Release Date
30/11/2013
ความยาว
21 ตอน
Our score
7.0ATM 2 คู่เว่อ..เออเร่อ..เออรัก
จุดเด่น
- นักแสดงที่เคมีเข้ากัน กล้าเล่นกล้าตลก และถึงช่วงซึ้งก็ทำได้ดี บทถ้าไม่นับช่วงแรกที่พยายามเป็นซิตคอมจบในตอนก็ถือว่านำเสนอได้ดีมีความขัดแย้งที่ชวนติดตาม แม้จะติดละครไทยไปบ้าง
จุดสังเกต
- ด้วยความเก่าเกือบ 10 ปี โปรดักชันมาดูตอนนี้คือไม่ไหวเลย บางมุกที่ล้อเลียนร่างกายหรือบางการนำเสนอตัวละครที่ตรรกะความคิดที่อาจโอเคในตอนนั้นแต่ไม่เข้ากับจริตหรือแนวคิดคนยุคปัจจุบันไปแล้วยังมีให้เห็นเยอะ ทำให้รู้สึกบทมีรูโหว่ที่ไม่สมเหตุสมผลพอสมควร แต่โดยรวมก็ถือว่ายังบันเทิง
-
บท
6.5
-
โปรดักชัน
6.5
-
การแสดง
8.0
-
ความสนุกตามแนวหนัง
8.0
-
ความคุ้มค่าการรับชม
7.5
เรื่องย่อ: เรื่องราวภาคต่อชีวิตหลังแต่งงานของเสือและจิ๊บ จากหนัง ‘ATM เออรัก เออเร่อ’ ทั้งคู่เริ่มต้นชีวิตในบ้านหลังใหม่ เสือเป็นคนออกไปทำงาน จิ๊บดูแลเรื่องในบ้าน จนกระทั่งเกิดเรื่องราววุ่น ๆ ของคู่รักคู่กัด อันนำมาสู่การแข่งขันครั้งใหม่ของพวกเขา
ต้นปีที่ผ่านมาแฟนหนังและนักแสดงในเรื่องหลายคนเพิ่งได้รำลึกถึงการครบรอบ 10 ปีของหนัง ‘ATM เออรัก เออเร่อ’ ที่เข้าฉายในปี 2555 ซึ่งตอนนั้นเป็นหนังฮิตที่ทำรายได้กว่า 150 ล้านบาทสูงที่สุดเรื่องหนึ่งในยุค GTH ก่อนจะแปลงร่างมาเป็น GDH 559 ในภายหลัง และด้วยความนิยมที่สูงดังกล่าว ในปีถัดมา GMM ที่กำลังทำกล่องรับชมทีวีดิจิทัล GMM Z ของตนเอง จึงจับมือกับ GTH ผลิตภาคต่อในรูปแบบซีรีส์จำนวน 21 ตอนออกฉายแบบเอ็กซ์คลูซีฟในชื่อ ‘ATM 2 คู่เว่อ..เออเร่อ..เออรัก’ ออกมา โดยได้ทีมงานสร้างและทีมนักแสดงชุดเดิมกลับมาครบครัน
ในปีนี้ที่เราได้รับชมซีรีส์เรื่องนี้ทางเน็ตฟลิกซ์ จึงเป็นการรับชมซีรีส์ที่มีอายุการผลิตมาอย่างน้อย 8-9 ปีเข้าไปแล้ว จึงไม่แปลกเลยที่เราอาจรู้สึกถึงความเก่าของโปรดักชันและวิธีการเล่าที่เชยของงานในยุคนั้นติดมา แต่ก็น่าสนใจทีเดียวว่าครั้งหนึ่ง GTH ได้ลองโมเดลทำซีรีส์ขยายความจากหนังฮิตของตนเอง เพื่อดึงคนเข้ามาร่วมแพลตฟอร์มใหม่ในเครือตนเอง ซึ่งก็คือสิ่งที่ดิสนีย์กำลังทำกับบริการสตรีมมิงของตนเองในขณะนี้ด้วย
ดังนั้นสำหรับ ‘ATM 2 คู่เว่อ..เออเร่อ..เออรัก’ มันจึงเป็นงานที่มีผู้กรุยทางไว้ให้น้อย และทีมสร้างต้องสร้างสรรค์แนวทางใหม่ขึ้นเอง จากพล็อตหนังที่เดิมก็น่าจะเล่นกับประเด็นเรื่องการแข่งขันชิงทำผลงานของคู่รักอย่างเสือและจิ๊บในธนาคารที่ห้ามพนักงานเป็นแฟนกัน ซึ่งมันก็จบในตัวเองไปแล้วให้ขยายมาให้เป็นซีรีส์ความยาวถึง 21 ตอน
ผู้กำกับ เมษ ธราธร จึงเลือกใช้เสน่ห์และเคมีที่เข้ากันดีของ 2 นักแสดงนำอย่าง เต๋อ-ฉันทวิชช์ ธนะเสวี และ ไอซ์-ปรีชญา พงษ์ธนานิกร ซึ่งเล่นหน้าตาท่าทางแบบสายตลกได้ไม่ห่วงสวยหล่อแต่ก็ยังดูดีมาเดินเรื่อง แล้วโยนปัญหาผ่านตัวละครอื่นเข้าไปปั่นป่วนชีวิตที่ยังไม่เข้ารูปเข้ารอยของทั้งคู่อีกที ในช่วงแรกเราจึงเห็นรูปแบบการเล่าที่ชัดเจนมากเป็นซิตคอมแบบจบใน 2 ตอน คือทุก 2 ตอนจะมีการเปิดประเด็นใหม่เข้ามา สร้างปัญหากับทั้งคู่ แล้วก็พยายามคลี่คลายในช่วงตอนหลังให้ได้ อย่างเช่นการปรากฏตัวของ โหย่ว ตัวละครมารหัวใจของตัวเอกที่แสดงโดย โจ๊ก โซคูล หรือ กรภพ จันทร์เจริญ ก็เข้ามาและจากไปภายใน 2 ตอนแรกเช่นกัน เป็นเช่นนี้อยู่เกือบครึ่งซีรีส์
ข้อดีคือทีมงานที่ถนัดทำหนังมาก่อน ก็ได้ใช้ความชำนาญคิดแบบเล่าหนังยาวด้วยเวลาทีละ 2 ตอน แทนที่จะต้องคิดแบบซีรีส์ทีเดียว 21 ตอน และสามารถใส่ตัวละครประกอบเด่นเอกลักษณ์สูงอื่น ๆ เข้าไปเล่นได้แบบไม่ต้องกลัวภาพรวมพังด้วย อย่าง โหย่ว ที่คนดูชอบตั้งแต่ฉบับหนัง
และยังได้นำเสนอตัวละครประกอบที่เราจะได้เห็นมุมมองอื่นในตัวพวกเขามากขึ้นอย่างเช่น พ่อของนางเอกที่เป็นเจ้าของโรงงานทำเสื้อ คู่รักสายแว้นอย่างก๊อบและปื๊ด ตลอดจนใส่ตัวละครใหม่ถอดด้ามที่เข้ามามีบทบาทอย่างพวกพนักงานในธนาคาร หรือญาติพี่น้องของตัวเอก เป็นต้น
แต่ปัญหาก็คือด้วยเส้นเรื่องหลักที่มีเบาบาง แต่ไปหนักพวกเส้นเรื่องรองในแต่ละช่วงทำให้พอจบประเด็นของแต่ละตอนแล้วมันก็ยากจะดึงคนดูให้อยู่กับเรื่องในแบบที่ ‘อยากดูตอนต่อไป’ ซึ่งพอเป็นสตรีมมิงทางเน็ตฟลิกซ์ที่มาพร้อมทีเดียว 21 ตอนยิ่งเห็นปัญหาชัดและชวนท้อในการจะดูให้จบเหมือนกัน
ซีรีส์น่าจะมาตั้งตัวสำเร็จในตอนที่มีเส้นเรื่องให้ติดตามจริงจังราวช่วงตอนที่ 13 ไปแล้ว หลังจากการปรากฏตัวของตัวละครใหม่อย่าง คุกกี้ (คิทตี้-ชิชา อมาตยกุล) สาวหัวนอกที่มาปั่นหัว ดนัย (เผือก-พงศธร จงวิลาส) เพื่อนซี้ของเสือ ตลอดจน พลอยดาว (แอม-ฉายนันทน์ มโนมัยสันติภาพ) เจ้านายใหม่ของเสือที่ทำให้ความไว้ใจของจิ๊บต้องสั่นคลอน ในช่วงที่ทั้งคู่เองก็กำลังเผชิญปัญหาความต้องการที่ไม่สอดรับกันคือเสืออยากมีลูก แต่จิ๊บยังไม่อยากมี
นอกจากมีเส้นเรื่องที่ชัดเจนชวนดูต่อไปมากขึ้น จากช่วงแรกที่เป็นการอัดมุกแบบไม่สนใจคุณภาพแต่เน้นปริมาณเข้าว่าจนเรายิ่งถอยห่างจากตัวละครที่ดูอยู่ในโลกแฟนซีของตนเองตลอดเวลา ในช่วงหลังพอคุมจังหวะดราม่าในมืออยู่การใช้เสน่ห์ของนักแสดงและมุกในระดับที่พอดีก็ทำให้เราดูสนุกและยิ้ม เศร้า ลุ้น รู้สึกอินไปกับตัวละครได้จริง ๆ เชื่อว่าเป็นมนุษย์มากขึ้น ถ้าจะแนะนำก็คงเป็นว่าเริ่มตั้งใจดูช่วงตอนที่สิบกว่า ๆ ไปแล้วก็พอ ถ้าไม่ใช่แฟนคลับที่เห็นแค่หน้าดาราก็พอใจ
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส