Our score
8.0[รีวิว] King The Land : คอมเมดี้พล็อตซ้ำ แต่ไม่ช้ำแถมยังขำและฟินอีกด้วยแน่ะ
จุดเด่น
- สำหรับสองตอนแรกที่ไม่ขี้เหร่และเปิดเรื่องมาแบบตีหัวเข้าบ้านได้ ขอเทคะแนนที่เลข 8 ไว้ก่อนเลยค่ะ
- พล็อตสุดแมสที่สร้างมาเพื่อขายแฟนละครแนวนี้ที่มีเปอร์เซ็นต์ฟินสูงล้วน ๆ และที่สำคัญ พระ-นางเคมีดีเลิศ
- บทมีความจิกกัดการธุรกิจในกลุ่มแชโบลแบบเต็มข้อ แต่เป็นการจิกกัดเนียน ๆ ในรูปแบบอารมณ์ขัน
จุดสังเกต
- เป็นพล็อตซ้ำ ๆ ที่หากว่าบทไม่ฉีก หรือมุกที่ใส่มาในเนื้อเรื่องไม่แข็งพอก็อาจจะบ้งได้ง่าย ๆ
-
บท
8.0
-
การดำเนินเรื่อง
8.0
-
โปรดักชัน
8.0
-
การแสดง
8.0
-
ความสนุกตามแนวซีรีส์
8.0
ตีหัวเข้าบ้านได้อย่างจังกับซีรีส์เรื่องใหม่ที่ทางเกาหลีจัดมาเสิร์ฟแฟน ๆ ครั้งนี้ เชื่อว่าแฟนซีรีส์เกาหลีตัวยงจะต้องคุ้นกับพล็อตโดยรวมของเรื่องแน่ ๆ ที่พระเอกรวยเวอร์ผู้แสนเย็นชาและมีปม จะต้องมาตกหลุมรักกับนางเอกที่แสนสดใส เก่ง แสบ แต่ฐานะด้อยกว่า พล็อตแบบนี้ละค่ะ ขายง่ายขายดีเป็นเทน้ำเทท่ามานักต่อนักและ ‘King The Land’ ก็เดินอยู่ในพล็อตนี้แบบเฉิดฉายตั้งแต่สองตอนแรกซะด้วยสิ
King The Land : เล่าเรื่องราวของ กูวอน (อีจุนโฮ) ทายาทคนเล็กของคิงกรุ๊ป องค์กรที่ดำเนินธุรกิจอยู่ในกลุ่มแชโบล เขาต้องขึ้นสังเวียนกับพี่สาวต่างแม่เพื่อแย่งชิงมรดกของคิงกรุ๊ป ที่มีธุรกิจครอบคลุมตั้งแต่ โรงแรม ดิวตี้ฟรีและสายการบิน และบริษัทจัดจำหน่ายต่าง ๆ เรียกว่ารวยระดับนั่งเฮลิคอปเตอร์มาทำงานได้แบบไม่เขินนั่นแหละจ้ะ กูวอนเป็นหนุ่มหล่อมาดเท่ที่ได้รับฉายาว่า ‘เสือยิ้มยาก’ และเขามักจะไม่สบอารมณ์กับรอยยิ้มของคนอื่นเพราะเขาคิดว่ามันจอมปลอม (ซึ่งก็ปลอมจริง ๆ นั่นแหละ) เป็นลูกเศรษฐีมีปมที่แม่หายตัวไปอย่างลึกลับตั้งแต่เขายังเด็ก และเขาก็ต้องการจะสืบหาร่องรอยการหายไปของแม่ โดยเริ่มด้วยการเข้ามาบริหารงานที่ King Hotel
ที่นี่ทำให้เขาได้พบกับ ชอนซารัง (อิมยุนอา) หญิงสาวที่มีรอยยิ้มสดใสและมีความทรงจำที่เต็มไปด้วยความสุขในวัยเด็กกับแม่ของเธอที่โรงแรมแห่งนี้ ในขณะที่ชอนซารังเป็นพนักงานฝึกหัดที่โรงแรม การพบกันครั้งแรกของทั้งคู่ก็ไม่ได้สร้างความทรงจำที่ดีนัก จนเวลาผ่านไปหลายปี กูวอนกลับมาอีกครั้งหลังเรียนจบจากเมืองนอกในฐานะผู้อำนวยการโรงแรม ในขณะที่ชอนซารังก็เติบโตทางหน้าที่การงานจนได้เป็นพนักงานดีเด่น แต่การพบกันอีกครั้งก็ยังไม่สามารถสร้างความประทับใจได้อยู่ดี เพราะเป็นการพบกันที่โล่งโจ้ง แบบส่วนตั๊วส่วนตัว อย่างที่ไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากให้เกิดขึ้นแน่นอน
ไม่แปลกใหม่แต่ได้ใจไปเต็ม ๆ
เรื่องนี้เป็นซีรีส์แนวโรแมนติกคอมเมดี้ ที่สร้างมาจากเว็บตูนอีกแล้วค่ะ ด้วยการจับพล็อตซ้ำ ๆ ที่จะอยู่คู่วงการซีรีส์ของทุกเชื้อชาติอย่างไม่มีทางที่จะหายไปไหนแน่นอน หมายความว่าพล็อตแบบนี้มีในละครทุกประเทศ และเป็นพล็อตที่เป็นที่นิยมของบรรดาสาว ๆ โดยเฉพาะในละครไทยและซีรีส์เกาหลีแนวโรแมนติกคอมเมดี้ ที่บทมีการกำหนดให้พระเอกหล่อ รวยเวอร์ มีปมและติดจะหลงตัวเองอยู่พอสมควร คู่กับนางเอกสวยเก่ง แต่ฐานะด้อยกว่ามาก ๆ
เธอจะมาพร้อมรอยยิ้มสดใส มีความแปลกไม่เหมือนใคร มีความสามารถเป็นที่น่าประทับใจ มีความโก๊ะกังแต่น่ารักได้ใจพระเอก ถ้าแถมด้วยการเมินพระเอกตั้งแต่แรกก็ถือว่าเป็นสูตรสำเร็จที่ครบถ้วนเลยทีเดียว และความเป็นเธอก็จะทำให้เขาตกหลุมรักโดยไม่รู้ตัว และจะคลั่งรักเธอมาก ๆ ในที่สุด
เราสามารถเดาได้เลยว่ารอมคอมแนวนี้จะเดินเรื่องไปทางไหน เรียกว่าไม่ต้องจูงคนดูก็สามารถเดินตามไปได้แบบไม่หลงทิศ แถมเผลอ ๆ ยังอาจจะเดินนำตัวละครซะด้วยซ้ำ แต่ทุกคนก็พร้อมที่จะรอดูฉากนั้น ฉากโน้น ฉากนี้ที่คิดว่าจะมี ที่คิดว่าจะเกิดขึ้นในเรื่องอย่างเต็มใจ ซึ่งพล็อตแบบนี้เป็นพล็อตที่การันตีได้เลยว่า ถ้าบทดี ดำเนินเรื่องกระชับและได้พระนางที่เคมีเลิศ รับรองว่าแววปังดังไกลมาตั้งแต่ยังไม่เริ่มจุดพลุกันเลย การันตีได้จากรุ่นพี่ที่ดังเปรี้ยงมาแล้วอย่าง ‘Whats Wrong with Secretary Kim?’, ‘business proposal’ เป็นต้น
แต่จุดที่นับว่าแตกต่างไปจากเรื่องอื่น ๆ อยู่สักหน่อยก็ตรงที่การจับให้พระนางได้เจอกันแบบไม่ประทับใจเอาซะเลย ไม่ว่าจะเป็นการพบกันกี่ครั้งก็สร้างความอับอายให้ ทั้งการเข้าใจผิดในครั้งแรกและการให้นางเอกปวดท้องหนักจนต้องแวะถ่ายทุกข์ที่ห้องพระเอก แถมยังมัวแต่เล่นสนุกกับเทคโนโลยีห้องน้ำ ในขณะที่ตัวเองก็ยังนั่งอยู่บนโถส้วม จนสบตาเข้าอย่างจังกับพระเอกที่ยืนอึ้งกับภาพที่เห็น นี่มันคือการคิดพล็อต เขียนบท จากมันสมองของ ‘ชอนซองอิล’ ที่เขียน ‘All of Us Are Dead | มัธยมซอมบี้’ เหรอเนี่ย ฉีกมาก
โลกใบนี้หมุนรอบแชโบล
ซีรีส์เรื่องนี้ถือว่าเป็นการประกาศศักดาของกลุ่มแชโบลด้วยก็ได้ ว่าโลกใบนี้หมุนรอบแชโบล ซึ่งโลกที่ว่าก็หมายถึงปากท้องของชาวเกาหลีใต้ ในส่วนนี้ก็ตรงตามความเป็นจริงของเศรษฐกิจใจเกาหลีใต้ในเรื่องที่ว่า เศรษฐกิจในเกาหลีใต้ล้วนถูกครอบคลุมไปด้วยกลุ่มที่มีอิทธิพลทางเศรษฐกิจและการลงทุนอย่างกลุ่มแชโบลนั่นเอง ในจุดนี้ผู้เขียนรู้สึกไปเองนะคะ ถึงแม้ว่าคนเขียนบทอาจจะไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนั้น แต่เราสามารถคิดตามได้ง่าย ๆ แล้วร้อง เออว่ะ แทบทุกชีวิตในเรื่องนี้ล้วนตกอยู่ในกงล้อของกลุ่มแชโบลทั้งสิ้น
เริ่มตั้งแต่พระเอกของเรื่องที่เป็นทายาทคนเล็กของธุรกิจในกลุ่มแชโบล ตามมาด้วยนางเอกที่เข้ามาเป็นพนักงานใน King Hotel ทั้งคู่มีความทรงจำ ความรัก ความหลังกับโรงแรมแห่งนี้ และบทยังเขียนให้นางเอกมีเพื่อนซื้ออีกสองนางคือ โอพยองฮวา (โกวอนฮี) แอร์โฮสเตสสาวสวย ไหวพริบเลิศและทุ่มเทกับงานสุด ๆ ของสายการบิน King Air และ คังดาอึล (คิมกาอึน) พนักงานดีเด่นเก่งการขายประจำดิวตี้ฟรีในเครือ King Group
นอกจากนั้นโลกใบนี้ก็ยังหมุนอยู่รอบ ๆ แชโบลไม่เลิกไม่ราด้วยการให้พระเอกไม่ค่อยจะมีเพื่อน จนถึงขั้นอาจจะไม่มีเลยด้วยซ้ำ แต่มีเลขาคนสนิทเพียงคนเดียวคือ โนซังชิก (อันเซฮา) หรือเลขาโน เลขานุการที่ส้มหล่นทับเพราะตลับหมึกเพียงอันเดียวและอยู่เคียงข้างเขาไม่ห่างหายไปไหน ซึ่งบทก็เขียนให้แต่ละคนต่างมีเป้าหมายในตัวเอง และแน่นอนว่าเป้าหมายนั้นมักจะมีแต่เรื่องยุ่ง ๆ วุ่นวายน่าปวดหัวแต่ขบขัน และแฝงไปด้วยการจิกกัดธุรกิจนี้ ลามเลยไปถึงรอยยิ้มสุดเสแสร้งที่พระเอกเกลียดนักเกลียดหนา
เคมีพระนางดีงามแบบเอาใจคนดู
สำหรับแฟน ๆ ชาวเกาหลีใต้จะรู้สึกอย่างไรไม่ทราบได้ค่ะ แต่สำหรับแฟน ๆ ชาวไทยนั้น ฟินไม่ไหว ใจละลายและรู้สึกว่าคุ้มค่ามากที่ได้รับชม ช่วงเวลาอย่างนี้นะคะ การได้เสพละครหรือซีรีส์ที่ออกแนวฟิลกู๊ด มีมุกขำขัน มีความฟินจิ้นกับพระนางอย่าง ‘มาตาลดา’, ‘King The Land’ หรือแม้แต่ ‘see you in my 19th life’ ก็ถือได้ว่าเป็นการฮีลใจคนดูไปในตัว แล้วยิ่งครั้งนี้เป็นการร่วมงานกันครั้งแรกของ จุนโฮ 2PM และ ยุนอา SNSD บอยแบนด์และเกิร์ลกรุ๊ปชื่อดังของเกาหลี ก็เท่ากับว่าเป็นการเรียกแฟนคลับของสองฝั่งมาออกันอยู่ที่หน้าจอไปแล้วแปดเก้าส่วน
และการแสดงของสองคนที่ผ่านมาก็ไม่เคยน้อยหน้าใครซะด้วยสิ อย่างที่เราเห็นผลงานของยุนอามาแล้วหลายต่อหลายเรื่องโดยเฉพาะเรื่องล่าสุดคือ ‘Big Mouht’ ส่วนทางด้านจุนโฮก็แทบไม่ต้องสืบเลยจ้ะ เพราะการันตีจากผลงานมากมายและรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม คู่ขวัญในจอยอดเยี่ยม จากงาน 2021 MBC Drama Awards รวมถึงรางวัลซีรีส์แห่งปีมาครองจาก ‘The Red Sleeve’ ในบทองค์รัชทายาทอีซาน ซึ่งต่อมาก็ได้ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์จองโจ
และในสองตอนแรกที่ออกอากาศเคมีพระ-นางก็ลั่นเปรี้ยง คือน่าจะโคจรมาเจอกันตั้งนานแล้วจริง ๆ นะ แต่ก็ต้องรอดูไปอีกแหละค่ะว่าสองคนนี้จะประคองการแสดงให้คนดูได้ชื่นมื่นมากแค่ไหน และจะมีเสียงเรียกร้องให้ทั้งสองคนกลับมาร่วมงานกันอีกแบบที่เคยเกิดขึ้นกับ อีจุนโฮและอีเซยอง เหมือนเมื่อครั้งที่ ‘The Red Sleeve’ ดังมาก ๆ หรือเปล่า ส่วนตัวผู้เขียนนั้นคิดว่ามีลุ้น เพราะเคมีที่เห็นเข้ากันได้ เข้ากันดีไม่ค้านสายตาใด ๆ เลย และเนื้อเรื่องที่ทิ้งท้ายและเปิดเผยตัวอย่างในตอนต่อไปไว้นั้น ก็น่าติดตามและเป็นทางเลือกของซีรีส์ที่น่าดูในวันพักผ่อนเรื่องต่อไปซะด้วยสิ
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส