เขียนบท
จินโจว, พรดี สาตราวาหะ, สร้างสรรค์
กำกับ
ชุดาภา จันทเขตต์
วันเวลาออกอากาศ
จันทร์-อังคาร เวลา 20.30 น.
ช่องทางรับชม
ช่อง 3 กด 33 (รับชมย้อนหลังได้ที่ CH3 Plus และ NETFLIX)
Our score
7.9[รีวิว]หมอหลวง : รับประกันความฮา จากทีมงานท่าโฉลง
จุดเด่น
- เป็นการใช้ตัวซ้ำที่ไม่ทำให้เกิดรอยช้ำ ทั้งกับตัวละครและความรู้สึกคนดู บวกกับการผูกจักรวาลที่ปล่อยจุดเชื่อมโยงให้คนดูได้คิดและเดาแผนภูมิครอบครัวกันเองเอง ก็สร้างความตื่นเต้นได้อีกแบบ
- ให้คะแนน 3 ตอนเท่านี้ก่อน และแน่นอนว่าเราจะพบกับเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของละครเรื่องนี้และเรตติ้งที่เพิ่มขึ้นแหง ๆ ถ้าเนื้อหาถัดจาก 3 ตอนนี้เป็นอะไรที่ร้องว้าวสมกับชื่อหมอหลวง
จุดสังเกต
- ยังมีบางบท บางคาแร็กเตอร์ของตัวแสดงบางตัว ที่ขัดความรู้สึก และมีอินเนอร์ที่ดูไม่เป็นธรรมชาติอยู่บ้าง แต่เชื่อว่าเมื่อชั่วโมงบินมากขึ้น การแสดงจะพัฒนามากกว่านี้แน่นอน เป็นกำลังใจให้ค่ะ
-
บท
8.0
-
โปรดักชัน
8.0
-
การแสดง
7.0
-
การดำเนินเรื่อง
8.3
-
ความสนุกตามแนวละคร
8.3
ย้อนกลับไปในปี 2562 บ้านเมืองของเราเคยมีพ่อทองเอก หมอยาพื้นบ้านตัวตึงแห่งท่าโฉลง ออกมาวาดลวดลายการเจียดยาเพื่อรักษาผู้ไข้จนเรียกเสียงฮาข้ามทิศข้ามแดนกันมาแล้ว กลับมารอบนี้ทีมงานเดิมก็มาเพิ่มเติมความฮากันอีกรอบ แบบยกระดับจากหมอพื้นบ้านเป็น ‘หมอหลวง’ ที่ความฮาไม่มีแผ่วแถมยังตึงกว่าเดิมด้วยสิเอ้า
เรื่องราวหนนี้เกิดขึ้นเมื่อ ‘บัว’ (คิมเบอร์ลี่ แอน โวลเทมัส) นักศึกษาแพทย์ปี 4 กำลังโซแซดเพราะถูกอาจารย์หมอและเพื่อนนักศึกษาด้วยกันตำหนิว่าเธอไม่เอาไหน ขณะที่ปล่อยน้ำตาหลายไหไปกับความเศร้าจัด พายุดีเปรสชันที่โหมกำลังแรงก็ส่งสายฟ้าฟาดมาฉกเธอให้หายแว้บข้ามมิติแห่งเวลามาอยู่ในสมัยรัชกาลที่ 3 เฉยเลย แถมยังมาโผล่กลางป่าและได้พบกลุ่มครูหาญ ซึ่งมี ‘ผาด’ (แพท ณ ปภา) ที่หน้าตาก็ดันไปเหมือนกับแพทเพื่อนซี้ของเธอในโลกยุคปัจจุบันอยู่ด้วย ก็ทำให้เธองงงวยไปพักใหญ่
หนำซ้ำยังต้องพบเจอกับเหตุการณ์ระทึกขวัญเมื่อกลุ่มโจรตั้วเหี่ย* บุกเข้ามาทำร้ายกลุ่มครูหาญ จนได้รับบาดเจ็บไปตาม ๆ กัน ไม้เว้นแม้แต่บัวที่ถูกฟันเข้ากลางหลัง แต่เดชะบุญที่ ‘หลวงชำนาญเวช หรือ หมอทองคำ’ (ชาย ชาตโยดม) ‘ทองแท้’ (มาสุ จรรยางค์ดีกุล) และ ‘ทองอ้น’ (มาริโอ้ เมาเร่อ) 3 พ่อลูกหมอตระกูลทอง ตระกูลหมอฝีมือเยี่ยมสืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยกรุงเก่า ได้ออกมาหาสมุนไพรเพื่อไปรักษาพระอาการประชวรของ ‘พระองค์เจ้าพันพิชากร’ (ปีเตอร์แพน ทัศน์พล) จนได้มาพบเจอเข้าพอดี ทั้งทองคำและทองแท้ก็ได้ให้ความช่วยเหลือกลุ่มครูหาญ
ส่วนทองอ้นที่เดินแยกจากพ่อและพี่ชาย ก็ได้ไปพบกับบัวที่นอนสลบเพราะบาดและได้ช่วยเหลือบัวเอาไว้ ด้วยวิชาหมอที่มีติดตัว แต่ก็อมพะนำทำเป็นคนไม่เอาถ่าน แกล้งทำตัวเกเรปิดบังความสามารถเอาไว้ด้วยเหตุผลส่วนตั๊วส่วนตัว จนทั้งหมดได้เข้าไปอาศัยพักฟื้นอยู่ในบ้านของหมอทองคำ พร้อม ๆ กับที่บัวต้องยอมรับความจริงว่าตัวเองได้ทะลุมิติมาอยู่ในอดีตเมื่อร้อยกว่าปีก่อนจริง ๆ ด้วยแฮะ และเมื่อสาวยุค 5G ต้องระเห็จมาอยู่ในยุคที่ไม่มีแม้แต่ G เดียวเข้าจนได้ สารพัดวิธีแปลกประหลาดเพื่อจะกลับสู่โลกของตัวเองให้จงได้จึงเกิดขึ้น จนทำให้บัวเป็นที่สนใจของทองอ้นและทองแท้ และคนอื่น ๆ ไปซะฉิบ
และในขณะนั้นก็ได้มีพระบรมราชโองการให้จัดตั้งโรงเรียนหมอหลวง เพื่อให้ความรู้กับประชาชนในวงกว้าง ด้วยการเปิดรับสมัครนักเรียนหมอหลวงจากผู้มีความรู้อ่านออกเขียนได้และมี ‘สันดานหมอ’ ทั่วประเทศ แน่นอนว่าทองอ้นก็ได้เป็นหนึ่งในนั้น แถมยังมีนักเรียนคนอื่น ๆ มาสมทบเพิ่มความฮา เอ้ย…ความรู้กันอีกเพียบ ซึ่งกว่าจะได้เป็นหมอหลวงสมใจ ก็คงทำให้ชาวบ้านร้านตลาดแบบเรา ๆ ขำขันกันไม่มากก็น้อย แน่เลยจ้า
*ตั้วเหี่ย หรือ ตั่วเฮีย หมายถึง พี่ใหญ่ผู้เป็นหัวหน้ากงสีของสมาคมซันเหอกลายพันธุ์ (อั้งยี่) เป็นแก๊งผู้มีอิทธิพลนอกกฎหมาย ก่อความวุ่นวายให้กับสังคมในช่วงรัชสมัยรัชกาลที่ 3 จนถึงรัชกาลที่ 5
รวมตัวตึงแห่งกรุงรัตนโกสินทร์
อากาศร้อน ๆ แบบนี้ เหมาะเจาะนักแลที่จะเคี้ยวขนมกรุบกรอบ แล้วเปิดแอร์ฉ่ำ ๆ นั่งหน้าจอรอหมอหลวงออกโรง เพราะการกลับมาของทีมงานท่าโฉลงในครั้งนี้ เขาไม่ลืมพกความฮาของเขามาด้วย แถมคาแรกเตอร์ของพ่อหมอทองอ้น ก็ทึ้งตึง ทั้งล้น อีกทั้งปากคอยังเราะรายกว่าทองเอกเป็นไหน ๆ ซึ่งการกลับมารวมตัวกันครั้งนี้ ความฮาของเขาก็ไม่มีแผ่วกันเลยแฮะ แถมยังลื่นไหลและฮาแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวกว่าทองเอกซะอีกด้วย
ด้วยคาแรกเตอร์ที่ให้ ทองอ้น พระเอกของเรื่องเป็นลูกของแม่พิกุล (มยุริญ ผ่องผุดพันธ์) เมียรองของหมอทองคำ ที่ปากคอจัดจ้านไม่เคยจะลงให้กับแม่เทียบ (จริยา แอนโฟเน) เมียเอกเลยสักครั้ง เพราะแม่เทียบชอบหาเรื่องใส่ร้ายป้ายสี ด้วยความอิจฉาแม่พิกุล เมียรองที่ทำอาหารก็เก่ง ฉลาดรอบคอบมีไหวพริบ ช่างสังเกต แม่ก็หาเรื่องป่วนเรือนและโอ้อวดว่าทองแท้ลูกตนว่าเหนือกว่าทองอ้นทุกทางอยู่ร่ำไป
แต่พ่อทองอ้นพระเอกของเรื่องก็ไม่ได้ยอมเลยจ้า คงใช้ความฉลาดที่ได้แม่มามากมาย สวนกลับทันควันแบบจัดจ้าน เรียกเสียงฮาให้คนดูได้แบบทันทีทันใด ซึ่งบทแบบนี้แหละที่มันฮาได้ง่ายดาย โดยไม่ต้องพยายามให้เหนื่อยแรง บวกกับการแสดงของมาริโอ้ ที่ถนัดนักละกับบทตลกหน้าตาย ก็ทำให้คนดูขำเพลินไปกับเสียงเพราะ ๆ และใบหน้าที่หล่อมากของมาริโอ้ได้ง่าย ๆ และเมื่อตัวตึงฝั่งพระเอกมาเจอกับตัวตึงฝั่งนางเอก ที่ตะลุยทุกบทโดยไม่ห่วงสวยแบบคิมเบอร์ลี่ งานนี้ก็ฮาเพลินเพลินกันไปเลยสิจ๊ะ
เพราะแค่เพียงฉากแรกที่พระนางมาเจอกันก็ไม่ทำให้ผิดหวัง จังหวะจะโคน การส่งและรับมุกที่ไม่มีพลาดให้เราเห็น ก็ทำให้วันจันทร์-อังคารมีละครสนุก ๆ ให้รอคอยเข้าจนได้ และยังเสริมทัพความฮาด้วย แพท ณ ปภา กับ ‘ฟรอยด์ ณัฏฐพงษ์ ชาติพงศ์’ ในบท ‘เจิด’ ก็จะไปเหลือเหรอจ๊ะงานนี้ ขนมนมเนย เตรียมให้พร้อมที่หน้าจอกันเลยจ้ะ วันพักผ่อนของพวกท่านมาถึงแล้ว แถมบทยังเขียนให้รอบนี้นางเอกมีการข้ามมิติมาในร้อยกว่าปีก่อน ซึ่งขึ้นชื่อว่าละครย้อนมิติ ก็มักจะมีอะไรสนุก ๆ ให้ดูกันอยู่แล้วและเป็นทางที่ขายได้ขายดีซะด้วยสิ
บอกเลยว่าพล็อตแบบนี้ บ้านเมืองเราสามารถเขียนได้อีกหลายเรื่องเลยนะคะ เป็นพล็อตที่ดูเหมือนง่ายแต่หากผู้เขียนบทไร้ฝีมือ พล็อตแบบนี้ก็สามารถที่จะเละเป็นโจ๊กได้ง่าย ๆ ซึ่งยังไม่เห็นโจ๊กถ้วยนั้นจากทีมงานของ ชุดาภา จันทเขตต์ และการย้อนมิติครั้งนี้ก็เป็นการย้อนไปยังเรือนชานของบรรพบุรุษพ่อทองเอกกันเลยจ้ะ ซึ่งพี่ชุ ชุดาภา จันทเขตต์ ผู้จัดและผู้กำกับของเรื่องเธอได้ออกมาใบ้เอาไว้โต้ง ๆ เลยค่ะว่า หมอหลวงคือภาคบรรพบุรุษของทองเอก หมอยาท่าโฉลง
โดยปู่ทองอิน ที่รับบทโดย พ่อรอง เค้ามูลคดี ในครั้งนั้น คือเจ้าหนูทองอิน ลูกบุญธรรมของทองแท้ในครั้งนี้นี่เองแหละ..อะพิโธ่เอ้ย ถือเป็นความฉลาดเฉลียวของผู้เขียนบทที่ใช้มุกนี้มาเรียกแฟน ๆ ให้มากระจุกอยู่หน้าจอได้ง่าย ๆ แถมยังไม่ทำให้เกิดรอยช้ำและกลิ่นน้ำเน่าในละครเลยสักนิด ปรบมือ
ฮาแบบมีสาระ ตามแบบฉบับละครการแพทย์ (แผนไทย)
ตั้งแต่ครั้งทองเอกมาแล้วที่นอกจากสร้างความฮาให้คนดูแล้วยังเสริมความรู้ให้คนดูอีกด้วย จนทำให้การแพทย์แผนไทยเป็นที่พูดถึงในวงกว้าง และครั้งนี้ก็ทำท่าว่าเส้นเรื่องจะเป็นการเปิดเผยให้เห็นการเรียนการสอนเกี่ยวกับการแพทย์แผนไทยเป็นแน่แท้ คาดหวังค่ะว่าบทจะเขียนให้เราได้เห็นอะไรไรแบบนั้น ซึ่งจาก 3 ตอนที่ผ่านมา เราก็ได้เห็นถึงการรักษาที่ละเอียดอ่อนแบบฉบับหมอหลวงกันมาแล้ว และด้วย คาแรกเตอร์ของตัวละครและเส้นเรื่องที่วางเอาไว้ว่า พระ-นาง ต่างก็เป็นนักเรียนหมอที่มีความมุ่งมั่นกันทั้งคู่ แต่มักจะถูกมองว่าเป็นแกะดำ และถึงจะเกิดกันในคนละยุคคนละสมัยแต่สันดานก็ยังเป็นหมออยู่วันยังค่ำ ก็ทำให้บทละครของเรื่องนี้มีสีสันขึ้นอีกเป็นกอง
เพราะเท่ากับเป็นการคอแลปส์กันของหมอสองยุคก็ว่าได้ บวกกับพล็อตเรื่องที่วางเอาไว้ว่า บัวเริ่มปรับตัวที่จะหายใจอยู่ในยุคอดีตได้ แถมยังใฝ่หาความรู้ สนใจในตำรายาและการรักษาโรคในยุคอดีตอีกด้วย สองคนกับทองอ้นจะพบเจอกับอุปสรรคที่ดาหน้าเข้ามาไม่หยุดหย่อน ทั้งความเป็นความตาย ทั้งสงครามโรคภัยที่เกิดขึ้นในสมัยนั้น พร้อมกับความรักข้ามภพที่ยังเดาไม่ได้ว่า พระนางจะลงเอยกันอีท่าไหน แต่เชื่อขนมกินได้เลยว่า ต้องเป็นการจบแบบสุขนิยมแน่นอน
เพราะแนวทางละครมันมาอย่างนั้นแล้วนี่จ๊ะ และถ้าพูดในเรื่องของการแสดงก็ไม่มีอะไรน่าห่วงกับทีมงานชุดนี้ ถึงแม้ว่าจะยังมีบางบทบาทที่การแสดงยังดูขัดหูขัดตาอยู่บ้าง ด้วยชั่วโมงบินที่อาจจะยังน้อยกว่าตัวตึงคนอื่น ๆ แต่ความเชี่ยวของพระนางและทีมงานท่าโฉลง ก็ไม่ได้ทำให้ส่วนนั้นมาดึงอรรถรสให้ลดน้อยลงไปเลย แถมยังสามารถทำให้เราเห็นอีกด้วยว่า ถึงแม้ทีมนักแสดงหลัก 4 คน จะเป็นนักแสดงชุดเดิมจากท่าโฉลง คือพระ-นาง และเพื่อนซื้ออย่างผาดและเจิด
แต่ก็ไม่ได้ทำให้ละครเกิดรอยช้ำ และไม่ได้ซ้ำความรู้สึกของคนดูแต่อยางใด จุดนี้ ถือเป็นการประสบความสำเร็จของทีมผู้จัดได้เลยค่ะ ที่ใช้มุกตัวซ้ำแต่ไม่มีช้ำมากวักมือเรียกคนดู ฉลาดมาก ซึ่งตอนนี้ได้เสิร์ฟความฮามาแล้ว 3 ตอนด้วยกันค่ะ แฟน ๆ ละครหมอหลวง สามารถชมสดได้ทาง ช่อง 3 กด 33 ทุกวันจันทร์-อังคาร เวลา 20.30 น. หรือรับชมย้อนหลังได้ทาง NETFLIX คลิกที่ภาพแล้วไปยิ้มแก้มแตกกันได้เลย
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส