[รีวิวซีรีส์] Song of the Bandits ลำนำคนโฉด – ซีรีส์พีเรียดสุดเข้มข้น แอ็กชันดุไม่เกรงใจใคร
Our score
7.9

[รีวิวซีรีส์] Song of the Bandits ลำนำคนโฉด – ซีรีส์พีเรียดสุดเข้มข้น แอ็กชันดุไม่เกรงใจใคร

จุดเด่น

  1. โปรดักชันดีงาม จัดเต็มทั้งฉาก เสื้อผ้าหน้าผม ดูมีความใส่ใจในรายละเอียด
  2. การดำเนินเรื่องชวนลุ้น มีปมให้ติดตามทุกตอน
  3. แอ็กชันจริงจัง เดือดจริง ไม่ได้มาเล่น ๆ

จุดสังเกต

  1. การใช้เทคนิค CG บางฉากยังดูลอย ๆ ไม่เนียนตา
  2. เรื่องราวยังไม่จบ เลือกที่จะทิ้งปม (และคนดู) ให้ค้างเติ่ง!
  • บท

    7.5

  • โปรดักชัน

    8.0

  • การดำเนินเรื่อง

    7.5

  • ความสนุกตามแนวซีรีส์

    8.5

‘Song of the Bandits – ลำนำคนโฉด’ ซีรีส์แนวพีเรียดอิงประวัติศาสตร์เกาหลี ที่จะพาเราย้อนยุคไปสัมผัสวังวนของการเอาตัวรอด แก่งแย่งชิงดี และจุดเริ่มต้นของการกู้ชาติจากการถูกรุกราน เนื้อเรื่องเข้มข้น แอ็กชันมันส์ระห่ำ อีกหนึ่งซีรีส์สุดเข้มที่สายเกาหลีต้องไม่พลาด

เรื่องย่อ: เรื่องราวเล่าถึงประวัติศาสตร์เกาหลีช่วงปี 1905 ในปีนั้นจักรวรรดิเกาหลีจำยอมลงนามในสนธิสัญญาอึลซา (สนธิสัญญาญี่ปุ่น – เกาหลีฉบับที่สอง เนื้อหาว่าด้วยการที่เกาหลียินยอมอยู่ภายใต้การปกครองของญี่ปุ่นในฐานะรัฐในอารักขา ทำให้ญี่ปุ่นมีอำนาจเหนือนโยบายต่างประเทศของเกาหลีทั้งหมด ) เป็นชนวนเหตุให้ชาวเกาหลีโกรธแค้นและตั้งกองกำลังต่อต้านขึ้นมา แต่ถูกญี่ปุ่นกวาดล้างและขับไล่นักรบกู้ชาติไปสู่ดินแดนแมนจูเรียและยอนแฮจู

จากนั้นในปี 1920 คนโชซอนแตกแยกออกเป็นกลุ่มต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มกองโจร มือปืน ไปจนถึงชาวบ้านผู้อพยพ พวกเขาเดินทางมายังเมืองมย็องจองในกันโดด้วยเหตุผลของตัวเอง ณ ที่นั่น เหล่าคนโฉดรวมตัวกัน ก่อตั้งกองกำลังลุกขึ้นยืนหยัดสู้กับอำนาจของกองทหารญี่ปุ่น เพื่อปกป้องและปลดแอกประเทศบ้านเกิดของตนเองให้เป็นอิสระ

รีวิวซีรีส์ Song of the Bandits ลำนำคนโฉด

‘Song of the Bandits – ลำนำคนโฉด’ เป็นซีรีส์เกาหลีแนวย้อนยุค อิงประวัติศาสตร์ช่วงยุค 1905 – 1920 ซึ่งเกาหลีอยู่ใต้อำนาจและอิทธิพลของญี่ปุ่น ได้ผู้กำกับจากซีรีส์ ‘Black Dog’ อย่างฮวังจุนฮยอก (Hwang Joon Hyeok) นั่งแท่นกำกับ ส่วนมือเขียนบทคือ ฮันจองฮุน (Han Jung Hoon) ผู้เคยมีผลงานภาพยนตร์เรื่อง ‘The Bad Guys: Reign of Chaos’ มาก่อน

ทางด้านนักแสดงนำได้ คิมนัมกิล (Kim Nam Gil) รับบท อียุน ชายหนุ่มผู้มีปมอดีตอันโหดร้ายและยอมทำทุกอย่างเพื่อชดเชยความผิดบาปในอดีต ซอฮยอน (Seohyun) รับบท นัมฮีชิน เบื้องหน้าเธอคือข้าราชการสาวสวยแต่แท้จริงแล้วหญิงสาวคือหนึ่งในกองกำลังกู้ชาติที่เคลื่อนไหวอยู่อย่างลับ ๆ นอกจากนี้ยังได้ อีฮยอนอุค (Lee Hyun Wook) รับบท อีกวังอิล นายทหารจากกองกำลังญี่ปุ่นที่มีความแค้นกับอียุนและยังเคยเป็นเจ้านายของอียุนด้วย

รีวิวซีรีส์ Song of the Bandits ลำนำคนโฉด

ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนเลยว่าถึง ‘Song of the Bandits’ จะเป็นซีรีส์อิงประวัติศาสตร์ช่วงเวลาหนึ่งของเกาหลีที่เคยตกอยู่ใต้อิทธิพลของญี่ปุ่น แต่ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะเข้าใจยากหรือดูแล้วน่าเบื่อ เพราะการดำเนินเรื่องจะค่อย ๆ แสดงให้เราเห็นถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับจักรวรรดิเกาหลี ภาพของความโหดร้าย ยากจนข้นแค้น และต้องเอาตัวรอดในบ้านป่าเมืองเถื่อน จนคนบางกลุ่มทนไม่ไหว ต้องรวมตัวกันลุกขึ้นมาปกป้องตัวเองและคนอื่นจากการถูกกดขี่

ใช้เวลาไม่นานเราก็สามารถอินไปกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในซีรีส์เรื่องนี้ได้ไม่ยาก ที่สำคัญเมื่อเริ่มเข้าสู่ช่วงเวลาปัจจุบันตามท้องเรื่อง (ปี 1920) เนื้อเรื่องแต่ละตอนนั้นเรียกได้ว่าสนุก เข้มข้น ลุ้นระทึก มีแอ็กชันเดือด ๆ มาให้ดูกันแบบจุใจ ซึ่งฉากแอ็กชันค่อนข้างโหดจัดเต็ม เลือดเป็นเลือด จนทาง Netflix เคาะเรต 16+ ให้กับซีรีส์เรื่องนี้ นอกจากนี้บางช่วงยังมีกลิ่นอายซีรีส์จารกรรมและคาวบอยแบบตะวันตกอยู่ด้วย

รีวิวซีรีส์ Song of the Bandits ลำนำคนโฉด

ด้านตัวละครแต่ละตัวก็ตามสไตล์ของเรื่องราวการเอาตัวรอดในยุคที่ผู้คนถูกกดขี่ แต่ละคนต่างไม่ใช่คนดีเต็มร้อยแต่ก็ไม่ใช่คนชั่ว ทุกตัวละครดูมีเลือดเนื้อ จับต้องได้ มีความเป็นสีเทาที่มีเหตุผลของตัวเอง มีปูมหลังและที่มาที่ไปรวมถึงแรงผลักดันเป็นของตัวเอง ทำให้ตัวละครแต่ละตัวมีมิติที่น่าสนใจและชวนให้ติดตามไปจนจบ

นอกจากนี้ยังมีคาแรกเตอร์ที่โดดเด่นและน่าจับตามองอย่าง อีโฮจอง (Lee Ho Jung) ที่เราเพิ่งเห็นเธอจากซีรีส์ ‘Moving’ รับบท อนนยอนอี มือปืนสาวสุดแกร่งที่ไม่ว่าออกมาฉากไหนก็เท่และสะดุดตา รวมถึง ชาชองฮวา (Cha Chung Hwa) จอมแย่งซีนจาก ‘Mr.Queen’ และ ‘See You in My 19th Life’ ในเรื่องนี้เธอรับบทเป็น คิมซอนบก พี่สาวของอียุนผู้คอยสนับสนุนน้องชายอยู่เสมอ

รีวิวซีรีส์ Song of the Bandits ลำนำคนโฉด

งานภาพในเรื่องเน้นย้อมสีโทนเหลืองเพื่อแสดงให้เห็นบรรยากาศของความแร้นแค้น โปรดักชันสวยงามจัดเต็มทั้งฉากและคอสตูม เสื้อผ้าหน้าผมดูสมจริงไม่ว่าจะฉากเต้นรำสวยหรูหรือฉากบู๊ก็เป็นธรรมชาติ แต่ในส่วนของ CG อาจมีลอย ๆ อยู่บ้าง แม้จะไม่ได้ดูขัดตาจนทำให้เสียอารมณ์แต่ก็โดดออกมาจากฉากโดยรวมพอสมควร

สำหรับอีกเรื่องที่ต้องชื่นชมสำหรับ ‘Song of the Bandits’ ก็คือเพลงประกอบที่เข้ากับเรื่องราวและมีโทนดนตรีที่หนักแน่น ฟังติดหู ใครอยากตามไปกดเข้าเพลย์ลิสต์ ก็ตามไปฟังได้เลย ไม่ว่าจะเป็นเพลง “Bandit” (Taeil), “Hitman” (Seori), “Sad Hitman” (Seori), “Sad Waltz” (Karina) และ “I’m Leaving” (Jungheum Band)

สรุป

ซีรีส์ ‘Song of the Bandits – ลำนำคนโฉด’ นั้นมีความสนุกลงตัวในหลายแง่มุม ไม่ว่าจะเป็นด้านแอ็กชันที่ดุดัน จริงจัง ไม่ได้มาเล่น ๆ โหดถึงเลือดถึงเนื้อ หรือจะเป็นด้านความดราม่าของแต่ละตัวละคร คาแรกเตอร์แต่ละตัวมีด้านที่เทา ๆ มีการพัฒนาในด้านความคิดและจิตใจแตกต่างกันออกไปตามเส้นทางของตัวเอง ส่วนมุมความรักโรแมนติกก็เล่าได้ค่อนข้างละเมียดชวนให้รู้สึกหวานอมขมกลืนเข้ากับภาพรวมของเรื่องราว แต่ด้วยความที่เล่นใหญ่ จัดเต็มทุกด้าน ทำให้ความยาว 9 ตอนยังไม่เพียงพอสำหรับสรุปเรื่องราวทั้งหมด แต่เราจะได้รับชม ‘Song of the Bandits – ลำนำคนโฉด’ ซีซัน 2 หรือไม่ก็คงต้องลุ้นกันต่อไป

สามารถรับชม ‘Song of the Bandits – ลำนำคนโฉด’ ทั้ง 9 ตอนได้ทาง Netflix

ที่มา: wikipedia.org

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส