของพวกมาฮิโตะ


ภาค อดีตของโกะโจ

(Gojo’s Past Arc)

⭐ ⭐ ⭐ ⭐ ⭐

มังงะตอนที่ 65 – 79 | อนิเมะ ตอนที่ 25 – 29

อดีตของโกะโจ ซาโตรุ เป็นภาคที่อยู่ดี ๆ ก็ย้อนมาแบบไม่มีการบอกกล่าวล่วงหน้า แต่เนื่องจากว่าโกะโจเป็นนักไสยเวทที่แข็งแกร่งที่สุดในยุคปัจจุบัน ทำให้การค้นหาเหตุผลว่าอะไรทำให้เขากลายเป็นคนที่แข็งแกร่งได้ขนาดนั้นในบทย้อนอดีตนี้จึงมีความสำคัญกับเนื้อเรื่องมาก ดังนั้นถึงจะงง ๆ ในช่วงแรกที่อยู่ดี ๆ ก็ย้อน ละไปเจอกับทั้งกลุ่มนักสาปแช่งในอดีต, ทั้งเซนอิง โทจิ ตัวละครที่ตายในอดีตแต่ส่งผลถึงปัจจุบัน, ทั้งท่านเทนเกน, ทั้งเกะโทที่ยังเป็นเพื่อนรักสนิทสนทกับโกะโจ (แตกต่างจากตอนเจอครั้งแรก เพราะเราเห็นในเวอร์ชันดาร์กไปแล้ว) ทำให้อาจจะต้องใช้เวลาทำความเข้าใจกันสักหน่อยนึง

ภาคนี้จึงถือเป็นอีกหนึ่งภาคที่มีความสำคัญและเล่าเรื่องออกมาได้สนุกมาก (อนิเมะจะงงน้อยกว่ามังงะ) มีทั้งการเปิดเผยตัวละครในอดีต การพูดถึงพัฒนาการความแข็งแกร่งของโกะโจ ความดาร์กของเนื้อเรื่องที่ทำให้เกะโทเข้าสู่ด้านมืดและกลายเป็นนักสาปแช่งแบบเต็มตัว รวมถึงเพลงเปิดอย่าง ‘Where Our Blue Is – Tatsuya Kitani’ ที่มีการซ่อนคำพูดและความสัมพันธ์ของเพื่อนรักที่แยกทางกันไปอยู่ในเนื้อเพลงอีกด้วย


ภาค อุบัติการณ์ชิบุยะ

(Shibuya Incident Arc)

⭐ ⭐ ⭐ ⭐ ⭐

มังงะตอนที่ 79 – 136 | อนิเมะ ตอนที่ 30 – 47

หนึ่งในภาคที่ยาวนานที่สุดของเรื่องมหาเวทย์ผนึกมาร เพราะกินเนื้อหาในอนิเมะไปเกือบ 20 ตอน แต่ก็เรียกได้ว่าเป็นภาคที่อาจารย์เกเกะใส่เต็มแบบไม่กั๊ก เป็นการรวมเอาแผนการทุกอย่างที่ฝั่งวิญญาณคำสาปวางแผนเอาไว้ตั้งแต่ตอนแรก เกี่ยวกับ ‘อุบัติการณ์ชิบุยะ’ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อที่จะผนึกโกะโจ ซาโตรุ ผู้ใช้คุณไสยที่แข็งแกร่งที่สุดออกไปจากสนามรบ ก่อนจะเริ่มเปิดสงครามกับนักไสยเวทที่เหลือ

จากนั้นการมาของตัวละครทั้งหน้าเก่าหน้าใหม่ การจับคู่ต่อสู้กันของทีมโรงเรียนไสยเวทกับวิญญาณคำสาประดับพิเศษ การตื่นขึ้นของเรียวเมนสุคุนะ และการเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเคนจาคุที่เรียกได้ว่า (เกือบจะ) เป็นลาสต์บอส ทั้งหมดที่ถูกนำมายำรวมกันทำให้ภาคนี้กลายเป็นหนึ่งในภาคที่ดีที่สุดของมหาเวทย์ผนึกมารอย่างไม่ต้องสงสัย


ภาค จรดลล้างบาง

(Culling Game Arc)

⭐ ⭐ ⭐ ⭐

มังงะตอนที่ 137 – 221

เรื่องราวในอนิเมะซีซันที่ 3 จะเริ่มต้นหลังจากนี้เป็นตันไป เป็นการเล่าเหตุการณ์หลังจบอุบัติการณ์ชิบุยะและโกะโจ ซาโตรุโดนผนึกไปเป็นที่เรียบร้อย ทำให้พวกยูจิและเมงุมิต้องเข้าร่วมเล่นเกม ‘จรดลล้างบาง’ ที่เคนจาคุเป็นผู้สร้างขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือสึมิคิ (พี่สาวเมงุมิที่โดนลูกหลง) โดยในภาคนี้จะเป็นอีกหนึ่งภาคที่ตัวละครเยอะมากกก รวมไปถึงตัวประกอบอีกมากมายที่โผล่มาเป็นคู่ต่อสู้ให้กับพวกพระเอก ดังนั้นใครตามตัวละครไม่ทันมีงงจนตาแตกแน่นอน แต่ยังดีที่ภาคนี้เป็นการเล่าเรื่องแบบแบ่งเป็นบท ๆ อย่างชัดเจนโดยการจับคู่ให้แต่ละตัวละครของทางฝั่งพระเอกกระจายออกเป็นโซน เพื่อเคลียร์ศัตรูในโซนนั้น ๆ ดังนั้นเราจึงได้เห็นการต่อสู้ของแต่ละคนแบบจัดเต็มแน่นอน

รวมไปถึงการเปิดตัวของตัวละครฝั่งโรงเรียนไสยเวทเพิ่มเติมจากที่เคยได้ยินกล่าวถึงแค่ชื่ออย่างเดียว คือ ‘อคคตสึ ยูตะ’ และ ’ฮาคาริ คินจิ’ สองตัวบัคที่จะกลับมากู้ชื่อเสียงหลังจากโกะโจโดนผนึกไป แต่อย่างที่บอกเนื่องจากว่าภาคนี้มีการเปิดตัวละครใหม่มาค่อนข้างเยอะ บวกกับกฏกติกาของเกมจรดลล้างบางที่สุดแสนจะงง เพราะงั้นอาจจะต้องทำความเข้าใจกันเยอะหน่อย แต่บอกเลยว่าแต่ละคู่ซัดกันมันส์จริง รอดูในอนิเมะซีซันที่ 3 ได้เลยว่าจะทำออกมาได้ดีขนาดไหน


ภาค ศึกชี้ชะตาแดนอสุราชินจูกุ

(Shinjuku Showdown Arc)

มังงะตอนที่ 222 – 271

หลังจบภาค ‘จรดลล้างบาง’ และทำการปลดปล่อยโกะโจออกจากผนึกได้สำเร็จ เนื้อเรื่องจะเข้าสู่เฟสถัดไปที่เป็นการซัดกับเรียวเมนสุคุนะที่ได้ย้ายร่างภาชนะออกจากตัวยูจิไปที่เมงุมิแทน (วางแผนมานาน) โดยภาคนี้ถือเป็นภาคสุดท้ายของมหาเวทย์ผนึกมารและเป็นบทสรุปของทุกอย่างที่อาจารย์เกเกะอยากเขียนออกมา แต่ก็ใช่ว่าจะถูกใจทุกคนเสมอไป เพราะมันยังมีอีกหลายประเด็นมากที่ถูกโยนทิ้งไปแบบไม่พูดถึง รวมถึงความเละเทะของเนื้อเรื่อง (ในมุมมองของหลาย ๆ คน) ที่สายตามอ่านรายสัปดาห์ต่างพูดถึงเป็นเสียงเดียวกันว่ามันมันถอยหลังลงจากภาคแรกขนาดไหน ดังนั้นภาคนี้ผมจะขอแบ่งออกเป็นสามพาร์ตด้วยกันดังนี้…

โกะโจ ปะทะ สุคุนะ

⭐ ⭐ ⭐ ⭐ ⭐

พาร์ตนี้เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งการต่อสู้ที่คู่ควรจะจารึกไว้เป็นอย่างมาก (ถึงอ่านครั้งแรกจะงงมากเช่นกัน) เพราะเป็นการซัดกันระหว่างสองผู้ใช้คุณไสยที่แข็งแกร่งที่สุดในแต่ละยุค คือ ยุคปัจจุบันและยุคพันปีที่แล้ว โดยที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างเห็นได้ชัดเลย คืออาจารย์เกเกะเลือกที่จะเล่าการต่อสู้ในแนวทางใหม่ ไม่ได้เน้นที่ฉากแอกชันเยอะเท่าเดิมอีกต่อไป แต่จะเป็นเน้นการบรรยายเพิ่มเข้ามาแทนในมุมมองของคนดูการต่อสู้อย่างเดียว (ดูไปพร้อมกับพวกยูจิ) ว่าจังหวะนี้สองคนนั้นทำอะไรไปบ้าง ใครเข้าใจความคิดของพวกเขาบ้าง ทำไมถึงเลือกที่จะทำแบบนี้ จนแอบคาดหวังเลยว่าอนิเมะในช่วงการต่อสู้ของสองคนนี้จะถูกดีไซน์ออกมาได้ดีกว่าเดิมขนาดไหน แต่จะเข้าใจง่ายมั้ย อันนั้นอีกเรื่อง

โรงเรียนไสยเวท ปะทะ สุคุนะ

⭐ ⭐ ⭐

หลังจบการต่อสู้ช่วงแรกลงด้วย ‘ความพ่ายแพ้’ ของโกะโจ ซาโตรุ ซึ่งเป็นจุดที่พีคมากจนทุกคนในช่วงจังหวะนั้น (รวมถึงคนที่ไม่ได้ตามมังงะเช่นกัน) น่าจะโดนสปอยล์กันเรียบ ถ้าถามว่าบทถูกปูมาให้โกะโจแพ้มั้ย อันนี้คิดว่าหลายคนน่าจะต้องคิดแบบเดียวกันอยู่แล้ว ว่าโอกาสแพ้ค่อนข้างสูง ไม่งั้นตัวละครอื่นจะไม่มีบทในการต่อสู้ครั้งนี้เลย แต่สิ่งที่มันไม่โอเคสุด ๆ (สำหรับผม) ก็คือการตัดบทที่ง่ายเกินไปในมังงะตอนที่ 236 ทั้งที่ก่อนหน้านั้นสู้กันมาอย่างยาวนาน แต่ตอนจะตัดบทโกะโจทิ้งอาจารย์เกเกะกลับเลือกทำออกมาได้ง่าย ๆ เหมือนโยนทิ้งไปเลย

และหลังจากนั้นเนื้อเรื่องก็เข้าสู่ความวนลูป ทุกคนกระโดดเข้ามารุมสุคุนะกันอย่างต่อเนื่องแต่กลับเป็นเพียงการโยนตัวละครทิ้งแบบไม่เหลือเยื่อใย บางคนโผล่มา 2-3 ตอนยังไม่ทันจะได้โชว์อะไรมาก ก็โดนตัดบทแล้ว ทำให้การต่อสู้เข้าวนลูปไปเรื่อย ๆ พร้อมกับมีมที่ว่า ‘ท่านสุคุนะยังไม่เอาจริง’ ยิ่งถ้าตามอ่านรายสัปดาห์จะยิ่งรู้สึกมากขึ้นเรื่อย ๆ ว่าเหมือนการต่อสู้นี้ไม่มีทางจบสิ้นสักที แถมพลังหรือแผนการของแต่ละคนที่เอามาที่ถูกเล่าผ่านการย้อนอดีตเป็นชอต ๆ ก็ยังใช้กับสุคุนะไม่ได้ ดังนั้นกระแสของภาคนี้จึงออกมาเป็นเสียงส่วนมาก ว่าเนื้อเรื่องเริ่มเละเทะขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากโกะโจตาย

สามารถอ่านบนความเพิ่มเติมได้ที่ : มังงะมหาเวทย์ผนึกมารช่วงหลัง ๆ เนื้อเรื่องเละเทะจริงมั้ย ?

บทสรุป 5 ตอนสุดท้าย

การประกาศว่ามังงะจะจบลงในอีก 5 ตอน ถือเป็นเรื่องที่ฮือฮามากในจังหวะนั้นเช่นกัน เพราะเนื้อเรื่องยังคงวนลูปการต่อสู้กับสุคุนะที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะพ่ายแพ้ไป และอยู่ในช่วงที่ยูจิกำลังกางอาณาเขตที่ลากสุคุนะเข้าไปคุยเปิดใจกัน ทำให้คนอ่านต่างมองไปเป็นเสียงเดียวกันว่าอาจารย์ไม่น่าจะสามารถจบเรื่องและเคลียร์เนื้อหาพร้อมปมทั้งหมดได้แน่ ๆ เพราะมันยังเหลืออีกเพียบที่ยังไม่เล่า

และก็เป็นไปตามที่คาด อาจารย์เกเกะเลือกที่จะตัดจบการต่อสู้ลงโดยยูจิเป็นคนปิดฉาก แถมยังเลือกที่จะเอาสามตอนสุดท้ายที่เป็นบทส่งท้ายหลังจบศึกยาวนาน มาเล่าแบบไม่เคลียร์ปมทั้งหมด ด้วยการยัดฉากการทำภารกิจของสามหน่อโรงเรียนไสยเวทโตเกียวปีหนึ่งเข้ามา (เพื่อ ?) นอกจากนั้นยังจบลงด้วยการที่ตัวละครลาสต์บอสอย่างสุคุนะที่ก่อนหน้านี้ปฏิเสธตัวตนของยูจิมาตลอด ดันมากลับตัวกลับใจยอมรับในตอนสุดท้ายเฉย (แถมไม่เล่าอดีตสุคุนะให้เราอินตามอีก) ดังนั้นบทส่งท้าย 5 ตอนสำหรับผมที่ตามเรื่องนี้มาตลอด ต้องบอกเลยว่าไม่โอเคมาก ๆ กับการจบแบบนี้ ถ้ายังมีเวลาเหลือให้เล่าเรื่องมากกว่า 5 ตอน ละค่อยมาจบลงแบบนี้ อันนั้นก็จะเป็นอีกแบบนึงที่ผมคิดว่าน่าจะดีกว่าเดิมมาก ซึ่งอาจารย์เกเกะไม่เลือกที่จะทำแบบนั้น

สามารถอ่านบนความเพิ่มเติมได้ที่ : จบแล้วแต่ยังไม่เคลียร์ มังงะ ‘มหาเวทย์ผนึกมาร’ ยังเหลือปมค้างคาอะไรกันบ้างนะ ?

ดังนั้นแล้วถ้าถามว่ามหาเวทย์ผนึกมารยังเป็นเรื่องที่สนุกอยู่มั้ย ส่วนตัวผมก็ยังชอบอยู่เหมือนเดิม แต่แค่แอบขัดใจกับบทสรุปของมังงะที่อาจารย์เกเกะเลือกที่จะจบมันออกมาแบบนั้น ถ้าเกิดว่ายังมีต่อภาค 2 หรือว่ามีอีกสัก 10 ตอนให้เล่าเรื่องราวช่วงท้าย การจบแบบ Happy Ending เหมือนที่เป็นอย่างตอนนี้อาจจะสามารถเล่าออกมาได้ดีกว่านี้ก็ได้ เพราะงั้นตอนนี้ได้แต่ตั้งความหวังไว้ที่อนิเมะอย่างเดียวแล้ว ว่าจะทำออกมาได้แตกต่างและดีกว่าเดิมขนาดไหน