[รีวิว] Small & Mighty : ขำเนียน ๆ กับซีรีส์ทนายสายฮา ฉบับไต้หวัน
Our score
7.4

กำกับ

สู่ ฟู่เซียง (Hsu Fu Xiang)

จำนวนตอน

26 ตอน

วันเวลาออกอากาศ

ทุกวันพุธ เวลา 19.00 น. (อาทิตย์ละ 6 ตอน)

ช่องทางรับชม

Disney+

[รีวิว] Small & Mighty : ขำเนียน ๆ กับซีรีส์ทนายสายฮา ฉบับไต้หวัน
Our score
7.4

[รีวิว] Small & Mighty : ขำเนียน ๆ กับซีรีส์ทนายสายฮา ฉบับไต้หวัน

จุดเด่น

  1. คอมเมดี้เนียน ๆ ที่สอดดราม่าหนัก ๆ ไว้ข้างในและทำให้ติดหนึบแบบรอตอนต่อไปซะด้วยสิ
  2. เรื่องนี้พัฟฟ์ กัว เปลี่ยนลุคจนเกือบจำไม่ได้ และเฉิน ป๋อหลิน ยังคงความหล่อไม่เปลี่ยนแปลง

จุดสังเกต

  1. คาดหวังอารมณ์ขัน คุณได้สิ่งนั้น แต่คาดหวังเรื่องฟาดฟันคดีความแบบถึงพริกถึงขิง ยังไม่ถึงขนาดนั้นค่ะ แต่ความสาแก่ใจในการชนะคดีและฮาเบา ๆ มีเสิร์ฟให้ตลอด
  • บท

    7.0

  • โปรดักชัน

    6.0

  • การแสดง

    8.0

  • ความสนุกตามแนวซีรีส์

    8.0

  • ความคุ้มค่าในการรับชม

    8.0

เรื่องราวของ ‘หลิวลั่ง’ (เฉิน ป๋อหลิน) ทนายชื่อดังที่มีลูกเล่นแพรวพราว เขาจะทำทุกวิถีทางให้ชนะคดีเพื่อเม็ดเงินก้อนโต แต่อยู่ ๆ ก็แจ็กพ็อตต้องเป็นคุณพ่อจำเป็น เพราะเด็กน้อยตัวกะเปี๊ยกอย่างเจ้าหนู ‘หลิวเหลียงเหลียง’ (หลินเกอหยู) เดินมาเรียกเขาว่าปะป๊า แบบว่า เรียกลูกสิครับพ่อ!! แถมคดีที่เขากำลังทำอยู่ก็เกิดพลิกล็อกจนต้องออกจากงานเสียอย่างนั้น มิหนำซ้ำยังต้องมาทำงานกับ ‘หลินเสี่ยวเหยียน’ (พัฟฟ์ กัว) ทนายมือใหม่ไฟแรงที่รักความยุติธรรมและหมั่นไส้กันตั้งแต่แรกเห็น เรียกว่าต่างกับเขาอย่างสุดขั้ว จนไม่น่าจะร่วมงานกันได้ราบรื่น

แต่วิกฤติครั้งนี้ก็ทำให้ทั้งหลิวลั่งและหลินเสี่ยวเหยียน ได้เรียนรู้ชีวิตต่างมุมมอง สร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับตัวเอง และทำให้ได้เรียนรู้ความหมายของการเป็นทนายที่แท้จริงไปพร้อม ๆ กัน

ทนายที่ดีต้องเป็นแบบไหนกันแน่นะ

ว่าไม่ได้นะคะกับซีรีส์ไต้หวันเรื่องนี้ ที่จั่วหัวออกมาเลยว่าเป็นดราม่าคอมเมดี้ แต่เนื้อในที่ผ่านมา 6 ตอน พี่เขาก็ไม่ได้มาเล่น ๆ ขำตะพึดตะพือแบบนั้นมันไม่เก๋า เรื่องนี้สอดแทรกคำถามให้ผู้ชมไว้มากมายเลยละค่ะ โดยเฉพาะคำถามที่ว่า “ทนายที่ดีต้องเป็นแบบไหนกันแน่” เป็นแบบหลิวลั่ง ที่ทำทุกอย่างให้ชนะคดีเพื่อผลตอบแทนที่สมน้ำสมเนื้อ และเห็นประโยชน์ของลูกความเป็นหลัก จนบางครั้งก็ลักไก่ให้กับความยุติธรรม หรือเป็นทนายที่เถรตรง จริงจังกับความถูกต้องและพยายามทำทุกอย่างเพื่อความยุติธรรมของลูกความและสังคมนี้ จนบางครั้งก็ลืมมองไปว่าสิ่งที่ลูกความต้องการและจำเป็นต้องได้คืออะไรกันแน่แบบหลินเสี่ยวเหยียน

ซึ่งทั้งสองแบบไม่มีผิดไม่มีถูก แต่ก็เป็นเหมือนทุกอาชีพที่ต้องเรียนรู้และพัฒนาไปนั่นแหละ บทเขียนให้เราขำขันไปกับบุคลิกและอุปนิสัยของหลิวลั่ง ที่งกจริง ๆ กับค่าตัวของตัวเอง ไม่ว่าคดีไหนก็คิดเงินออกมาได้ไวกว่าเครื่องคิดเลขเข้าไปอีก แต่สิ่งหนึ่งที่สำคัญมากกว่าเงินที่เขาชอบมาก คือศักดิ์ศรีที่ใครก็อย่ามาหยาม เรียกว่าเป็นถ่ายทอดดราม่าบีบหัวใจให้ดูเบาลงไปได้ เพราะคนเขียนบทก็คงจะเข้าใจในสภาวะโลกร้อนเป็นอย่างดีค่ะ จึงคลี่คลายอารมณ์นั้นด้วยมุกตลกขบขันเบา ๆ มาตลอดทั้งเรื่องแบบไม่โฉ่งฉ่างแต่ช่างเป็นธรรมชาติของเฉินป๋อหลิน

บททำให้เราเข้าใจไปได้ว่า ก็ชายโสดที่มีความมั่นหน้ามั่นโหนกและมีความงกเป็นทุนเดิม แถมยังเก่งจริงอีกต่างหาก ความเวอร์วังเบา ๆ ก็มักจะมีออกมาให้เห็นอยู่ตลอด แต่ถึงแม้ว่าบุคลิกจะยียวนกวนประสาทและน่าหมั่นไส้ในความหลงตัวเองซะเหลือเกิน แต่ก็ให้อภัยไปซะได้จนมองเป็นเรื่องขำขันเพราะคุณทนายคนเก่งเขาก็ช่างน่ามองไปทุกองศา หล่อเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนเลยนะพ่อคุณ

การพลิกบทบาทครั้งใหม่ของพระ-นาง

ก็ไม่รู้ว่าจะปรบมือให้นักแสดงหรือปรบมือให้กับทีมคอสตูมดี ที่เปลี่ยนลุคพัฟฟ์ กัว จนเกือบจำไม่ได้ ว่าเป็นคนเดียวกับไอโกะจาก ‘Light the Night’ แต่แหม ซีรีส์มันคนละแนวกันนะคะ เรื่องนี้พัฟฟ์ กัว รับบทเป็นทนายสาวผู้มุ่งมั่นที่จะช่วยทวงคืนความยุติธรรมให้กับประชาชีตาดำ ๆ แบบเอาเป็นเอาตาย เป็นทนายที่มีใจอาสา อ่อนประสบการณ์แต่มีใจเต็มร้อย หัวหยิก หน้าไม่แต่ง จนทำเอาเราลืมสาวน้อยหน้าหวานสุดเซ็กซี่ในเรื่องก่อนหน้าไปเสียฉิบ

เมื่อต้องมาประกบคู่กับทนายที่เจนเวทีอย่างพระเอกของเรา ก็เหมือนนางได้ฝึกวิทยายุทธไปในตัว แถมพระเอกก็เป็นคนในขั้วตรงข้ามกับเธอซะอีก บวกกับการลับฝีปากที่พอฟัดพอเหวี่ยงด้วยกันทั้งคู่ก็ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ดูเพลินแบบขำเบา ๆ ไปได้อีกหนึ่งเสต็ป เรื่องนี้ได้ข่าวว่าเป็น Original Taiwanese เรื่องแรกของ Disney+ แล้วเป็นสายทนายคอมเมดี้ ฟากเกาหลีเขามีทนายสายเดือดอย่าง ‘Lawless Lawyer’ ฟากฝั่งจีนเขามีทนายหญิงสายลุยอย่าง ‘Lady of Law’ ฟากใต้หวันก็จัดทนายสายฮามาเลยจ้า แถมความฉลาดนั้นก็เป็นกรดพอ ๆ กันซะด้วยสิ

เรื่องนี้เฉิน ป๋อหลิน ก็เปลี่ยนลุคจาก เทพอัคคี จ้งเทียน ใน ‘ราชันอัคคี The King of Blaze’ (2018) มาเป็นทนายสุดเท่ ชนิดที่หล่อมากลากไม่ไปกันเลยเชียว แถมคาแรกเตอร์ก็ยียวนน่าหมั่นไส้ ที่แสดงว่าเฮียแกมีของที่เรายังไม่เห็นอีกมากกันเลยนะ ทำให้อยากดู Treat or Trick ภาพยนตร์ใต้หวันที่เห็นมาดสุดกร้าวของเฮียแกแล้ว ก็อยากให้สตรีมมิงไหนสักเจ้า ใจดีเอามาให้ดูจังเลยจ้ะ (หยอดไว้ก่อนเผื่อจะมีใครกรุณา)

คอมเมดี้เบา ๆ แต่แอบดราม่าหนักเหมือนกันนะ

ซีรีส์เขาตั้งใจทำมาให้เป็นคอมเมดี้เบา ๆ ที่ไม่ได้โฉ่งฉ่างโบ๊ะบ๊ะ ก็ทำถึงในระดับนั้นเลยละค่ะ แต่เนื้อเรื่องทั้งหลายและคดีต่าง ๆ ที่สองทนายกับทีมอันแข็งแกร่งของพวกเขาต้องสืบเสาะและทวงความยุติธรรมมาให้ได้ จริง ๆ แล้วสามารถเป็นดราม่าหนัก ๆ เรื่องหนึ่งได้เลย ถ้าตัดความคอมเมดี้ออกไปให้หมดสิ้น เราสามารถเสียน้ำตาให้กับหลาย ๆ ฉากของเขาเลยทีเดียว ซึ่งสารภาพว่าผู้เขียนแอบน้ำตารื้นไปสองฉาก โดยเฉพาะฉากที่มีเจ้าหนูน้อยวัย 5 ขวบ หลิวเหลียงเหลียงเป็นเมนในตอนนั้น

เพราะแต่ละคดีนั้นช่างไร้มนุษยธรรม จะเรียกว่าตีแผ่ก็ไม่ใช่ จะเรียกว่าจิกกัดก็ไม่เชิง แต่เปิดโปงกันเบา ๆ ถึงสังคมอีกด้านหนึ่งที่ฟอนเฟะ เอารัดเอาเปรียบที่ก็น่าจะเป็นแบบนี้กันแทบจะทุกประเทศในโลก ที่มีทั้งด้านสวยงามและด้านที่ซุกขยะไว้ที่ซอกกำแพง การทอดทิ้งเด็ก การทารุณกรรมเพื่อประโยชน์ของตัวเอง การเอารัดเอาเปรียบผู้ที่ด้อยกว่า และสร้างพระเอกกับนางเอกคู่หนึ่งให้มาเป็นฮีโรในคราบทนายเพื่อทวงคืนความยุติธรรม เหมือนเป็นการบอกเราให้รู้ว่า การใช้ชีวิตในสังคมทุกวันนี้ต้องรอบคอบมากแค่ไหน

เพราะถึงแม้ว่าโลกใบนี้จะมีทั้งด้านมืดและด้านสว่าง แต่ก็ใช่ว่าจะมีใครคอยถือไฟฉายให้เราได้ตลอดเวลา ถ้าเราไม่รู้จักจุดไฟให้ตัวเอง เราจะได้หัวเราะเบา ๆ ไปกับซีรีส์เรื่องนี้และขณะเดียวกันก็ได้ข้อคิดไปแบบไม่มีการยัดเยียด เรียกว่าใส่มาเนียน ๆ จนซึมเข้าไปเรื่อย ๆ แล้วถ้าฉุกคิดในแต่ละฉากอีกสักนิด ใจบางอีกสักหน่อย ขำขันอยู่ดี ๆ ก็อาจมีน้ำตารื้นได้ง่าย ๆ และที่สำคัญ ติดหนึบแบบรอดูตอนต่อไปซะด้วยสิ

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส