Content Rating
18+ Restricted (violence & profanity)
แนว
ระทึกขวัญ , ดราม่า, เมโลดราม่า
จำนวนตอน
8 ตอนจบ (16 ตอน รวมพาร์ต1-2)
Our score
9.0[รีวิว]The Glory Part 2: มหากาพย์การแก้แค้นที่ตอบทุกคำถามในชีวิต
จุดเด่น
- ขอมอบถ้วยให้กับนักแสดงในเรื่องนี้ทุก ๆ คนไปเลยค่ะ กินกันไม่ลงจริง ๆ แต่ที่ว้าวมาก ๆ ก็คือ 'อิมจียอน' ผู้รับบท 'พัคยอนจิน' ที่การพลิกบทบาทมาเล่นร้ายครั้งแรก การันตีความสามารถเธอได้เลย
- บทมีความสมเหตุสมผลและตอบคำถามได้ทุกคำถามหากมีใครสงสัย ลองตั้งคำถามอะไรขึ้นมาสักข้อสิคะ ซีรีส์เรื่องนี้มีคำตอบที่ไม่ได้ซ่อนอยู่ เต็มไปหมดเลย
จุดสังเกต
- การดำเนินเรื่องบางช่วงบางตอนใส่ความคาดเดาให้คนดูเยอะพอสมควร ข้อดีคือทำให้เนื้อเรื่องน่าสนใจขึ้น แต่ก็มีข้อเสียคือ ต้องย้อนกลับมาดูอีกรอบ (หืมมม เมื่อกี้ว่าไงนะ)
-
บท
9.0
-
โปรดักชัน
8.0
-
การแสดง
10.0
-
การดำเนินเรื่อง
8.0
-
ความสนุกตามแนวซีรีส์
10.0
จากพาร์ตแรกที่สาดความเลือดเย็นแห่งการเอาคืนของเหยื่อความรุนแรงอย่าง ‘มุนดงอึน’ (ซงฮเยคโย) ไว้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย และได้ทิ้งปริศนาความตายของ ‘ซน-มยองโอ’ (คิมกอนอู) เอาไว้ ว่าใครกันนะคือเจ้าของรองเท้าเขียวคู่นั้น คู่ที่เดินออกมาจากที่เกิดเหตุ โดยมี ซน-มยองโอ นอนจมกองเลือดอยู่ที่นั่น แน่นอนว่าอีตาบ้านี่กลายเป็นศพแล้วแน่แท้ ตายจริง ๆ ไม่มีตายทิพย์แล้วโผล่ออกมาเซอร์ไพรซ์อย่างซีรีส์แก้แค้นเรื่องอื่น ๆ แน่นอน เพราะบทแก้แค้นครั้งนี้มันเริ่มต้นจากคำถาม และพรั่งพรูออกมาเป็นคำตอบ
อย่างที่มีการเปิดเผยเอาไว้ว่า ‘คิมอึนซุก’ ผู้เขียนบท ‘The Glory’ ได้แรงบันดาลใจในการเขียนบทเรื่องนี้จากคำถามของลูกสาวตัวเอง ในครั้งที่มาถามเธอว่า “แบบไหนที่แม่จะเจ็บปวดกว่ากัน ระหว่างลูกไปทำร้ายคนอื่นจนสาหัส กับ ลูกถูกทำร้ายจนสาหัส?” ซึ่งคำถามนี้ได้กลายมาเป็นหัวเชื้อในการเขียนบทเรื่องนี้ และทำให้เธอพบคำตอบว่า ถ้าลูกสาวเธอถูกทำร้ายจนสาหัส เธอจะลากผู้กระทำผิดลงนรกด้วยเงินของเธอ
แต่คนอีกมากมายในสังคมที่ถูกข่มเหงไม่สามารถทำแบบเธอได้ ทั้งฐานะทางการเงินที่มีไม่เท่าเธอ และการเติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่เรียกว่าครอบครัวก็ยังกระดากปาก มุนดงอึน จึงกลายเป็นตัวแทนของกำลังใจให้กับคนเหล่านั้น เพราะชีวิตในละครมันตรงข้ามกับความเป็นจริง เธอจึงเขียนให้มุนดงอึนออกมาเป็นคนในแบบที่เราเห็น และกลายเป็นคำตอบของคำถามหลาย ๆ คำถามในชีวิต และเรื่องนี้มีความเป็นที่สุดอยู่สองด้านคือ บทที่เข้าข้างเหยื่ออย่างที่สุด และฝีมือการแสดงที่เจ๋งสุด ๆ ของนักแสดงทุกคน
ขอบคุณที่ทำให้ฉัน ไม่ต้องรู้สึกผิด
ไม่มีคนดี ๆ ที่ไหนอยากทำร้ายคนอื่นให้ต้องอับอายหรือเจ็บปวดหรอกค่ะ ทุกการกระทำของเรามันจะสะท้อนเข้าไปในหัวใจว่าเรามีสิทธิ์ทำแบบนั้นเหรอ หรือเขาสมควรได้รับคมหอกจากเราไหม เช่นเดียวกับมุนดงอึนนางเอกของเรื่อง ที่ถึงแม้ว่าเธอจะวางแผนชีวิตของเธอไว้อย่างดีเพื่อมอบความเจ็บปวดให้กับคนที่เคยทำร้ายเธอ แต่บทก็เขียนให้เราสัมผัสได้ว่า มุนดงอึนคือคนธรรมดาที่ไม่ได้อยากทำร้ายใคร เธออยากมีชีวิตเรียบง่ายและต้องการความรักจากใครสักคน
แต่บาดแผลที่เธอได้รับมันกัดกินลงไปลึกซะจนการเยียวยาเดียวที่มี คือการขุดเอาความขมขื่นในใจออกมาเผาให้สิ้นซาก และเมื่อบทจงใจที่จะเข้าข้างเหยื่ออย่างมุนดงอึน ก็ต้องเปิดหัวใจของมุนดงอึนให้เรารู้สักหน่อยว่า ลึก ๆ ในใจแล้วเธอไม่ได้ต้องการทำร้ายใคร แต่เธอเจ็บปวดและมีแผลกลัดหนอง มันจำเป็นต้องควักออกมาให้หมดเชื้อ และบอกกับไอ้แผลเจ็บ ๆ นี้ว่า ก็แกเป็นแผลเน่าเฟะที่ไม่เคยแห้งได้เองเลยนี่หว่า เหมือนกับคำขอบคุณที่มอบให้แม่ผู้ให้กำเนิดและบรรดาเพื่อนเก่าว่า “ขอบคุณนะ ที่ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยสักนิด” ขอบคุณที่เลวกันอย่างเสมอต้นเสมอปลาย
ใจความแค่นี้เองค่ะ ขอบคุณนะที่ทำให้ฉันไม่ต้องรู้สึกผิด ทำให้ผู้เขียนบทอย่างคิมอึนซุกใส่หัวใจส่วนลึกและความเจ็บปวดของมุนดงอึนออกมาให้เรารับรู้ได้ในหลาย ๆ ฉาก ทุกบททุกตอนมีการตอกย้ำความรู้สึกนี้อยู่เสมอว่า ขอบคุณจริง ๆ ที่พวกเธอเลวยันเงาเหมือนเดิม ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน คำว่าสำนึกผิดก็ไม่เคยย่างกรายมาถึงเลยสักนิด เพราะฉะนั้น การแก้แค้นของฉันที่จะประเคนให้ต่อไปนี้ มันก็สาสมแล้วกับคนเลว ๆ อย่างพวกเธอ
เป็นการเขียนบทที่ระแวดระวังเอาไว้แล้วทุกคำถาม และสามารถตอบได้ทุกคำตอบที่คิดว่าจะมีคนถามเลยด้วยซ้ำ ทำไมมุนดงอึนถึงต้องแก้แค้น แล้วมีไหมคนที่โดนแบบมุนดงอึนแล้วไม่ทำอะไรเลย คนพวกนั้นสมควรโดนแล้วเหรอ ทำไมกฎหมายดูเหมือนไร้ประโยชน์ และแค่ไหนมันถึงจะสาแก่ใจกันล่ะ เชื่อว่าทุกคำถามที่จะเกิดขึ้น สามารถตอบได้ด้วยเนื้อหาและการตัดสินใจของนางเอก และตัวละครอื่น ๆ ที่ดำเนินอยู่ในเรื่องนี้
เราต้องการคนที่รักเราและที่มีบางสิ่ง เหมือนกันกับเรา
แน่นอนว่าการแก้แค้นของมุนดงอึน ได้ดำเนินต่อจากพาร์ตแรกอย่างสาแก่ใจคนดู นี่แหละค่ะการแก้แค้นที่เป็นธรรมชาติที่สุด มีความเป็นไปได้และสามารถทำได้จริง (ถ้ามีเงิน) เหมือนกับที่คิมอึนซุก ผู้เขียนบทของเรื่องบอกเอาไว้ว่า เธอจะลากคนเลวลงนรกด้วยเงินของเธอ นางเอกของเราจึงต้องเป็นคนที่ฉลาด มีไหวพริบ และที่สำคัญมีเงินที่เธอเก็บหอมรอมริบมาทั้งชีวิตเพื่อการนี้ แต่มากไปกว่าเงินที่เธอมีคือคนเราต้องมีใครสักคนที่คล้ายกันกับเราอยู่ข้างกาย ซึ่งฟ้าก็ส่ง ‘จูยอจอง’ (อีโดฮยอน) และ ‘คัมฮยองนัม’ (ยอมฮเยรัน) มาให้เธอ
บทเขียนให้ในตอนแรกมุนดงอึนได้ขีดเส้นแบ่งความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับจูยอจองเอาไว้ ทั้ง ๆ ที่ตอนแรกก็คิดจะใช้เขาเป็นหมากในกระดานนั่นแหละ แต่แหมครอบครัวก็ดี ชีวิตก็สดใส เป็นถึงลูกเจ้าของโรงพยาบาล มันต่างกับฉันมากจริง ๆ แต่เมื่อค้นพบความจริงบางอย่างว่า เขาก็มีบาดแผลที่ลึกไม่ต่างกันกับเธอ พาร์ตนี้เราจึงได้เห็นมุมหวาน ๆ ของคู่พระนางมากกว่าพาร์ตที่แล้วหลายเท่าตัว
เป็นการใส่ฉากหวาน ๆ ที่มีเหตุผล มีที่มาที่ไป ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป ในจุดนี้สามารถมองได้ว่า ผู้เขียนบทกำลังให้รางวัลนางเอกของเรื่อง ในขณะเดียวกันก็กำลังปลอบประโลมบรรดาเหยื่อทุกคนบนโลก ที่อาจจะกำลังยืนอยู่บนสถานการณ์เดียวกัน โดนมาคล้าย ๆ กัน ว่าโลกนี้ก็ไม่ได้โหดร้ายกับเธอเกินไปนักหรอก มีคนเข้าใจและพร้อมจะยืนข้างพวกเธออยู่ เชื่อฉันนะ
และเพื่อไม่ให้เธอมองโลกอย่างโหดร้ายเกินไปนัก ผู้เขียนบทก็ได้เปิดเผยให้เธอเห็นว่า โลกนี้ยังมีแม่ที่ยอมทนทุกข์เพื่อให้ลูกของตัวเองปลอดภัยด้วยการส่งป้าแม่บ้านและแม่ของโซฮีมาให้เธอได้ช่วยเหลือ ยังมีพ่อที่รักลูกสาวอย่างสุดหัวใจถึงแม้จะรู้ว่าไม่ได้เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขอย่างประธาน ‘ฮาโดยอง’ (จองซองอิล) แถมยังตอกย้ำเอาด้วยว่า เธอไม่ได้เป็นผู้โชคร้ายคนเดียวในโลก เพราะมีคนที่โดนแบบเธอแต่ไม่ไหวจะสู้อยู่เห็น ๆ
MVP เรื่องนี้ ไม่ได้มีเพียงหนึ่ง
ให้รางวัลไม่ถูกเลยค่ะกับการแสดงของนักแสดงแต่ละคนในเรื่อง ทราบแต่ว่าทุกคนเป็นตัวละครตัวนั้นได้สมบทบาท แต่ในส่วนตัวผู้เขียนแล้วขอมอบรางวัลพลิกบทบาทดีเด่นให้กับ ‘อิมจียอน’ ผู้รับบท ‘พัคยอนจิน’ ที่พลิกบทบาทมาเล่นบทร้ายครั้งแรกในชีวิต ถ้าใครเคยดู ‘Obsessed’ หนังโรแมนติกสุดซาบซ่าในปี 2014 ก็แทบจะจำไม่ได้เลยด้วยซ้ำว่านางร้ายน่าตบคนนี้คือนางเอกสุดเซ็กซี่คนนั้น หรืออีกหลายต่อหลายเรื่องที่เธอคว้ารางวัลนักแสดงยอดเยี่ยมมาครอง
แต่นักแสดงในเรื่องนี้ไม่มีใครเด่นเกินใคร ทุกคนสามารถคอนโทรลบทบาทของตัวเองไปได้ตั้งแต่ต้นจนจบ โดยที่เหล่าตัวร้ายประคองสันดานยาวไป จนไม่มีซะหรอกที่เราจะเห็นคนเลวกลับใจแบบละครคุณธรรมในบ้านเรา เพราะบทได้ปูเอาไว้แล้วตั้งแต่ต้นว่า บรรดาคนเลวในเรื่องนี้ล้วนเป็นผลไม้พิษที่เกิดจากต้นไม้พิษ ที่ถูกฟูมฟักมาด้วยเงิน อำนาจ และความเห็นแก่ตัว ไม่เว้นแม้แต่นางเอกที่ถูกบ่มมาด้วยความเจ็บช้ำ จากความรักที่แห้งเหือดของแม่ผู้ให้กำเนิด
เหมือนกับจิตวิทยาปัจเจกชนของ ‘อัลเฟรด แอดเลอร์’ (Alfred Adler) ที่เชื่อว่ามนุษย์ถูกกำหนดโดยสังคม เราจะเป็นคนแบบไหนนั้นขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดู วัฒนธรรม ประเพณี ฯลฯ และพื้นฐานของมนุษย์ถูกจูงใจโดยปมด้อย ลึก ๆ แล้วเราอยากเหนือกว่า เราจึงได้เห็นการห้ำหั่นที่ไม่มีใครยอมใคร แก้คืนกันไปมาระหว่างฝั่งนางเอกและฝั่งนางร้าย นี่ถ้าฝั่งนางร้ายรู้ตัวว่าผู้เขียนบทเข้าข้างนางเอกอยู่ละก็ คงไม่ลุกขึ้นสู้ให้เสียเวลา เพราะฉะนั้นเราจะไม่เห็นฉากเชือดเฉือนของสองฝั่งจนเลือดซิบนักหรอกค่ะ
บทแก้แค้นที่ปูเสื่อไว้รอ ซีซัน 2 (รึเปล่านะ)
เราจะเห็นการแก้แค้นที่สำเร็จขึ้นเรื่อย ๆ ตามเป้าประสงค์ของคนเขียนบท ตัวร้ายได้รับกรรมตามคิวที่ล็อกเอาไว้อย่างสาสม เพราะนี่คือเกมกระดานที่หมากต่าง ๆ ถูกวางไว้หมดแล้ว และตัวร้ายเหล่านั้นมันก็แค่คนสันดานเลวธรรมดาที่ทำเรื่องร้าย ๆ ที่สุดได้แค่นี้ เพราะถ้าจะให้ร้ายไปกว่านี้อีกละก็ ซน-มยองโอ ก็ต้องตายทิพย์แบบ ‘The Penhouse’ ที่ตายแล้วฟื้นกันอยู่นั่นแหละค่ะ และเราก็ยังจะได้เห็นความสามัญที่เกิดขึ้นแน่ ๆ กับมนุษย์ใจช้ำ ๆ คนหนึ่ง ว่าแก้แค้นสำเร็จแล้วไงต่อ จบแล้วนี่เนอะชีวิตฉัน จนเกือบจะทำให้เรื่องนี้จบไม่สวยซะแล้วสิ
แต่ใด ๆ ก็ตาม เรื่องนี้จบสวยและถูกใจคนดูอย่างแน่นอน ใน Ep 16 จะเป็นเรื่องราวที่สรุปความสำเร็จของนางเอก และจะค่อย ๆ ปูบทที่เหลือไปที่การแก้แค้นของพระเอก โดยคราวนี้จะมีนางเอกเป็นเพชฌฆาตรำดาบให้ แต่เป็นการเข้าไปรำดาบกันในคุก ก็เรียกว่าเป็นการจบแบบปลายเปิดที่สามารถจบได้เลยแล้วให้คนดูไปจินตนาการต่อ หรืออาจจะเป็นการวางแผนไว้ต่อซีซัน 2 ก็เป็นได้ ซึ่ง เราอยากให้เป็นแบบนั้นนั่นแหละค่ะ เพราะถ้ามีการสร้าง ซีซัน 2 ขึ้นจริง ๆ ธีมของเรื่องคงสนุกสุดเหวี่ยงดีพิลึก
เพราะมากกว่า 50% ของเรื่อง เหตุการณ์ต่าง ๆ จะต้องเกิดขึ้นในคุก โดยมีตัวร้ายคือฆาตรกรโรคจิต และพระเอก-นางเอก ที่ตามเข้าไปแก้แค้น ก็เข้าข่ายผู้ป่วยโรคจิต ไม่แพ้กัน…บันเทิงแน่
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส