ด้วยกระแสของไลท์โนเวลแนว ไปเกิดใหม่ในอีกโลกหนึ่ง ที่ฮิตในหมู่แฟน ๆ จนมีคนทำออกมามากมายหลายหลากเรื่องราวทั้งไปเกิดเป็น สไลม์ ปีศาจสุดกระจอกบ้าง ไปเป็นนักเวทย์ขั้นเทพบ้าง หรือเป็นอะไรแปลก ๆ อย่างตู้ขายขายของอัตโนมัติก็มีมาแล้ว เรียกว่ามีให้อ่านไม่หวาดไม่ไหว บางเรื่องดังจนเอาไปทำเป็นมังงะ เป็นอนิเมะ หรือเกมก็มี ซึ่งนั่นก็คงไปกระตุ้นต่อมบางอย่างของยอดฝีมือระดับตำนานอย่าง อาจารย์โทริยามะ อากิระ ผู้เขียน Dragon Ball อยู่ไม่ใช่น้อย ป๋าแกเลยตอบรับไอเดียของกองบรรณาธิการที่จะเอามาเชื่อมกับจักรวาลดราก้อนบอลของแกแทบจะทันที
ตรงนี้แกก็ได้คุยกับนักวาดโดจินนามว่า Dragongarow LEE ซึ่งถนัดงานโดจินเรื่อง Dragon Ball และ One Punch Man อยู่แล้ว (สังเกตจากชื่อแกสิ เอาตัวเด่นทั้งสองเรื่องมาผสมเป็นนามปากกาเลย) จนออกมาได้เป็นงานสปินออฟ หรือภาคแยก หรือจะเรียกภาคพิศดารก็ไม่ผิดนัก ของมังงะดราก้อนบอลในที่สุด โดยในเล่มได้ให้เครดิตเขียนเรื่องเป็นของ อาจารย์โทริยามะ ส่วนเครดิตวาดนั้นเป็นของอาจารย์ดราก้อนกาโรว์ ด้วย
โดยเรื่องราวจะเล่าถึงนักเรียนมัธยมปลายคนหนึ่งที่คลั่งไคล้ดราก้อนบอลมาก แต่วันหนึ่งเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝันทำให้เขาฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง และพบว่าตัวเองอยู่ในร่างของ ยามูชา ตัวกระสอบทรายแห่งจักรวาลดราก้อนบอล ในช่วงต้นของเรื่องไปเสียแล้ว ซึ่งจากเรื่องราวของยามูชาที่เขาเคยอ่านมาทำให้เขารู้ว่าวันหนึ่งเขาจะต้องตายจากการถูกไซไบแมน ลูกสมุนของเบจิต้าฆ่าตาย เป็นที่อเนจอนาถใจแก่ผู้อ่าน แล้วถูกล้อซ้ำ ๆ ถึงความอ่อนของเขาจนกลายเป็นมีมยอดฮิตที่ล้อได้ไม่รู้จบด้วย เมื่อรู้เช่นนั้นมีหรือที่เด็กหนุ่มผู้จับพลัดจับผลูมาอยู่ในร่างนี้จะเดินตามรอยทางแห่งความกากในเมื่อเขาสามารถใช้ความรู้จากโลกเก่ามาแก้ไขชะตาได้ เอาล่ะเมื่อคนธรรมดาแต่มีความล่วงรู้อนาคตคนหนึ่งจะเอาตัวรอดในโลกที่มีแต่ยอดมนุษย์พลังระเบิดดวงดาวได้หรือไม่ โปรดติดตาม
ก็เรียกว่าเอาความตลกที่คนชอบแซวตัว ยามูชา หรือบ้านเราเรียกติดปากว่า หยำฉา นี้เองมาเล่นกับแนว เกิดใหม่ฯ ได้ดีมาก ด้วยความที่เนื้อหานั้นไม่ยาวมากนักจึงเล่าจบได้ในเล่มเดียว ประมาณ 141 หน้า โดยแบ่งเนื้อหาออกเป็น บทต้น บทกลาง บทปลาย และบทพิเศษ ซึ่งเป็นเนื้อเรื่องหลัก แล้วมีการ์ตูนแถมพิเศษให้อีก 6 หน้า ก็นับว่ากำลังลงตัวไม่เลอะเทอะมากไป เพราะโดยพื้นมันคือแนวล้อเลียน แนวการ์ตูนตลก การ์ตูนแก๊กอยู่แล้ว ด้านคุณภาพรูปเล่มกระดาษก็ตามมาตรฐานเนชั่นฯ ไม่ถึงขนาดกรีนรี้ด แต่ก็ได้กระดาษหนากว่าปกติของค่ายนี้ล่ะนะ น่าเสียดายนิดตรงไม่มีหน้าสีเลย ส่วนด้านงานแปลการพิสูจน์อักษรนี่ค่ายนี้หายห่วงได้ล่ะนะพลาดน้อยมาก ส่วนชื่อไทยนั้นก็เปลี่ยนจาก Dragon Ball Gaiden – Tensei shitara Yamcha datta ken มาเป็น เกิดใหม่เป็นยามูชาโชะเด๊ะ ซึ่งก็เป็นไปตามมาตรฐานของเนชั่นฯ ผู้คิดชื่อให้ นารูโตะนินจาคาถาโอ้โฮเฮะ จนลือลั่นมาแล้วนั่นเอง 555
ใครเป็นแฟนดั้งเดิมของดราก้อนบอล อยากจะได้เห็นลายเส้นแบบเก่า ๆ ของอาจารย์โทริยามะกลับมาโลดแล่นอีกครั้ง ซึ่งตรงนี้อาจารย์ดราก้อนกาโรว์ลอกสไตล์มาได้ค่อนข้างชวนให้คิดถึงทีเดียว จริง ๆ การ์ตูนเล่มนี้ก็เป็นที่พูดถึงสำหรับแฟน ๆ มาสักร่วมปีแล้วล่ะ บางคนอาจได้เห็นผ่านตาในเน็ตมาบ้าง แต่ถ้าอยากเก็บรูปเล่มดี ๆ เข้าคอลเล็กชั่นแล้วนั้นคงไม่ได้ ซึ่งตอนนี้ทางเนชั่นฯ ได้ทำฉบับแปลไทยเป็นรูปเล่มครบถ้วนแบบถูกลิขสิทธิ์ คุณภาพสมราคา 65 บาท (ที่ไม่ถูกไม่แพงในยุคนี้) ออกมาแล้ว ก็อยากให้ไปรีบซื้อเก็บกันเสียนะครับ ส่วนตัวผมไม่ได้เก็บการ์ตูนชุดดราก้อนบอลมา แต่ซื้อเล่มนี้มาอ่านก็รู้สึกคุ้มค่านะ เป็นการ์ตูนที่อ่านเพลิน ๆ ขำ ๆ ร่วมสมัย แถมยังให้นึกถึงเหล่าตัวละครตอนต้น ๆ เรื่องที่เคยมากเสน่ห์แต่ถูกลดบทบาทห่างหายไปตามเวลา ได้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งด้วย