เมื่อเอเควสเทียมีภัย ได้เวลาฮีโร่พันธุ์คิวต์รวมกีบพิทักษ์โลก
งานเลี้ยงฉลองมิตรภาพคืองานสำคัญที่สุดในชีวิตของ เจ้าหญิง ทไวไลต์ สปาร์เคิล (พากย์โดย ทารา ยัง) ม้าน้อยโพนี่ผู้เป็นเจ้าหญิงแห่งมิตรภาพ แต่ความฝันของเธอมีอันล่มสลายเมื่อ เทมเปสต์ แชโดว์ (พากย์โดย เอมิลี บลันต์) พากองทัพทมิฬบุกปราสาทและสาปทุกคนให้กลายเป็นก้องหินเหลือเพียง เจ้าหญิงทไวไลต์ และพรรคพวกทั้ง เรนโบว์แดช (พากย์โดย แอชลี บอล)โพนี่ที่สร้างสายรุ้งได้ , แอปเปิลบลูม (พากย์โดย มิเชล เครเบอร์) โพนี่น้องสาวเรนโบว์แดช , พิงค์กี พาย (พากย์โดย แอนเดรีย ลิบแมน) โพนี่ผู้ตื่นตูมกับทุกเรื่อง, เดอร์ปี้ ฮูฟส์ (พากย์โดย ทาร์บิธา แซง แยแมง) โพนี่สีเทา และ สไปค์ (พากย์โดย เคธี่ วีสลัค)มังกรน้อยสหายคนสนิทของเจ้าหญิงทไวไลต์ พวกเธอจะต้องร่วมแรงใจกันตามหา ควีนโนโว (พากย์โดย อูโซ อาดูบา) ราชินีฮิปโปกริฟเพื่อหวังของวิเศษมากอบกู้ เอเควสเทีย ของพวกเธอ
เหล่าการ์ตูนสีสดใสกับเนื้อเรื่องปลอดพิษภัย
ถ้าคุณเป็นแฟนคลับของการ์ตูนโพนี่ My Little Pony The Movie คือหนังของคุณอย่างแท้จริงเพราะไม่เพียงตัวละครจากฉบับอนิเมชั่นเท่านั้น แม้แต่เสียงพากย์ยังนำนักแสดงเดิมมาให้เสียงอย่างครบถ้วน รวมถึงโทนการเล่าเรื่องที่ไม่ได้ผิดไปจากเวอร์ชั่นการ์ตูนซีรีส์นักเลยทำให้เราได้ดูตัวละครที่เรารักในเวอร์ชั่นหนังใหญ่กันอย่างเต็มตา แถมยังจัดเต็มด้วยบทเพลงไพเราะมากมายนอกจากเพลง Rainbow เพลงสุดทรงพลังที่ได้ เซีย (SIA) นักร้องซูเปอร์สตาร์มารับเชิญพากย์เป็น ซองเบิร์ด เซเรเนต โพนี่นักร้องดังแห่งเอเควสเทีย ที่ยังคงเอกลักษณ์เด่นๆของเธอเองแล้ว ยังมีหลายเพลงในเรื่องที่น่าจดใจโดยเฉพาะ Time to be awesome ที่ได้ โซอี้ ซัลดานา จาก Avatar ร่วมร้องในบทกัปตันเซลาโนที่เชื่อว่าจะต้องติดหูผู้ชมอย่างแน่นอน เรียกได้ว่าสามารถดูแก้ขัดรอหนังการ์ตูนดิสนี่ย์เพลงเพราะๆได้เลยล่ะ แต่นอกจากองค์ประกอบด้านโปรดักชั่นแล้ว อีกจุดที่ต้องชมคือบทภาพยนตร์ที่สามารถให้ข้อคิดเรื่องของมิตรภาพอย่างลึกซึ้งผ่านบททดสอบตลอดการผจญภัยของเหล่าโพนี่ที่จะช่วยกล่อมเกลาจิตใจเด็กๆได้เป็นอย่างดีเหมาะแก่การชมทั้งครอบครัวเป็นอย่างดี
เสียงพากย์สร้างสีสัน
นอกจากทีมพากย์จากฉบับการ์ตูนซีรีส์แล้ว My Little Pony The Movie ยังเชิญนักแสดงดังมาให้เสียงตัวละครใหม่ มากมาย เริ่มจากสาวๆอย่าง เอมิลี บลันต์ จาก Edge of Tomorrow ให้เสียง เทมเปสต์ แชโดว์ โพนี่ที่มีบาดแผลเรื่องมิตรภาพได้อย่างน่าเกรงขามและยังร้องเพลง Open up your eyes ได้อย่างทรงพลัง ด้านโซอี้ ซัลดานา ที่พากย์เสียง กัปตันเซลาโน โจรสลัดนกแก้วพร้อมโชว์เสียงร้องเพลง Time to be awesome เพลงสนุกๆของเรื่องได้อย่างคึกคักจนเหล่าลูกน้อยของคุณอาจถึงกับต้องตบมือตบไม้เลยทีเดียว ส่วนหนุ่มๆก็ไม่น้อยหน้าอย่าง เทย์ ดิก ที่ให้เสียง แคปเปอร์ แมวเจ้าเล่ห์ ก็พากย์ได้อย่างมีสเน่ห์และโชว์เสียงร้องเพลง I’m the friend you need ได้อย่างไพเราะอีกด้วย ส่วนไมเคิล พีนา และลีฟ ชเรเบอร์ ที่ให้เสียง กรับเบอร์ ลูกสมุนเทมเปสต์ และ สตอร์มคิง จอมวายร้ายก็สร้างสีสันและความตลกให้กับเรื่องราวได้เป็นอย่างดี
เสียงพากย์ไทยกับความครึ่งๆกลางๆ
สำหรับฉบับพากย์ไทยของหนัง My Little Pony The Movie ก็ต้องบอกว่ามีทั้งข้อดีและข้อเสียปนกันไป แต่สิ่งหนึ่งที่หนังทำถูกต้องเลยคือ การหลีกเลี่ยงเอาดารามาพากย์เสียงที่มักสร้างความรำคาญให้ผู้ชมอยู่บ่อยครั้ง และเท่าที่ฟังดูเสียงพากย์ส่วนใหญ่ก็เคยผ่านงานพากย์การ์ตูนหรือหนังใหญ่มาแล้วทั้งนั้นโดยเฉพาะตัวละครแก๊งโพนี่ 7 ตัว ทีนี้มาว่าถึงตัวละครใหม่กันบ้าง โดยนอกจาก ศิรภัสรา สินตระการผล หรือ แปม ไกอา ผู้เข้าแข่ง The Mask Singer ที่เคยอยู่ใต้หน้ากากโพนี่จะมารับเชิญให้เสียงพากย์ ซองเบิร์ด เซเรเนต แล้วเสียงพากย์ที่โดดเด่นที่สุดคงต้องยกให้บท เทมเปสต์ ชาโดว์ ที่นักพากย์ให้เสียงทุ้มต่ำมีอำนาจและร้องเพลง Open Up Your Eyes ฉบับภาษาไทยได้อย่างไพเราะ ส่วนตัวละครที่คิดว่ายังเทียบชั้นกับต้นฉบับไม่ได้จริงๆคือ แคปเปอร์ที่พากย์โดย พิพัฒน์ บุญสิทธิเลิศหรือที่รู้จักกันในนาม รีวิวแมน ที่นอกจากไม่สามารถสร้างเสน่ห์ให้ตัวละครแล้วเสียงร้องเพลงยังเข้าขั้นหายนะทั้งคร่อมจังหวะและผิดเพี้ยน
ส่วนจุดด่างพร้อยหลักของเสียงภาษาไทยอยู่ที่เพลงในเรื่อง เท่าที่ดูมามีเพลงภาษาไทยที่ใช้ดำเนินเรื่องอยู่ 3-4 เพลง ซึ่งเพลงที่โดดเด่นที่สุดคงหนีไม่พ้น Time to be awesome ที่สามารถแปลงเนื้อเพลงภาษาไทยได้อย่างสละสลวยเข้ากับจังหวะเพลง กับเพลง Open up your eyes ที่สามารถดึงแอ็คติ้งเสียงพากย์มาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนเพลงอื่นๆต้องบอกว่ายังไม่ได้มาตรฐานเหมือนการ์ตูนดิสนีย์นัก หลายเพลงคำร้องไม่สละสลวยเลยโดยเฉพาะเพลง I’m the friend you need ที่หายนะมากเหมือนให้นักพากย์ท่องอาขยานแล้วใส่ทำนอง และที่น่าเสียดายที่สุดคือการได้นักร้องอย่างคุณ แปม ไกอา มารับเชิญพากย์เสียงตัวละครเดียวกับ เซีย แต่กลับไม่มีการทำเพลง Rainbow เป็นภาษาไทยเต็มๆ มีแค่ฉากท้ายเรื่องที่เราจะได้ยินเพลงท่อนแรกเป็นภาษาไทย ซึ่งอนุมานว่าน่าจะติดปัญหาลิขสิทธิ์
สรุปแล้ว My Little Pony The Movie คืออนิเมชั่นที่เหมาะมากทั้งกับแฟนโพนี่ และครอบครัวที่อยากหาหนังดูร่วมกันในโรงภาพยนตร์ช่วงปิดเทอม ด้วยคาแรกเตอร์ที่น่ารัก บทเพลงไพเราะ พร้อมมอบข้อคิดดีๆให้กับเด็กๆรับรองว่านี่คือหนังสำหรับคุณอย่างแท้จริง