Release Date
03/02/2023
ความยาว
98 นาที
ผลงานก่อนหน้าของทีมสร้าง
'Troll' (2022)
Our score
3.5Viking Wolf
จุดเด่น
- หนังมนุษย์หมาป่าแบบที่คุ้นเคย ไม่ซับซ้อนมาก เล่าผ่านดรามาความสัมพันธ์วัยรุ่นมีปมกับคุณแม่ที่ไม่เข้าใจ
จุดสังเกต
- ไม่มีอะไรใหม่หรือน่าสนใจจริง ๆ กับหนังเรื่องนี้ จะเปิดทิ้งฟังฆ่าเวลาก็ดันไม่มีพากย์ไทยเสียด้วย
-
บท
2.5
-
โปรดักชัน
6.0
-
การแสดง
6.0
-
ความสนุกตามแนวหนัง
3.5
-
ความคุ้มค่าการรับชม
5.0
เรื่องย่อ: ทาเลเด็กสาววัย 17 ปีต้องย้ายไปอยู่กับแม่ในเมืองเล็ก ๆ เพราะแม่ของเธอได้งานทำที่กรมตำรวจท้องที่ หลังจากนั้นก็มีคดีนักเรียนคนหนึ่งถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยมโดยที่ทาเลก็เป็นหนึ่งในพยานที่รอดชีวิตมาได้ แต่แล้วเธอก็เริ่มรู้สึกถึงการเปลี่ยนไปของร่างกายบางอย่าง ขณะเดียวกันฆาตกรสุดโหดก็ยังคงลอยนวลในป่าลึกของนอร์เวย์
ช่วงนี้เน็ตฟลิกซ์มีหนังสัญชาตินอร์เวย์ที่มีหน้าหนังน่าสนใจมาเสิร์ฟคอหนังชาวไทยติด ๆ กันเลย โดยก่อนหน้านี้ก็มีหนังสัตว์ประหลาดแห่งหุบเขาอย่าง ‘Troll’ (2022) ที่พอมีกระแสในไทยมายั่ว และให้เป็นเรื่องบังเอิญว่ามือเขียนบทในหนังเรื่องนั้นอย่าง เอสเปน อูคัน (Espen Aukan) ก็เป็นคนเดียวกันกับที่มาช่วยเขียนบทในหนังมนุษย์หมาป่าฉบับนอร์เวย์เรื่องนี้ด้วย
‘Viking Wolf’ เริ่มเรื่องโดยเกริ่นถึงตำนานโบราณในสมัยไวกิ้งยังครองดินแดนนี้อยู่ พวกไวกิ้งออกปล้นสะดมไปทั่วจนถึงชายฝั่งฝรั่งเศสและพบลูกหมาป่าที่ถูกนักบวชขังเอาไว้จึงนำตัวกลับไปยังบ้านเกิด ทว่าพวกไวกิ้งบนเรือก็ถูกฆ่าตายหมดและหมาป่าก็กระโจนจากเรือที่ลอยมาถึงแผ่นดินชาวนอร์ส แล้วหายตัวไปในป่าลึกนับจากนั้น
ซึ่งจะว่าไปย่อหน้าด้านบนแทบจะเป็นส่วนที่สัมพันธ์กับไวกิ้งทั้งหมดของเรื่องแล้ว และก็หาคำตอบได้ยากเหลือเกินว่าเหตุใดผู้สร้างถึงกล้าพอเอามาตั้งเป็นชื่อหนัง หนำซ้ำถ้าอ่านดี ๆ มนุษย์หมาป่าตัวแรกตามตำนานนี้เป็นชาวฝรั่งเศสเสียด้วยซ้ำ จนถึงตรงนี้เราก็ยังคงฝากความหวังได้ว่าหรือบางทีผู้สร้างอาจอยากนำเสนอมนุษย์หมาป่าในแบบฉบับนอร์เวย์ที่มันแตกต่างจากหนังอสุรกายจันทร์เพ็ญที่เคยทำมาก่อนหน้าบนแผ่นดินอื่นก็เป็นได้ ถ้าไปทางเซอร์เรียลก็หวังว่าจะได้เห็นมนุษย์หมาป่าถือขวานไล่ฆ่าคนกันเลย
แต่ความน่าเศร้าของหนังเรื่องนี้ก็ไม่ต่างจากเนื้อเพลง “เลือดกรุ๊ปบี” ที่มีท่อนจำว่า ต้องมีอะไรผิดพลาดตรงไหน
ไม่เข้าใจเลยสักครั้ง ไอ้ที่เขาทำฉันนั้นก็ทำ แต่ทำและไม่เคยสมหวัง ราวกับผู้สร้างร้องเพลงนี้ออกมาด้วยตนเอง
นี่เป็นหนังที่เดินรอยตามหนังตระกูลมนุษย์หมาป่าอย่างหมดจด ตั้งแต่การส่งต่อเชื้อผ่านบาดแผลของเหยื่อ รูปร่างและวิธีการกลายร่าง ไปจนถึงกระสุนเงินที่เป็นอาวุธเดียวที่จะฆ่าพวกมันได้ สิ่งที่เกือบจะทำให้มันดูต่างบ้างก็คงเป็นมุมมองการเล่าผ่านสายตาเด็กวัยรุ่นที่มีปัญหา และไม่สามารถเชื่อใจผู้ใหญ่รอบตัวได้จนต้องพบกับชะตากรรมที่เราอยากเอาใจช่วยเธอพอประมาณ ซึ่งพอจะมองไปทางหนังดราม่าวัยรุ่น หนังก็คอยตัดฉากไปทางคุณแม่ที่เป็นตำรวจแล้วกลายเป็นหนังสืบสวนไปอีก แล้วจะว่าไปพวกหนังวัยรุ่นที่นำเสนอเรื่องมนุษย์หมาป่าก็ไม่ได้มีเรื่องนี้ทำเป็นเรื่องแรกให้ตื่นเต้นเลยด้วย
นอกจากความเป็นมนุษย์หมาป่าที่เดิม ๆ กับพลอตที่ไม่ได้แปลกแหวกแนว หนังยังใช้วิธีการเล่าเรื่องที่ไร้ลีลาเข้าไปอีก ตั้งแต่เด็กสาวรอดตาย ชาวเมืองฉงนว่าใครหรืออะไรเป็นคนฆ่าพวกเด็กวัยรุ่น พวกตำรวจกับหมอเจอหลักฐานว่าอาจเป็นสัตว์ประหลาดแต่ก็ยากจะทำใจเชื่อ มีชายแก่ท่าทางแปลก ๆ บอกว่าตัวเองเป็นพรานล่ามนุษย์หมาป่าแล้วก็ยัดกระสุนเงินใส่มือแม่ที่เป็นตำรวจ แล้วสุดท้ายเด็กสาวก็เริ่มเปลี่ยนไปทีละนิด แล้วคนดูก็ตบเข่าฉาดว่าไม่ต้องเล่าที่เหลือเดาได้หมดแล้ว
ซึ่งดูแล้วเหมือนหนังไม่รู้ตัวเองและกำลังละเมอเดินสติล่องลอยอยู่ไม่ต่างจากตัวนางเอก ยิ่งพยายามใส่ฉากที่ตัวละครทำหน้างงกันว่ามันคือตัวอะไรกันน้า แล้วก็พยายามตัดต่อหลบซ่อนตัวฆาตกรที่แท้จริงให้เหมือนว่ายังมีโอกาสที่จะเป็นคนธรรมดาทำเช่นกัน แล้วคนดูจะได้ตกใจตอนที่พบว่าสัตว์ประหลาดในตำนานมันมีจริงนี่นา คือมันยิ่งดูตลก เพราะทั้งชื่อหนัง โปสเตอร์หนัง ยันอินโทรของหนังบอกเรามาตลอดว่ามันไม่มีอะไรอย่างอื่นเลยนอกจาก มนุษย์หมาป่านั่นล่ะ
ก็ไม่รู้ว่าผู้สร้างคาดหวังอะไรอยู่กับการทำหนังเรื่องนี้ อยากจะทำให้มีเอกลักษณ์ถึงขนาดเอาชื่อไวกิ้งมาผสมในเรื่องแต่ก็ทำตัวเหมือนหนังมนุษย์หมาป่าเกรดรอง ๆ อีกเรื่องหนึ่งเท่านั้น แถมปมต่าง ๆ รวมถึงฉากไคลแมกซ์ก็ไม่ได้ทำให้ลุ้นระทึกสุดใจอะไรเลย คืออย่างน้อยถ้าจะตามสูตรสำเร็จแต่เล่าให้มันถึงอารมณ์สุดในทางบันเทิงมันก็ยังพอมีอะไรให้น่าสนใจบ้าง แต่นี่ไม่เลย
หนำซ้ำที่ปูตัวละครกับปมทิ้งไว้หลายอย่าง แบบที่ดูออกว่าอยากเอาไปใช้งานต่อ แต่พอถึงฉากที่เป็นบทสรุปกลับไม่พูดถึง แล้วก็เลือกจบแบบเท่ ๆ แบบปลายเปิด ซึ่งไม่ได้ชวนให้ถกเถียงอะไรเลยเพราะก็มีฉากที่มาเฉลยอยู่ดีแถมเป็นการเฉลยที่สุดท้ายคนดูก็ถูกทิ้งเคว้งขว้างกับกองตัวละครและปมอื่น ๆ อีกว่าจะเอาไง
ที่พอจะดีอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้ดีขนาดน่าจดจำอะไรก็คือฉากการออกตามล่าฆาตกรจนถึงถ้ำในป่า เป็นฉากที่ยังพอลุ้นและสนุกกับการนำเสนอความรุนแรงแบบเกินเบอร์อยู่บ้าง แต่ก็แค่นั้นล่ะ คงไม่ต้องโทษพื้นดวง ราศีดวงดาว หรือกรุ๊ปเลือดอะไร วางตัวหนังเองแบบหนังวัยรุ่นผสมหนังมนุษย์หมาป่าที่เพลย์เซฟเกินเหตุ ทั้งที่มีจุดแข็งอย่างชื่อหนังให้จินตนาการต่อยอดได้มากมายอยู่แล้ว ก็คงต้องโทษวิสัยทัศน์ของผู้สร้างนั่นล่ะ
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส