Release Date
17/02/2023
Rated : 16+
แนว : ภาพยนตร์อาชญากรรม
1 ชั่วโมง 57 นาที
ผู้กำกับ : คิมเทจุน
ผู้เขียน : (จากมังงะโดย) อากิระ ชิกะ
นักแสดงนำ:ชอนอูฮี,ยิมชีวาน,คิมฮีวอน
Our score
6.0[รีวิว] UNLOCKED : ระทึกกับเรื่องราวระหว่างทางมากกว่าปลายทาง
จุดเด่น
- อิมชีวอนยังคงไปได้ดีกับบทตัวร้ายโรคจิต
- หยิบเรื่องโทรศัพท์มือถือมาเล่าในเชิงภัยใกล้ตัวได้ดี
จุดสังเกต
- ตัวร้ายของเรื่องโรคจิต เก่ง แต่ขาดความโหด ความระทึกเลยหายไปพอควร
- มัวไปมุ่งเรื่องล่อหลอกตัวตนที่แท้จริงของฆาตกรโรคจิต เลยไม่รู้ที่มาที่ไปของตัวฆาตกร
- เป็นหนังฆาตกรต่อเนื่อง ที่ไม่มีฉากฆ่าให้เห็นเลยแม้แต่ฉากเดียว
-
คุณภาพงานสร้าง
6.0
-
บทภาพยนตร์
5.5
-
คุณภาพนักแสดง
6.0
-
ความบันเทิงตามแนวหนัง
6.5
-
คุ้มค่าเวลารับชม
6.0
หนังระทึกขวัญสัญชาติเกาหลีใต้ที่เพิ่งลง NETFLIX เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา และได้รับการถูกพูดถึงอย่างมากในช่วงนี้ ด้วยเหตุที่หนังมาในแนวระทึกขวัญถูกรสนิยมผู้ชมชาวไทย ด้วยเรื่องราวใกล้ตัวที่ว่าด้วยการติดมือถือจนกลายเป็นภัยโดยไม่รู้ตัว
UNLOCKED เป็นหนังที่ดัดแปลงมากจากมังงะญี่ปุ่น และเคยถูกสร้างเป็นหนังญี่ปุ่นมาแล้วในชื่อ Stolen Identity เมื่อปี 2018 พอมาเป็นเวอร์ชันเกาหลีใต้ ก็ได้มอบหมายให้ คิม เทจุน อดีตนักแสดงที่ผันตัวมาเป็นผู้กำกับได้ลองมือเป็นเรื่องแรก ซึ่งเดิมทีทางค่าย CJ ผู้สร้างวางแผนไว้ว่าจะฉายในโรงภาพยนตร์ แต่ไม่ทราบด้วยเหตุผลกลใด ถึงเปลี่ยนใจย้ายมาลง NETFLIX เสียแทน แต่ก็ได้รับผลตอบรับดี หนังเข้าชาร์ตอันดับต้น ๆ ทันทีหลังจากเปิดตัวแค่ไม่กี่วัน
หนังเล่าเรื่องราวผ่านชีวิตของ นามิ (ชอนวูฮี) สาววัยเพิ่งเริ่มทำงาน ที่เสพติดกับโลกโซเชียลอย่างหนัก แทบจะโพสต์ทุกความเคลื่อนไหวในชีวิตลงสื่อโซเชียล ชีวิตเธอก็ดูจะราบรื่นดี จนกระทั่งวันหนึ่งที่เธอเมาหนักไปหน่อย แล้วพลาดทำมือถือตกบนรถประจำทางโดยไม่รู้ตัว มันกลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นวิกฤตชีวิตของนามิ เพราะคนที่เก็บมือถือของเธอได้คือ อูจุนยอง (อิมชีวาน) ฆาตกรต่อเนื่องที่มีเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านโทรศัพท์มือถือ จากนั้นหนังก็แนะนำให้เรารู้จักอีก 2 ตัวละครหลักก็คือ อูจุนยอง ที่เป็นฆาตกรต่อเนื่อง และ จีแมน นักสืบแผนกคดีคนหาย ที่กำลังทำคดีศพปริศนา 7 ร่าง ที่คาดว่าน่าจะเป็นฝีมือฆาตกรคนเดียวกัน และยิ่งสืบลงไป หลักฐานต่าง ๆ ก็ชี้ไปที่ยุนจอง ซึ่งเป็นลูกชายของเขาเองที่ขาดการติดต่อกันไปนานหลายปี
หนังที่ว่าด้วยฆาตกรต่อเนื่องนั้นมักจะได้รับความสนใจอยู่แล้ว ยิ่งเรื่องนี้ยังเพิ่มประเด็นเรื่องเทคโนโลยีโทรศัพท์มือถือเข้ามาอีก ด้วยการเขียนให้ตัวฆาตกรเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านโทรศัพท์มือถือ ก็ยิ่งทำให้หน้าหนังน่าสนใจมากขึ้นไปอีก ไม่เพียงแค่นั้น ทีมผู้สร้างยังเลือกใช้ อิมชีวาน อดีตบอยแบนด์วงเจอา (ZE:A) ที่หันมาเอาดีในวงการแสดง แล้วนี่ก็เป็นครั้งที่่ 2 แล้วที่ชีวานได้รับบทเป็นตัวร้ายโรคจิตต่อจาก ไฟลต์คลั่ง ฝ่านรกชีวะ (Emergency Declaration) หนังแอ็กชันฟอร์มใหญ่เมื่อปี 2021 ซึ่งที่จริงด้วยหน้าตาที่หล่อเหลาสไตล์บอยแบนด์ของชีวานนั้นเป็นพระเอกได้สบาย ๆ แต่ด้วยการสื่อความโรคจิตผ่านทางสายตานี่ล่ะ ที่ส่งให้เขาเริ่มจะไปได้ดีกับบทวายร้ายโรคจิต และในเรื่องนี้ล่ะ ที่บทยุนจองของเขาที่ทำหน้าที่เฟืองสำคัญให้เรื่องราวเดินไปข้างหน้าได้อย่างน่าติดตาม
แต่ละนาทีที่หนังเดินหน้าไป ก็ยิ่งทำให้ผู้ชมได้รับรู้ถึงความน่ากลัวของจุนยอง จากจำนวนศพหญิงสาวที่ค้นพบมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เรารับรู้ว่าเขาคือฆาตกรอำมหิตจริง ๆ ที่ฆ่าคนเป็นผักปลาเพื่อความสนุกอย่างเดียว บวกกับความเชี่ยวชาญในการใช้โทรศัพท์มือถือ ว่าเขาใช้โทรศัพท์มือถือทำอะไรเหยื่อได้บ้าง ซึ่งจุนยองก็สนุกกับการเล่นกับเหยื่อก่อนลงมือฆ่า ด้วยการกลั่นแกล้งนามิต่าง ๆ นานาผ่านสื่อโซเชียล ตรงนี้ล่ะที่จัดว่าเป็นจุดเด่นของ UNLOCKED ที่เราได้อึ้งกับความสามารถของตัวร้ายที่ค่อยเผยออกมา และทำให้รู้สึกว่าจุนยองเป็นฆาตกรที่น่ากลัว
สำหรับใครที่ชอบดูหนังฆาตกรรมระทึกขวัญ น่าจะจับสูตรสำเร็จของหนังแนวนี้ได้ ถ้าเรื่องไหนคนร้ายยิ่งโหดหนังยิ่งมีความลุ้นระทึกมากขึ้น แต่ UNLOCKED ก็ดูเหมือนจะพยายามฉีกตัวเองออกจากสูตรสำเร็จนี้ หนังเผยให้เห็นแต่ความสามารถของจุนยองในการใช้โทรศัพท์มือถือ แต่ตลอดเรื่องเราไม่ได้เห็นจุนยองลงมือกับเหยื่อรายใดเลย ไม่เห็นเหยื่อรายก่อนหน้านามิ มีแต่ภาพศพที่ถูกขุดเจอเพียงเท่านั้น ซึ่งเมื่อหนังดำเนินไปถึงฉากไคลแมกซ์ เราก็ยังคงได้เห็นแต่รอยยิ้มของจุนยองที่ได้เล่นสนุกกับเหยื่อ แต่ก็ไมได้เห็นถึงความโหดอำมหิตอย่างที่หนังได้พูดถึงเหยื่อที่ผ่านมาของเขา มันก็เลยกลับกลายเป็นว่าความบันเทิงของ UNLOCKED คือการได้เห็นความสามารถของจุนยองที่สนุกกับการกลั่นแกล้งนามิ แต่กลับไม่ได้รับความระทึกกับการไล่ล่าอย่างที่ควรมีในหนังแนวนี้ ใช้คำว่า “เป็นหนังฆาตกรโรคจิตที่แทบไม่มีเลือดให้เห็น” เลยก็ว่าได้
ก็เลยกลายเป็นหนังระทึกขวัญที่เล่าไปแบบยั้ง ๆ ได้เห็นความสามารถทางด้านเทคโนโลยีของฆาตกรมากกว่าความโหดของเขา พอถึงนาทีที่นามิรู้ตัวตนที่แท้จริงยุนจอง แล้วได้เผชิญหน้ากัน โทนความระทึกของหนังก็ดรอปลงไป เพราะไม่มีเรื่องเทคโนโลยีมือถือที่เป็นจุดขายหลักของหนังเข้ามาเกี่ยวข้องแล้ว แล้วตลอดชั่วโมงกว่าที่ผ่านมาเราก็ไม่ได้เห็นความโหดของจุนยองเลย
จุนยองของอิมชีวานก็เลยเป็นตัวร้ายของเรื่องที่โรคจิตแต่ไม่น่ากลัว จนไม่ได้รู้สึกหวาดหวั่นต่อชะตากรรมของเหยื่ออย่างที่ควร เปรียบเทียบตัวอย่างใกล้ ๆ กัน กับฆาตกรใน “คืนฆ่าไร้เสียง” (Midnight) หนังเกาหลีใต้เหมือนกัน รายนั้นน่ากลัวกว่าเยอะ ดูแล้วยังต้องลุ้นกับชะตากรรมของเหยื่อ
หนังจบด้วยภาพฟุตเทจผู้คนบนท้องถนน ที่ทุกคนต่างก้มหน้าก้มตาจดจ่ออยู่กับหน้าจอโทรศัพท์มือถือ เหมือนกับเป็นการกระตุ้นให้ฉุกคิดว่า ถ้ามีคนที่เชี่ยวชาญโทรศัพท์มือถือแล้วเป็นฆาตกรต่อเนื่องอย่างจุนยองขึ้นมาจริง ๆ ล่ะ จะน่ากลัวเพียงไหน แล้วเราจะป้องกันตัวกันอย่างไร ซึ่งวันนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องไกลตัวเลย เพราะเรา ๆ เองก็เผชิญกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์กันอยู่ทุกวัน ๆ ซึ่งคนเหล่านี้ก็จัดว่าเชี่ยวชาญเทคโนโลยีมือถือเพียงแต่พวกนี้มุ่งไปที่เงินในบัญชี ยังไม่ได้มุ่งร้ายเอาชีวิตใครอย่างที่จุนยองทำ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเหตุการณ์เหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นจริง เพราะ UNLOCKED นี่ก็เปรียบเหมือนเหตุการณ์จำลองที่ถูกเตือนใจขึ้นมาโดยประเทศผู้ผลิตมือถืออันดับ 1 ของโลกเองเลย