Release Date
02/02/2023
Runtime
100 Minutes
Genre
Thriller Drama
Director
M. Night Shyamalan
Cast
Dave Bautista Kristen Cui Rupert Grint
Our score
7.2[รีวิว] Knock at the Cabin – จงระทึกแต่โดยดี
จุดเด่น
- ชยามาลานยังคงทำหนังได้ระทึกมาก ลุ้นตลอดทั้งเรื่อง
- การแสดงของเดฟ บอทิสตา รูเพิร์ต กรินต์ และ คริสเทน ชุย สามารถตรึงคนดูไว้ได้ตลอดทั้งเรื่อง
- เป็นหนังที่มีงานภาพสวยมาก และเป็นหนังไม่กี่เรื่องที่ยังใช้ฟิล์ม 35 มม. ถ่ายทำ แนะนำให้ดูโรงหนังที่ฉายระบบเลเซอร์ได้
จุดสังเกต
- เป็นหนังจากนิยายจึงหักมุมได้ยาก หนังเลยเดินเป็นเส้นตรงมากไปหน่อย
- แง่มุมทางศาสนาของหนังชัดเจนมาก จนทำให้บทสรุปไม่ได้ยากเกินคาดเดา
- แอบติงวิช่วลเอฟเฟกต์ที่ยังมีบางส่วนทำออกมาแล้ว ไม่สมศักดิ์ศรีกับหนังฉายโรงเท่าไหร่
- บทหนังมีปัญหาตรงการปูคาแรกเตอร์ให้แข็งแรง จนคนดูเอาใจออกห่างตัวละครไปอย่างน่าเสียดาย
-
การแสดง
8.0
-
โปรดักชัน
7.0
-
บทภาพยนตร์
7.0
-
ความบันเทิง
7.0
-
ความคุ้มค่าในการรับชม
7.0
เอ็ม ไนท์ ชยามาลาน (M. Night Shyamalan) เจ้าพ่อหนังหักมุมที่เคยมีผลงานเด่นแจ้งเกิดในยุค Y2K กับ ‘The Sixth Sense’ และมีหนังออกฉายอย่างต่อเนื่องในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา กลับมาอีกครั้งในปีนี้กับ ‘Knock at the Cabin’ หนังระทึกขวัญที่ดัดแปลงจากนิยาย ‘The Cabin at the End of the World’ ของ พอล จี เทรมเบลย์ (Paul G. Tremblay) ในปี 2018
ในขณะที่ เหวิน หลิง (คริสเทน ชุย Kristen Cui) เด็กสาวกำลังออกจับตั๊กแตนใส่ขวดโหล ลีโอนาร์ด (เดฟ บอทิสตา Dave Bautista) ชายร่างยักษ์ได้เข้ามาผูกมิตรก่อนจะนำพรรคพวกทั้ง เรดมอนด์ (รูเพิร์ต กรินต์ Rupert Grint) ชายขี้คุก ซาบรินา (นิกกี อมูกา-เบิร์ด Nikki Amuka-Bird) พยาบาลสาวใหญ่ และอาร์เดียน (แอบบี ควินน์ Abby Quinn) บุกเข้ามายังกระท่อมเพื่อบังคับให้ แอนดรู (เบน อัลดริจ Ben Aldridge) และ เอริค (โจนาธาน กรอฟฟ์ Jonathan Groff) พ่อเลี้ยงทั้งสองของเหวินเลือกว่าจะสละชีวิตของใครเพื่อหยุดยั้งวันสิ้นโลก
สิ่งที่ชยามาลานทำได้อยู่มือมาก ๆ คือศิลปะการเล่าเรื่องในพื้นที่จำกัด การวางปมต่าง ๆ ในการหาทางรอดของตัวละครหลัก ๆ ที่คนดูอยากจะเอาใจช่วยแต่ก็มีเรื่องของวันโลกาวินาศที่ทำเอาคนดูหายใจไม่ทั่วท้องไปตามพวกเขา ไปจนถึงการสร้างปมในอดีตมาช่วยอธิบายการกระทำของตัวละครในซีนนั้น ๆ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคำนึงถึงว่านี่เป็นหนังเรื่องแรกของชยามาลานที่ตัวละครหลักเป็นเกย์แล้ว มันยังกล่าวถึงปัญหาสังคม การเมืองได้ดีไม่แพ้งานที่ผ่าน ๆ มาเลย
แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องยอมรับว่าการต้องเล่าเรื่องเดินตามนิยาย โดยเฉพาะนิยายที่เอาแรงบันดาลใจมาจากพระคัมภีร์ไบเบิลมาดัดแปลงแบบ ‘ภาพชัด’ ดิ้นได้ยากขนาดนี้ทั้งตัวผู้บุกรุกทั้งสี่คน แถมยังเอาภัยพิบัติวันสิ้นโลกที่อยู่ในบทวิวรณ์ (Revelation) มานำเสนอกันโต้ง ๆ ดังนั้นหากจะคาดหวังว่าหนังจะหักมุมแบบหักศอกเหมือนมาสเตอร์พีซของเขาในอดีตคงไม่ใช่แน่และต้องยอมรับว่าในขณะที่เรากำลังสนุกกับเงื่อนไขอันโหดร้ายทารุณของหนัง เพลินกับอดีตของ แอนดรู และ เอริค ที่เล่าถึงที่มาที่ไปของความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขากับการอุปการะเหวิน หลิง เรากลับสัมผัสได้ถึงความเบาหวิวของคาแรกเตอร์ที่หนังปูมา
อย่างแอนดรูกับเอริคที่หนังพยายามนำเสนออุปสรรคการใช้ชีวิตในฐานะคู่รักเกย์จากทั้งครอบครัวและสังคมรอบข้างเพื่อปูไปสู่เหตุและผลที่หนังต้องจบแบบนี้ ก็ต้องแลกกับการที่หนังไม่ไขปริศนาหลายอย่างที่คนดูอยากรู้โดยเฉพาะเหล่าผู้บุกรุกทั้ง 4 คนที่นอกจากการแนะนำตัวตอนต้นเรื่องและเงื่อนไขว่าพวกเขาเจอกันอย่างแปลกประหลาดได้ยังไงแล้ว หนังก็ไม่ได้เหตุผลที่หนักแน่นพอว่าทำไมพวกเขาต้องถูกเลือกมาปฏิบัติภารกิจที่ชวนใจสลายขนาดนี้ และในขณะเดียวกันยิ่งหนังเล่าได้สนุกสนานกับงานภาพมากเท่าไหร่ สารที่หนังกำลังจะนำเสนอก็เหมือนถูกละเลยออกไปมากเท่านั้น
แต่กระนั้นงานภาพจากฝีมือของ จาริน บลาสช์เก (Jarin Blaschke) และ โลเวล เอ เมเยอร์ (Lowell A. Meyer) ก็ถือเป็นตัวช่วยของหนังไม่น้อยทั้งการดีไซน์มุมกล้องเท่ ๆ และภาพที่เป็นสัญลักษณ์ต่าง ๆ ที่ชยามาลานพยายามนำเสนอถูกถ่ายทอดได้อย่างมีศิลปะทั้งภาพตั๊กแตนในขวดโหลที่น่าจะใช้ทักษะในการถ่ายทำไม่น้อยและที่สำคัญนี่คือหนังไม่กี่เรื่องเช่นกันที่ถ่ายทำด้วยฟิล์ม 35 มม. ซึ่งสามารถดึงแสงและโทนสีเฉพาะตัวออกมาถ่ายทอดได้อย่างงดงามชวนตะลึง ซึ่งหากเป็นไปได้ผมแนะนำให้หาโรงภาพยนตร์ที่ฉายระบบเลเซอร์ได้นะครับ หนังเรื่องนี้ถ่ายป่าได้สวยงามมาก
และทิ้งท้ายที่งานแสดงที่ต้องบอกว่าภาพรวมการแสดงของหนังออกมาแข็งแรงมากโดยเฉพาะ เดฟ บอทิสตา ที่สามารถถ่ายทอดความใจสลายขัดแย้งกับภาพลักษณ์ภายนอกที่ดูบึกบึนและน่ากลัวได้ยอดเยี่ยมมาก ส่วน คริสเทน ชุย ก็มีเสน่ห์มากแบบไม่น่าเชื่อว่านี่คือหนังเรื่องแรกของเธอ แต่ที่เหล่าพอตเตอร์เฮดน่าจะภูมิใจไม่น้อยคือการกลับมาบนจอใหญ่อีกครั้งของ รูเพิร์ต กรินต์ (Rupert Grint) หรือ รอน วีสลีย์ที่คราวนี้มาในบทเดนมนุษย์ที่ถูกเลือกจากพระเจ้าได้น่ากลัวและเดาทางไม่ถูก ส่วนนิกกี อมูกา-เบิร์ด และ แอบบี ควินน์ ก็ตีความอารมณ์ยาก ๆ ในฐานะสมาชิกสาว 2 คนในกลุ่มผู้บุกรุกได้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว
จะมีเสียดายอยู่บ้างตรงการเล่าความสัมพันธ์ของแอนดรูกับเอริคที่ยังไม่เห็นปมประเด็นที่สำคัญกับเรื่องราวหรือการรับหน้าที่คุณพ่อชาว LGBTQ+ ที่น่าจะได้เวลาบนจอมากกว่านี้ เพราะเท่าที่เห็นจากผลงานแล้วการแสดงของทั้ง เบน อัลดริจ และ โจนาธาน กรอฟฟ์ ไม่ได้ขี้เหร่เลย พวกเขาถ่ายทอดความยากลำบากในการประคองความสัมพันธ์แบบคู่รักที่สังคมไม่ยอมรับและในโมเมนต์สั้น ๆ ทั้งคู่ได้แสดงถึงความปิติยินดีกับการรับเลี้ยงทารกน้อยอย่างเหวิน หลิงได้น่าประทับใจไม่น้อยเลยทีเดียว
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส