Release Date
20/04/2023
ความยาวหนัง
110 นาที
แนวหนัง
ตลก แอ็กชัน
ผู้กำกับ
พฤกษ์ เอมะรุจิ
นักแสดง
แอน ทองประสม กลัฟ คณาวุฒิ จ๊ะ นงผณี อาภาพร นครสวรรค์ ก็อตจิ เทยเที่ยวไทย
Our score
3.2[รีวิว] บัวผันฟันยับ – อยากเป็นเจ็ดประจันบาน แต่ดันติดมุกบูลลี่และผลิตซ้ำวัฒนธรรมฉุดปล้ำ
จุดเด่น
จุดสังเกต
-
นักแสดง
4.0
-
โปรดักชัน
3.0
-
บทภาพยนตร์
3.0
-
ความบันเทิง
3.0
-
ความคุ้มค่าในการรับชม
3.0
ปี 2565 นับเป็นปีที่ผลงานของ พฤกษ์ เอมะรุจิ ออกสู่สายตาคนไทยถึง 3 เรื่องไล่ตั้งแต่ ‘ใจฟูสตอรี’ ตอนเดือนสิงหาคม และได้เปิดตัวโปรเจกต์ ‘ทีไทย ทีมันส์’ กับ ‘ปฏิบัติการกู้หวย’ ในฐานะภาพยนตร์ไทยเรื่องแรกที่สร้างโดย Netflix และถัดมาในเดือนพฤศจิกายนกับ ‘บัวผันฟันยับ’ หนังจากการร่วมสร้างระหว่างรฤก ของ ยอร์ช ฤกษ์ชัย และช่อง 3 ภายใต้การจัดจำหน่ายของเอ็มพิคเจอร์ส ซี่งทำรายได้ไปกว่า 75.4 ล้านบาท แต่กระแสตอบกลับก็มีทั้งด้านบวกและด้านลบซึ่งในวันนี้หนังก็ได้มาลง Netflix ให้เรามีโอกาสพิสูจน์ข้อกล่าวหาถึงที่บ้านกันแล้ว
ตัวหนังจะเล่าถึงแก๊งเพื่อนซี้ 3 สาว ได้แก่ บัวผัน (รับบทโดย แอน ทองประสม) เต่านา (จ๊ะ นงผณี มหาดไทย) และจันอับ (ก๊อตจิ ทัชชกร บุญลัภยานันท์) พวกเธอหวังจะได้รับการยอมรับในฐานะกลุ่มพังพอนผงาดที่ร่วมกันปกป้องชุมชนของพวกเธอจากกลุ่มซากูระคลั่งกลุ่มทหารญี่ปุ่นแพ้สงครามที่ออกปล้นชาวบ้าน
โดยเฉพาะบัวผันที่ต้องการให้พ่อตาบอดของเธอภูมิใจ จนกระทั่งเธอได้พบกับ ขาม (กลัฟฟ์ คณาวุฒิ ไตรพิพัฒนพงษ์) หนุ่มหน้าหวานที่ขอฝากตัวเป็นศิษย์และด้วยความเมาก็ทำให้เธอกับขามมีอะไรกันจนกระทั่งขามถูกลอบทำร้ายและความจำเสื่อมและจำเรื่องคืนนั้นไม่ได้ จนบัวผันคิดจะเลิกเป็นนักดาบแต่แล้วกลุ่มซากูระคลั่งก็ออกอาละวาดอีกครั้งและเพื่อช่วยเหลือขาม เธอกับแก๊งพังพอนผงาดก็ได้ฤกษ์ออกโรงปกป้องบ้านเมืองและช่วยชีวิตขามให้ได้
จะว่าไปแล้วหากมองแค่สิ่งที่หนังเป็นก็เห็นได้เลยว่า พฤกษ์ เอมะรุจิ อยากจะทำหนังแอ็กชันคอมมีดี้ไทย ๆ สไตล์ ‘เจ็ดประจันบาน’ ที่คอหนังไทยหลายคนคิดถึง ซึ่งว่ากันตามตรงว่าหลายซีนของหนังก็ทำได้สนุกไม่เบาเลย ทั้งความเวอร์วังและความบ้าระห่ำของซีนแอ็กชันและสเปเชียลเอฟเฟกต์ที่ไม่รู้ว่าอยากเรโทรหรืออย่างไร แต่งานวิชวลเอฟเฟกต์ของหนังคือไปไม่ได้ไกลไปกว่าหนัง ‘เจ็ดประจันบาน’ ที่ฉายปี 2544 หรือ 21 ปีก่อนเลย
และสิ่งที่จะขาดไม่ได้คือมุกตลกที่ต้องยอมรับว่า พฤกษ์ เอมะรุจิ สามารถปั้นนักแสดงละครที่นึกภาพว่าเล่นตลกห่าม ๆ ไม่ออกเลยอย่าง แอน ทองประสม ให้กลายเป็นบัวผันที่มีเสน่ห์และแอบเซ็กซี่เบา ๆ และยังคงสไตล์มุกแบบการ์ตูน ๆ มาใส่ในคาแรกเตอร์ของสามสาวแก๊งพังพอนผงาดได้น่ารักดีไม่หยอก ส่วนนักแสดงสมทบทั้ง จ๊ะ นงผณี, ก็อตจิ พิธีกรเทยเที่ยวไทย หรือ พี่ฮาย อาภาพร นครสวรรค์ในบทแม่ของขามเองก็สร้างสีสันและความฮาให้หนังได้ดี
แต่สิ่งที่หนังดูจะทำพลาดไปอย่างไม่น่าให้อภัยก็มาจากมุกตลกนี่แหละ โดยเฉพาะมุกเมาแล้วฉวยโอกาสข่มขืนของขาม ที่หนังสื่อว่าการข่มขืนคือวิธีการหนึ่งที่ทำให้เกิดความรัก ผลิตซ้ำทัศนคติอำนาจทางเพศของเพศชายออกมา แถมยังเป็นมุกตลกที่สมการคือ การข่มขืนของผู้ชายที่เราชอบเท่ากับผู้ชายคนนั้นรักเราซึ่งเป็นทัศนคติที่อันตรายมาก ยังไม่นับมุกบูลลี่เหยียดรูปลักษณ์และความชราที่มีให้เห็นอยูเกลื่อนกลาดอีก แถมหลาย ๆ มุกเรายังไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าทำไมหนังต้องเล่นมุกในทางเสื่อม ๆ แบบนี้ทั้งเรื่องเพราะนอกจากความฝืดเฝือแล้วยังดึงให้เวลาของหนังถูกใช้ไปอย่างไม่คุ้มค่าอีกด้วย
จริงอยู่ว่าหนังสร้างชื่อให้ พฤกษ์ เอมะรุจิ คือหนังตลกอย่าง ‘ไบค์แมน ศักรินทร์ตูดหมึก’ ที่ก็มีปริมาณคำหยาบที่เยอะประมาณนึง แต่ด้วยคาแรกเตอร์ที่น่าเอาใจช่วยของศักรินทร์และการพูดถึงคุณค่าอาชีพของมอเตอร์ไซค์รับจ้างในสังคมเมืองก็ทำให้มันมีคุณค่าบางอย่างให้พูดถึงได้ แต่กับ ‘บัวผันฟันยับ’ เราแทบไม่ได้เห็นคุณค่าอะไรแบบนั้นสักเท่าไหร่
ส่วนคำคมตามสไตล์โปรดิวเซอร์อย่าง ยอร์ช-ฤกษ์ชัย พวงเพชร อย่าง ถึงเป็นคนห่วยแต่ถ้ายังมีใครอยู่ข้าง ๆ ยังดีกว่าเป็นคนเก่งแล้วไม่เหลือใครเลย ก็ต้องยอมรับว่ามันกลายเป็นหอกทิ่มแทงหนังอยู่เหมือนกัน แม้เราจะไม่ได้บอกว่า ‘บัวผันฟันยับ’ เป็นหนังไม่ดีหรือแย่ แต่ทัศนคติที่หนังทิ้งไว้ให้คนดูต่างหากที่คิดว่าต่อไปทางทีมงานคงต้องระมัดระวังมากกว่านี้
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส