เวลาฉาย/ จำนวนตอนต่อครั้ง
ทุกวันพฤหัสบดี (เวลา 9.00 น.) / สัปดาห์ละ 1 ตอน
Our score
7.1[รีวิว] ตัวร้ายอย่างข้าฯ: อนิเมะภาพสวยรวยชายหล่อเอาใจสาววายขั้นสุด!
จุดเด่น
- ภาพสวยคม ตัวละครหน้าตาดีมาก ฉากต่างๆ ก็เก็บรายละเอียดได้ค่อนข้างดี
- เสียงพากย์ของตัวเอกชวนฟัง เหมาะกับเรื่องที่ดำเนินด้วยเสียงภายในใจเยอะแบบนี้
- เก็บรายละเอียดในแง่ของการเล่าเรื่องตามต้นฉบับได้ดี
จุดสังเกต
- การเคลื่อนไหวของตัวละครยังดูแข็งๆ โดยเฉพาะฉากแอคชั่นและการแสดงสีหน้า
- เดินเรื่องเร็ว บทบรรยายแน่น ถ้าไม่เคยรู้เนื้อเรื่องมาก่อนจะตามทันยาก แนะนำให้ไปอ่านเนื้อเรื่องคร่าวๆ ทำความรู้จักกับตัวละครต่าง ๆ ก่อนดู
- ดราม่าน้อยกว่าต้นฉบับ ไม่เหมาะกับสายเสพดราม่าเท่า่ไหร่
-
ความสมบูรณ์ของเนื้อหา
6.9
-
คุณภาพงานสร้าง
8.4
-
ประเด็น
6.5
-
การตัดต่อ ลำดับ และการดำเนินเรื่อง
6.0
-
ความคุ้มค่าเวลาในการรับชม
7.5
เป็นที่ตั้งตารอกันมานานสำหรับสาวกนิยายแนว Boy Love กับอนิเมะเรื่อง ‘ตัวร้ายอย่างข้า จะหนีเอาตัวรอดยังไงดี’ หรือในชื่อภาษาจีน ‘Chuan shu zijiu zhinan’ และภาษาอังกฤษว่า ‘Scumbag system’ ในที่สุดก็ฉายแล้วทาง WeTV ตั้งแต่เมื่อวันที่ 10 กันยายน ที่ผ่านมา โดยอนิเมะชุดนี้จะอัปลงแพลตฟอร์มดังกล่าวทุกวันพฤหัสบดี เวลา 9.00 น. ครั้งละ 1 ตอน (และแน่นอนว่าถ้าเป็นสมาชิก V.I.P ก็จะได้ดูเร็วกว่าคนอื่นหน่อย)
‘ตัวร้ายอย่างข้า จะหนีเอาตัวรอดยังไงดี’ เป็นหนึ่งในนิยายสามเรื่องที่ดังเป็นพลุแตกของ ‘โม่เซียงถงซิ่ว’ (หรือที่เหล่าสาวกนิยมเรียกสั้น ๆ ว่า อ.โม่) นักเขียนนิยายสายวายชื่อดังของจีน นิยายอีกสองเรื่องที่ว่าคือ ‘ปรมาจารย์ลัทธิมาร’ นิยายวายสายดราม่าที่ถูกนำไปสร้างเป็นอนิเมะและซีรีส์ที่ฮิตไปทั่วโลก และนิยายเรื่อง ‘สวรรค์ประทานพร’ ที่กำลังอยู่ในระหว่างแก้ไขต้นฉบับ เพื่อตีพิมพ์ฉบับรูปเล่มในประเทศจีน
เรื่องย่อคือ เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่เป็นทั้งแฟนตัวยงและแอนตี้แฟนที่คอยก่นด่า ‘เทพมารอหังการ’ นิยายสายฮาเร็มที่เต็มไปด้วยสาวงาม ได้ตายไปแล้วตื่นขึ้นมากลับพบว่าตนอยู่ในร่างของ ‘เสิ่นชิงชิว’ ตัวร้ายเบอร์หนึ่งในนิยาย ซึ่งตามบทแล้วแม้ภายนอกดูสง่างาม ทว่าเนื้อแท้กลับต่ำช้า คอยกลั่นแกล้งและวางแผนปลิดชีพ ‘ลั่วปิงเหอ’ พระเอกของเรื่อง นำไปสู่การแก้แค้นของพระเอกและการตายอย่างอนาถในภายหลัง เพื่อหนีให้พ้นจากจุดจบนั้น เขาจำต้องหาสารพันวิธีเอาตัวรอดตลอดทั้งเรื่อง
ด้วยความพยายามขั้นสุด การเอาตัวรอดของตัวเอกก็ประสบผล แต่กลายเป็นว่า พลิกเส้นเรื่องขนานใหญ่ส่งผลให้นิยายฮาเร็มกลายเป็นนิยายวายซะนี่ ซึ่งพลอตเรื่องในลักษณะฝืนชะตาท้าลิขิต วิ่งหนีพระเอก (และแน่นอนว่า พระเอกวิ่งไล่ตามให้ชวนลุ้นชวนฟินตลอด 55) ยิ่งเสริมความตลกโปกฮาของมุกต่าง ๆ ภายในเรื่องเข้าไปใหญ่ ส่งผลให้เรื่องราวดังกล่าวได้รับความนิยม และกลายเป็นนิยายแจ้งเกิดของอ. โม่ ในที่สุด
และด้วยความฮอตฮิตที่ว่า บวกกับความสำเร็จของอนิเมะที่สร้างจากปรมาจารย์ลัทธิมารที่ทำไปก่อนหน้า ทำให้นิยายเรื่องนี้ถูกหยิบมาทำเป็นอนิเมะด้วยเช่นกัน ทว่า สิ่งที่ต่างไปนั้นคือรูปแบบของอนิเมะซึ่งของปรมาจารย์ลัทธิมารผลิตออกมาในรูปแบบ 2D ในขณะที่เรื่องนี้เลือกที่จะทำแบบ 3D
ข้อดีของการทำอนิเมะในรูปแบบ 3D สำหรับเรื่องนี้คือ ความงามของตัวละครในระดับที่ละมุนละเมียดมาก ทั้งการเฉดดิ้งสีเปลือกตา ริมฝีปาก เส้นผมที่พลิ้วไสว รอยยับย่นของผ้า ลายปักของเส้นด้าย ริ้วนูนของเนื้อผ้า กระทั่งรูขุมขนก็ทำมาอย่างละเอียดลออสุด ๆ ฉากทั้งหลายก็ดูสวยงามจรรโลงใจ มีความใกล้เคียงคล้ายคลึงกับที่จิ้นไว้ในตอนที่อ่านนิยายเลยทีเดียว แต่ที่สำคัญและชวนสงสัยคือ ทำไมเปิดตัวละครชายมากี่ตัว ๆ ก็หล่อไปหมด? ทั้งที่ในนิยายบรรยายว่าคนหล่อเด่นนั้นมีไม่กี่คน แต่กลายเป็นว่าขนาดตัวประกอบกิ๊กก๊อกอย่างหมิงฟานก็ยังดูดีกว่าจิ้นไว้มาก (นี่มันสวรรค์ของสาววายชัด ๆ)
มีข้อดีย่อมต้องมีข้อเสีย และข้อเสียของเรื่องนี้น่าขัดใจพอควรนั่นคือ ความแข็งทื่อของสีหน้าและท่วงท่าของตัวละคร ด้วยความที่นิยายนำเสนอเรื่องราวของเหล่าเซียนที่ใช้วรยุทธ์ในการต่อสู้ ท่วงท่าที่นำเสนอก็ควรที่จะต้องอ่อนช้อยพลิ้วไหว แต่คงเพราะเป็นข้อจำกัดของงาน 3D ที่มีความละเอียดสูง เลยดูแข็งๆ ฝืน ๆ ไปสักหน่อย คล้ายกำลังเล่นเกมเดอะซิมส์อยู่อย่างไรอย่างนั้น ความงามสง่าเลยดูด้อยลงไปพอควร
หากเทียบกับฉาก 2D ที่โผล่มาในฉากเปิดในตอนเริ่มเรื่องแล้ว ภาพ 2D กลับสวยคมสดใสดูลื่นไหลไม่มีติดขัดน่าติดตามกว่ามาก จนอดคิดไม่ได้ว่าถ้าหากเลือกทำเป็น 2D น่าจะดีไม่น้อยเลย
ถัดจากความสวยงามเรามาดูที่เนื้อเรื่องกันบ้าง ด้วยความที่นิยายถูกวางไว้ว่าเป็นนิยายต่างโลกสายตลก จึงไม่อาจนำไปเทียบกับปรมาจารย์ลัทธิมาร ที่เต็มไปด้วยความดราม่าและอัดแน่นไปด้วยแง่คิดได้ แต่สิ่งหนึ่งที่เราจะเห็นจากเรื่องนี้คือการพัฒนาของตัวละคร ถ้าหากใครเป็นแฟนปรมาจารย์ลัทธิมาร ก็ไม่ควรพลาดที่ชมหรืออ่านนิยายเรื่องนี้ คุณจะเห็นเลยว่าตัวละครไหนพัฒนาไปเป็นตัวละครใดในอีกเรื่อง ทำให้เข้าใจรากฐานที่มาของแง่คิดของผู้เขียนชัดเจนขึ้นด้วย
พูดแบบนี้ก็ใช่ว่า ตัวร้ายอย่างข้าฯ จะด้อยกว่าในเรื่องตรรกะนะ ทั้งที่มาที่ไป อุปนิสัย และพัฒนาบุคลิกของตัวละครในเรื่องนี้ก็ทำได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว แต่ที่เห็นจะแหม่งๆ หน่อยจะเป็นเรื่องของสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นภายในเรื่องมากกว่า อะไรมันจะปุบปับพอเหมาะพอเจาะให้เรื่องดูสนุกและตลกได้แบบนี้กัน (แต่เอาเถอะมาสายตลกนี่เนอะ ไม่ถึงกับขัดก็รับได้อยู่)
สำหรับการเล่าเรื่อง ตามบทประพันธ์ดั้งเดิมนั้น เนื้อเรื่องดำเนินด้วยระบบควบคุมคล้ายระบบภายในเกม เมื่อไม่รู้อะไรหรือมีการมอบหมายภารกิจ จะมีกล่องข้อความผุดขึ้นมาโต้ตอบกับตัวเอกของเราเสมอ ขับเน้นให้ความเป็นนิยาย ‘ต่างโลก’ เด่นชัดตลอดทั้งเรื่อง และความสนุกสนานทั้งมวลก็มักจะเกิดจากจุดนี้ คนอ่านจะเพลิดเพลินไปกับมุกต่าง ๆ ซึ่งคาบเกี่ยวในโลกปัจจุบัน และความแตกต่างกันของสิ่งที่แสดงออกกับความรู้สึกภายในของตัวละครเป็นระยะ นับเป็นเสน่ห์ที่เป็นจุดแข็งของนิยาย แต่ก็เป็นจุดอ่อนเช่นเดียวกัน หากคนที่ไม่เคยเล่นเกมมาเลย หรือไม่ชอบการเดินเรื่องที่บางครั้งจะถูกขัดด้วยจังหวะโบ๊ะบ๊ะของระบบ ก็อาจจะไม่ค่อยชอบนิยายเรื่องนี้เท่าไหร่นัก
ภายในอนิเมะเรื่องนี้เองก็ใช้วิธีดำเนินเรื่องแบบนั้นเช่นกัน แต่เพราะเนื้อเรื่องที่ดำเนินไปอย่างรวดเร็วทั้งยังต้องถ่ายทอดข้อมูลมหาศาลผ่านทั้งกล่องข้อความและบทพูด ก็ยิ่งทำให้จังหวะการเล่าเรื่องจัดอยู่ในระดับเร็วมากถึงเร็วสุด ๆ (ต่างกับการอ่านนิยายที่จุดไหนถ้าเดินเรื่องเร็วไป เรายังนั่งอ่านย้อนได้ฟิน ๆ) ยิ่งเราต้องอ่านซับไตเติ้ลภาษาไทยด้วยแล้ว (เพราะปัจจุบันยังไม่มีพากย์ไทย) การซึมซับความสวยงามในรายละเอียดของชอตต่าง ๆ จึงเป็นไปได้ยาก แนะนำว่าคนที่ไม่เคยอ่านนิยายมาก่อนเลย แล้วอยากนั่งมองฉาก CG สวย ๆ แบบชิลล์ ๆ ไม่ต้องโฟกัสกับการอ่านทำความเข้าใจเพื่อตามเนื้อเรื่องให้ทัน ควรไปหานิยายมาอ่าน หรืออย่างน้อย ๆ ก็อ่านเรื่องย่อ แต่ทำความรู้จักตัวละครต่าง ๆ เพื่อเข้าใจเนื้อเรื่องในเบื้องต้นก่อนรับชมจะดีกว่า
เพื่อมอบหมายภารกิจ ตอบคำถามต่าง ๆ รวมทั้ง สรุปผลลัพธ์เป็นค่าคะแนนที่ชี้วัดความอยู่รอดของตัวเอกด้วย
ส่วนการเล่าเรื่องนั้นเรียกได้ว่าลอกออกมาจากนิยายได้แทบจะเป๊ะ ๆ กระทั่งบทพูดยังแถมจะไม่ต่างจากต้นฉบับเลย บางฉากอาจถูกตัดออกไปบ้างเพื่อความกระชับของเรื่อง (ซึ่งเดิมก็กระชับมาก ๆ อยู่แล้วนะ) และมีการเพิ่มฉากเล็ก ๆ เข้าไปบ้างประปราย แต่ไม่ถึงกลับแย้งความรู้สึกแต่อย่างใด โดยรวมคือไม่ทำให้เกิดความรู้ต่างเท่าไหร่ มีบ้างก็แค่หน้าตาและการแสดงของของตัวประกอบบางตัวเท่านั้น ที่ต่างกับที่คาดไว้ (อย่างของเราคือ ‘ซาหัวหลิง’ ที่มโนไว้ว่าน่ารัก โลลิ และตัวเล็กตัวน้อยกว่านี้มาก แต่ในอนิเมะทำซะเป็นผู้หญิงผอมบางร่างสูงเพรียวตามมาตรฐานความงามของสาวจีนในยุคปัจจุบันเฉย)
แล้วก็มาถึงคำถามสำคัญคือมันสนุกไหม หากเทียบจังหวะจะโค่นแล้วเหมือนว่าอนิเมะจะทำออกมาดรอปกว่านิยายเล็กน้อย แต่โดยรวมก็ยังถือว่าดูสนุกอยู่นะ เพราะเก็บมุกต่างๆ มาค่อนข้างครบถ้วน เสน่ห์ของตัวละครหลักอย่างเสิ่นชิงชิวก็ทำออกมาได้ค่อนข้างดี ชวนให้เอาใจช่วยได้อยู่ ลัวปิงเหอที่เป็นพระเอกก็ทำออกมาได้น่าเอ็นดูพอสมควร เหลือแต่ลุ้นว่าพอโตแล้วจะเท่ให้เท่าที่จิ้นไว้หรือไม่ (ซึ่งถ้าดูจากชอตที่โผล่มาตอนอธิบายเรื่องในช่วงต้นเรื่องก็ยังไม่โดนเท่าไหร่ บอบบางไปไหม … เออเรื่องหุ่นนี้ก็เป็นข้อสังเกตหนึ่งที่น่าขัดใจอยู่หน่อย ๆ เหมือนกันนะแหะ)
สรุป คือ อนิเมะเรื่องนี้ ถ้าดูเพลิน ๆ ให้อินไปตามเนื้อเรื่องที่ปูไว้ก็สนุกดี มีมุกให้พอบันเทิงใช้ได้ ไม่ได้มีความหนักสมองชวนปวดหัว ทั้งยังมีความเคารพต้นฉบับในแง่ของการเล่าเรื่องค่อนข้างมาก (อาจจะมากกว่าอนิเมะของปรมาจารย์ลัทธิมารด้วยซ้ำ) แต่ดันไปดรอปตรงลักษณะของตัวละครบางตัว ถ้าหากไม่เอาใจและสายตาไม่จับจ้องหน้าตาและการเคลื่อนไหวของตัวละครมาก ก็ถือว่าเป็นอนิเมะสายวายที่ภาพและฉากสวยรวยรายละเอียดเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว
สามารถรับชมได้ที่ คลิก