[รีวิว] Glass Onion: A Knives Out Mystery – รหัสคดีแสบปั่นมันฮา น้ำหูน้ำตาไหลตั้งแต่เปลือกนอกถึงแกนใน
Our score
9.0

Release Date

23/12/2022

แนว

ตลก/อาชญากรรม/ลึกลับ

ความยาว

2.20 ช.ม. (140 นาที)

เรตผู้ชม

PG-13 (13+)

ผู้กำกับ

ไรอัน จอห์นสัน (Rian Johnson)

SCORE

9.0/10

[รีวิว] Glass Onion: A Knives Out Mystery – รหัสคดีแสบปั่นมันฮา น้ำหูน้ำตาไหลตั้งแต่เปลือกนอกถึงแกนใน
Our score
9.0

Glass Onion: A Knives Out Mystery | ฆาตกรรมหรรษา ใครฆ่าเพื่อน

จุดเด่น

  1. ตัวหนังเล่นกับคอนเซปต์ 'Glass Onion' ได้สุดมาก ๆ คือไม่ใช่แค่ชื่อ แต่ยังลึกไปถึงคอนเซปต์การเล่าเรื่องและธีมของเรื่องด้วย
  2. ล้อเลียนบุคคล กระแส ไวรัล จิกกัดบุคคลจริง ของจริง สถานที่จริง แถมจิกกัดโรคระบาด ได้ฮาแบบไม่กลัวทัวร์ลง
  3. แซะประเด็นเกี่ยวกับธุรกิจ ความรวย สังคมจอมปลอมได้แสบสันมาก ๆ
  4. นักแสดงกระจายบทได้ค่อนข้างดี แดเนียล เครก, เอ็ดเวิร์ด นอร์ตัน คือตัวเด่น ส่วน จาเนลล์ โมเนต์ ยกให้เป็น MVP ของเรื่องไปเลย
  5. นี่คือหนังที่แฟนเพลง David Bowie และ The Beatles จะรักแน่นอน เพราะมีเพลงของพวกเขาประกอบด้วย เขาที่ว่าก็คือคนเขียนแหละคนหนึ่ง
  6. *มีตัวละครลับ

จุดสังเกต

  1. นักแสดงบางส่วนยังไม่ค่อยได้โชว์บทบาทมากนัก แม้จะปูเรื่องราวคาแรกเตอร์ไว้แน่น ๆ แล้วก็ตาม
  2. ความคมคาย ปริศนาซับซ้อน และความรุ่มรวยสู้ภาคแรกไม่ได้
  3. มีบางจังหวะและบทสรุปตอนท้ายที่ดูเล่นง่าย สรุปง่ายไปหน่อย
  • คุณภาพด้านการแสดง

    9.0

  • คุณภาพโปรดักชัน

    7.7

  • คุณภาพของบทภาพยนตร์

    8.8

  • ความบันเทิง

    9.6

  • ความคุ้มค่าเวลาในการรับชม

    10.0


ถ้ายังจำกันได้ เมื่อปี 2019 หนังแนวสืบสวนสอบสวนสไตล์รหัสคดีเรื่อง ‘Knives Out’ ฝีมือการกำกับของผู้กำกับฝีมือเด็ดที่กำกับอะไรก็ปังอย่าง ไรอัน จอห์นสัน (Rian Johnson) เข้าฉายในโรงหนังเมื่อปี 2019 กระแสตอนนั้นเรียกว่ามาแรงมาก ๆ ทั้งการขนดาราระดับ A-List มาร่วมแสดงคับคั่ง การเอา เดเนียล เคร็ก (Daniel Craig) ที่ยังติดภาพสายลับสุดเท่ เจมส์ บอนด์ (James Bond) มารับบทนักสืบอัจฉริยะมาดกวน เบอนัวต์ บลองก์ (Benoit Blanc) รวมทั้งพล็อตแนวไขคดีฆาตกรรมที่เขย่าผสมจังหวะตลกร้ายออกมาได้สนุกลงตัว จนทำให้จอห์นสันได้เข้าชิงรางวัลออสการ์ สาขาบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม

Glass Onion A Knives Out Mystery ฆาตกรรมหรรษา ใครฆ่าเพื่อน Courtesy of Netflix

แถมภาคแรกเลยกวาดรายได้ทั่วโลกเข้ากระเป๋าค่ายไลออนส์เกต (Lionsgate) ไปเหนาะ ๆ 312 ล้านเหรียญ จากทุนสร้างแค่ 40 ล้านเหรียญ ในยุคที่หนังซูเปอร์ฮีโรเกลื่อนเมือง รายได้ขนาดนี้ถือว่าไม่ธรรมดาเลย ไม่ธรรมดาจนถึงขั้นที่ Netflix ต้องยอมทุ่มเงิน 450 ล้านเหรียญ (14,000 ล้านบาท) เพื่อซื้อสิทธิ์การผลิตภาค 2 มาไว้กับตัว พูดง่าย ๆ คือ Netflix ก็ต้องการหนังที่หน้าหนังดี การันตีคำชมมาประดับแพลตฟอร์มนั่นแหละ ก็เลยเป็นที่มาของชื่อหนังแปลก ๆ ในภาคนี้ว่า ‘Glass Onion: A Knives Out Mystery’ หรือ ‘ฆาตกรรมหรรษา ใครฆ่าเพื่อน’ เรื่องนี้แหละครับ

Glass Onion A Knives Out Mystery ฆาตกรรมหรรษา ใครฆ่าเพื่อน Courtesy of Netflix

เรื่องเริ่มต้นที่ ไมล์ส บรอน (Edward Norton) มหาเศรษฐีเจ้าของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ อัลฟา (Alpha) ได้ส่งบัตรเชิญเข้าร่วมวงทริปพักร้อนประจำปีบนเกาะส่วนตัวสุดหรูไปถึงบรรดาเหล่าก๊วนเพื่อนสนิทต่างขั้วของเขาเอง ทั้ง เบอร์ดี เจ (Kate Hudson) อดีตนางแบบที่ผันตัวมาทำธุรกิจแบรนด์เสื้อผ้า ดูค โคดี (Dave Bautista) สตรีมเมอร์กล้ามบึ้กผู้คลั่งความเป็นชายแท้ แคลร์ เดเบลลา (Kathryn Hahn) ผู้ว่าการรัฐคอนเน็ตทิคัตที่กำลังลงสมัครเลือกตั้งเป็นวุฒิสมาชิกด้วยการชูนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม ไลโอเนล ตุสแซง (Leslie Odom Jr.) นักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะ แอนดี แบรนด์ (Janelle Monáe) อดีตผู้ร่วมก่อตั้งอัลฟา และ เบอนัวต์ บลองก์ (Daniel Craig) นักสืบอัจฉริยะที่อยู่ดี ๆ ก็ถูกเชิญมาแบบไม่รู้อิโหน่อิเหน่ แต่อยู่ดี ๆ ก็มีเหตุฆาตกรรมเกิดขึ้นกลางทริปนั้น เบอนัวต์ บลองก์ จึงต้องลงมือไขคดีปริศนาเพื่อหาให้ได้ว่า “ใครฆ่าเพื่อน ? “

Glass Onion A Knives Out Mystery ฆาตกรรมหรรษา ใครฆ่าเพื่อน Courtesy of Netflix

ถ้าภาคที่แล้วคือการเล่าเรื่องในสไตล์ Whodunnit ในแบบนิยายของ อกาธา คริสตี (Agatha Christie) ที่มีแนวทางของตัวเองชัดเจน เน้นวิธีการหักมุมของตัวเนื้อเรื่อง ปั่นรวมกับความแพรวพราวของตัวบทที่สอดแทรกมุกตลกร้าย มุกแซวประเด็นสังคม และฝีมือการแสดงขั้นเทพของเหล่านักแสดง ซึ่งจริง ๆ ครึ่งแรกของภาคนี้ก็ยังคงเป็นแบบนั้นนะครับ เพราะตัวหนังครึ่งแรกให้เวลาไปกับการปูเรื่อง ปูตัวละคร และปูเนื้อเรื่องเข้าสู่ความเป็น Whodunnit และเอากลิ่นอายแนวฆาตกรรมตลกร้ายในสไตล์ ‘Knives Out’ กลับมาใช้ แต่ว่าเนื้อเรื่องทั้งสองภาคไม่ได้ต่อกันนะครับ ไม่จำเป็นต้องดูภาคแรกมาก่อนก็ได้ แต่ถ้าดูแล้วก็จะพอเข้าใจกลิ่นอายของความเป็น ‘Knives Out’ มากขึ้น

Glass Onion A Knives Out Mystery ฆาตกรรมหรรษา ใครฆ่าเพื่อน Courtesy of Netflix

ซึ่งรวมไปถึงธีมการจิกกัดประเด็นร่วมสมัย ที่จะว่าไปมันก็เป็นแนวทางของ ‘Knives Out’ ไปซะแล้วล่ะ โดยเฉพาะครึ่งแรกของตัวหนังที่หล่อเลี้ยงกราฟความบันเทิงด้วยการจิกกัดวิถี New Normal แถมยังหันไปจิกกัดเหล่าบรรดานักธุรกิจวงการ Tech Company ด้วย โดยเฉพาะบรรดา Tech Nerd และที่ผู้เขียนชอบมากโดยส่วนตัวก็คือ การแซะคำว่า ‘Disruption’ ครับ คือไม่ได้แค่เอามาแซะผ่านคาแรกเตอร์ตัวละครอย่างเดียว แต่ยังแอบแซะเหล่า Disruptor ว่าจริง ๆ แล้วก็ไม่ต่างจากนักธุรกิจฟอนเฟะนั่นแหละ ทั้งหมดนี้สะท้อนผ่านไดอะล็อกของ ไมล์ส บรอน ได้ย้อนแย้งแสบง่ามใจมาก ๆ ยิ่งดูก็ยิ่งรู้ทรงเลยว่าอีตานี่มัน อีลอน มัสก์ (Elon Musk) ผสม สตีฟ จอบส์ (Steve Jobs) ชัด ๆ แถมยังทำออกมาได้โคตรจะบันเทิงเลยแหละ

Glass Onion A Knives Out Mystery ฆาตกรรมหรรษา ใครฆ่าเพื่อน Courtesy of Netflix

แต่ความบันเทิงของภาคนี้กลับไม่ได้อยู่ที่ครึ่งแรกครับ แต่กลายเป็นว่าพอตัวหนังตัดเข้าครึ่งหลังนี่คือถึงกับหน้าแหกเลย เพราะจริง ๆ แล้วมาถึงตรงนี้ นอกจากคนดูเพิ่งจะรู้ว่าปริศนามันไม่ได้ง่ายอย่างที่นายคิดอย่างเดียว คือมันไม่ใช่แค่นั่งลุ้นว่าใครตาย และใครเป็นฆาตกรเท่านั้น เพราะถ้ามันมีแค่นั้นจริง ๆ หนังคงสรุปจบภายในชั่วโมงเดียวก็พอ จนกระทั่งตัวหนังค่อย ๆ ลอกเปลือกตัวเอง เผยผิวออกมาให้เห็นว่า จริง ๆ ‘Glass Onion’ ไม่ได้เป็นแค่ชื่อบาร์ในเรื่อง หรือแค่เอาชื่อเพลงของ ‘The Beatles’ เท่านั้น แต่มันคือธีม คอนเซ็ปต์การเล่าเรื่องและการวางคำใบ้ต่างหากเล่า

Glass Onion A Knives Out Mystery ฆาตกรรมหรรษา ใครฆ่าเพื่อน Courtesy of Netflix

คือแทนที่ตัวหนังจะพยายามกลืนเบาะแสไปกับตัวเส้นเรื่องเหมือนภาคแรกแล้วให้คนดูค่อย ๆ ผูกปมเอาเอง แต่หนังเรื่องนี้ แม้สถานการณ์จะชวนให้เดายาก เพราะตัวละครทุกตัวก็อยู่ในที่เดียวกัน และทุกคนก็ดูน่าสงสัยหมด แต่ตัวหนังกลับค่อย ๆ ให้เวลาเฉลยออกมาว่า จริง ๆ แล้วเนื้อเรื่องมันยังมีความหักเหลี่ยมเฉือนคมยิ่งกว่าที่รู้จากตัวอย่างอีกเยอะมากกกกก แต่ที่แสบกว่านั้นคือ ตัวหนังเลือกที่จะบอกใบ้ทุกสิ่งทุกอย่างกับคนดูมาตลอด พอเฉลยออกมาถึงได้รู้ว่าตัวหนังมันบอกใบ้มาตลอดทางตั้งแต่แรก ตามคอนเซปต์ ‘Glass Onion’ เด๊ะ ๆ เลย โอเค มันอาจจะชวนให้รู้สึกว่าเดาทางง่ายไปหน่อย (สำหรับคนดูสายถอดรหัสคดี) และมันก็ชวนปวดสมองน้อยกว่าภาคแรกพอสมควร แต่ลำพังแค่นี้ก็เล่นเอาคนดูหน้าแหกเหมือนกันนะ เป็นวิธีการเล่าเรื่องและวางคำใบ้ได้ออกมามีชั้นเชิง เซอร์ไพรส์ และโคตรจะบันเทิง

Glass Onion A Knives Out Mystery ฆาตกรรมหรรษา ใครฆ่าเพื่อน Courtesy of Netflix

อีกความบันเทิงในครึ่งหลังก็คือการจิกกัดประเด็นสังคม โดยเฉพาะในวงสังคมของบรรดาคนรวยนี่แหละ ซึ่งพอตัวหนังพาเราเฉลยแรงจูงใจต่าง ๆ ออกมา ตัวหนังก็ทำหน้าที่เดินเครื่องแซะประเด็นความหน้าไหว้หลังหลอกของสังคมคนรวยที่เต็มไปด้วยความจอมปลอมและผลประโยชน์ที่สุดแสนจะเน่าใน (แล้วเอาคำว่า Disruptor มาบังหน้าอีกที) ซึ่งมันกลายเป็นแรงจูงใจที่ทั้งเอามาแซะได้สนุกปาก และยังเป็นแรงจูงใจในการฆาตกรรมที่ไม่ได้เกิดจากอารมณ์โกรธแค้นจนอยากลงมือเท่านั้น แต่มันลึกลงไปจนถึงหลักศีลธรรมของคนที่ลงมือก่อเหตุ และความเพิกเฉยต่อพยานผู้เห็นเหตุการณ์อีกต่างหาก ซึ่งมันก็เลยลากไปสู่บทสรุปที่ปิดจบได้อย่างสะใจและบันเทิงมาก ๆ แม้จะมีจังหวะโฉ่งฉ่างและแอบเล่นง่ายไปบ้าง ต่างจากภาคแรกที่สรุปจบได้สะใจและดูรุ่มรวยมากกว่า

Glass Onion A Knives Out Mystery ฆาตกรรมหรรษา ใครฆ่าเพื่อน Courtesy of Netflix

ในแง่นักแสดง ยังยึดมาตรฐานเดียวกันกับภาคแรกนะครับ คือขนนักแสดงดัง ๆ มาพรึ่บ แล้วก็เหมือนจงใจให้นักแสดงอยู่ในวัยกลางคนด้วย ซึ่งก็เหมาะกับคาแรกเตอร์ของคนที่มีประสบการณ์ มีเหลี่ยมมีเชิงอยู่ประมาณหนึ่งด้วยแหละ ผู้เขียนชอบอยู่ 3 รายนะครับ คนแรกแน่นอนว่าเป็น แดเนียล เครก (Daniel Craig) ที่ได้โชว์ความกวนในภาคนี้เต็ม ๆ และพอยิ่งพ้นร่มเงา เจมส์ บอนด์มาแล้ว ก็เลยมีความปล่อยแก่ จนออกมาเป็นสายลับอัจฉริยะที่มีความลุง ๆ หน่อย แต่ก็เท่ไปอีกแบบนะ อีกคนคือ จาเนลล์ โมเน (Janelle Monáe) ที่เรียกว่าโชว์สกิลการแสดงแบบเกินจากตัวอย่างไปเยอะมากกกก และ เอ็ดเวิร์ด นอร์ตัน (Edward Norton) ที่รับบทมหาเศรษฐีได้ อีลอน มัสก์ สุด ๆ ไปเลย (อันนี้คำชมนะ (555) แต่ก็แอบมีบางตัวละครที่ยังใช้ได้ไม่คุ้มนัก แม้จะกระจายบทและสร้างคาแรกเตอร์ไว้แน่นพอสมควรแล้วก็ตาม

Glass Onion A Knives Out Mystery ฆาตกรรมหรรษา ใครฆ่าเพื่อน Courtesy of Netflix

ถ้า Netflix ต้องการจะสร้างแฟรนไชส์ให้ตามต่อยาว ๆ ผู้เขียนคิดว่าการทุ่มทุนซื้อสิทธิ์ ‘Glass Onion: A Knives Out Mystery’ มาสร้างเอง อันนี้ก็ต้องถือว่าคุ้มแล้วล่ะ แม้ตัวหนังทั้งบทที่เล่าปริศนาฆาตกรรมออกมาได้ครบสูตร อาจจะมีอาการเล่นง่ายจบง่ายบ้าง แต่ก็ยังเต็มไปด้วยความบันเทิงจากลูกเล่นของธีมที่สนุกแพรวพราว บท ไดอะล็อกจี้จุดแซะสังคมได้แบบแสบ ๆ คัน ๆ เอาเรื่อง เซอร์ไพรส์ที่ช็อตฟีลและสะใจจนไม่อาจสปอยล์ได้ นักแสดงคุณภาพที่รับบทได้น่าสนใจ และงานโปรดักชันที่ดีพอจะเอาไปฉายในโรงได้ เรียกว่าหนังเรื่องนี้เป็นการเปิดทางสร้างจักรวาล ‘Knives Out’ ได้แสบน้ำหูน้ำตาไหลอย่างกับตอนหั่นหัวหอมอย่างไรก็อย่างนั้นเลย


Glass Onion A Knives Out Mystery ฆาตกรรมหรรษา ใครฆ่าเพื่อน Courtesy of Netflix

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส