[รีวิว] Squid Game: The Challenge: เรียลลิตีโชว์โกโกวา ความสนุกอีกรสชาติที่ยังขาด ๆ เกิน ๆ
Our score
5.8

Release Date

22/11/2023

แนว

เรียลลิตีโชว์

ความยาว

10 ตอน

เรตผู้ชม

13+

SCORE

5.4/10

[รีวิว] Squid Game: The Challenge: เรียลลิตีโชว์โกโกวา ความสนุกอีกรสชาติที่ยังขาด ๆ เกิน ๆ
Our score
5.8

Squid Game: The Challenge | สควิดเกม เดอะ ชาเลนจ์

จุดเด่น

  1. โปรดักชัน งานสร้าง งานออกแบบฉากสมจริงใกล้เคียงซีรีส์ งานภาพสวย
  2. เกมต้นฉบับจากซีรีส์ยังทำออกมาได้สนุกน่าติดตามใกล้เคียงกับซีรีส์

จุดสังเกต

  1. เกมที่เพิ่มขึ้นใหม่สำหรับรายการกลับสนุกได้ไม่เท่า กติกาหลายข้อยืดเยื้อและนานจนเกินไป
  2. กติกาการคัดคนออกยังไม่ชวนให้รู้สึกตื่นเต้นหรือได้เปรียบเสียเปรียบ เหมือนแค่คัดคนออกเพราะเยอะเกินเฉย ๆ
  3. การตัดต่อ การดำเนินเกมบางจุดทำออกมาได้เนือยจนเหนื่อยลุ้น
  4. การปูคาแรกเตอร์ช่วงแรก ๆ ทำไว้แบบหลวม ๆ กว่าจะได้ลุ้นผู้เข้าแข่งขันก็ช่วงท้าย ๆ แล้ว
  • คุณภาพด้านการแสดง

    4.9

  • คุณภาพโปรดักชัน

    8.1

  • คุณภาพของบท

    4.6

  • ความบันเทิง

    4.8

  • ความคุ้มค่าเวลาในการรับชม

    6.8


แม้จะ 2 ปีมาแล้ว แต่เชื่อว่าหลายคนยังคงจำ ‘ปรากฏการณ์โกโกวา’ ของซีรีส์ระทึกขวัญ ดราม่าเอาตัวรอดสัญชาติเกาหลีใต้อย่าง ‘Squid Game’ (2021) (สควิดเกม เล่นลุ้นตาย) ที่ดังระบือลือลั่นไปทั่วโลกได้อย่างดีนะครับ เพราะเป็นซีรีส์ออริจินัลของ Netflix ที่มีผู้ชมมากเป็นประวัติการณ์ทั้งในเกาหลีใต้ สหรัฐอเมริกา และทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย

เอาแค่สถิติทุกวันนี้ (พฤศจิกายน 2023) ไม่น่าเชื่อว่า ซีรีส์เรื่องนี้ยังติดอันดับ 6 ยอดผู้ชมมากที่สุดในประเภทรายการทีวี (ที่ไม่ใช้ภาษาอังกฤษ) ในตาราง Global Top 10 อยู่เลย นอกจากนี้ ตัวซีรีส์และนักแสดงนำยังคว้ารางวัลระดับโลกมาแล้วมากมาย ทั้งรางวัลลูกโลกทองคำ, SAG Awards, Primetime Emmy Awards และอีกเป็นกระบุง

Squid Game The Challenge สควิดเกม เดอะ ชาเลนจ์ Courtesy of Netflix © 2023

และก่อนที่เราจะได้มีโอกาสชม ‘ซีรีส์’ ซีซัน 2 ที่คาดว่าน่าจะได้ชมกันภายในปีหน้าโน่น Netflix ก็สานต่อปรากฏการณ์ฮิต ด้วยการเนรมิตเกมการแข่งขันสุดโหดจากในซีรีส์ ออกมาเป็นเกมที่สามารถแข่งได้จริง ๆ (แต่ไม่ตายจริง) ใน ‘Squid Game: The Challenge’ ที่หยิบเอาเกมการแข่งขันสุดระทึกบีบหัวใจจากซีรีส์ ที่ดัดแปลงจากการละเล่นเด็กเกาหลี มาสู่รูปแบบของรายการเรียลลิตีเกมโชว์ที่ให้ผู้ชมทางบ้านมาร่วมแข่งขัน

ผู้แข่งขัน 456 คน หลากหลายวัย หลายเชื้อชาติจากทางบ้านทั่วโลก ที่ผ่านการออดิชันจากคลิปวิดีโอ จะได้เข้ามาร่วมเล่นในเกมสุดท้าทาย ที่เรียกได้ว่าถอดแบบจากซีรีส์แบบเกือบครบ ทั้งเกมโกโกวา เอ๊ย ไฟแดงไฟเขียว (Red Light, Green Light หรือ ‘เออีไอโอยูหยุด’), เกมแกะแผ่นน้ำตาลทัลโกนา (Dalgona), เกมลูกแก้ว, เกมข้ามสะพานกระจก และเกมใหม่ที่เพิ่มเข้ามา ซึ่งกติกาก็ยังคงเหมือนเดิมคือ ใครที่เล่นแพ้ ก็จะถูกกำจัดออกไป (แต่ไม่มีโป้งป้างนะ)

Squid Game The Challenge สควิดเกม เดอะ ชาเลนจ์ Courtesy of Netflix © 2023

และทุก ๆ คนที่ถูกกำจัด เงินรางวัลกองกลางก็จะเพิ่มขึ้นคนละ 10,000 เหรียญไปเรื่อย ๆ จนในท้ายที่สุด หลังแข่งเกมสุดท้าย ผู้เข้าแข่งขันเพียงคนเดียวที่ไม่แพ้ใครเลย ก็จะได้รับเงินรางวัลแจ็กพอตทั้งหมด 4.56 ล้านเหรียญ (ประมาณ 160 ล้านบาท) ไปครอง ซึ่งเงินรางวัลสูงขนาดนี้ ย่อมต้องเปลี่ยนชีวิตใครบางคนเหมือนกับพี่ซองกีฮุน (อีจองแจ – Lee Jung-jae) ผู้แข่งขันหมายเลข 456 (ผมสีแดงเถือก) อย่างแน่นอน

ในแง่ของโปรดักชัน ฉากถูกสร้างขึ้นมาใหม่ที่ สตูดิโอแลมเบิร์ต (Studio Lambert) ในอังกฤษ ซึ่งอันที่จริงก็ต้องชมแหละว่า มีการทุ่มทุนเพื่อเนรมิตฉากต่าง ๆ ที่เคยอยู่ในซีรีส์ออกมาสู่โลกแห่งเกมโชว์ได้ใกล้เคียงมาก คือดูไม่เป็นงานลอกเลียนแบบหรืองานเผาให้เสียชื่อ Netflix แน่นอน อีกจุดที่ต้องชมก็คือการออกแบบฉากส่วนใหม่ ๆ ที่มีเฉพาะในรายการ ซึ่งก็ต้องชมแหละว่า แม้ทีมโปรดักชันจะคนละเจ้า แต่การเอา Key Visual และธีมสีมาใช้ก็ยังทำได้ดีและไม่หลุดธีม ซึ่งมันก็จะส่งผลให้งานโปรดักชัน การถ่ายทำก็อยู่ในคุณภาพที่ดีมาก ๆ ไปด้วย

Squid Game The Challenge สควิดเกม เดอะ ชาเลนจ์ Courtesy of Netflix © 2023

แต่นั่นก็เป็นเปลือกนอกล่ะนะครับ เพราะความยากโหดหินของรายการนี้ก็คือการที่มันไม่ได้เป็นรายการออริจินัลที่มีกติกาเป็นของตัวเอง จะคิดจะเล่นยังไงก็ได้ แต่เป็นรายการที่แปลงมาจากซีรีส์แนวเกมเอาตัวรอดที่มีกติกาชัดเจน แถมเป็นซีรีส์ระดับโลกที่ผ่านสายตาหลายสิบล้านคู่มาแล้วนั่นเอง และความยากเหล่านั้นมันก็สะท้อนมาถึงจุดสังเกตต่าง ๆ ของรายการอย่างเห็นได้ชัด

ตั้งแต่การแข่งเกม ที่แม้ว่าหลาย ๆ เกมจะเคยเห็นในซีรีส์จนช้ำไปหมดแล้ว และการตัดต่อช่วงการแข่งเกมที่ยังไม่ไหลลื่น การสอดแทรกเสียง-ภาพสัมภาษณ์ Off-Scene ของผู้เข้าแข่งขันจนทำให้ดูเนือยหนีดไปบ้าง แต่โดยรวม ๆ แล้ว เกมออริจินัล (เออีไอโอยูหยุด,แกะแผ่นน้ำตาล,เกมลูกแก้ว,ข้ามสะพานกระจก) อาจจะไม่ได้ลุ้นระทึกหรือโหดจนมือหงิก แต่ก็ยังมีความดูสนุก ได้บรรยากาศใกล้เคียงกับซีรีส์

Squid Game The Challenge สควิดเกม เดอะ ชาเลนจ์ Courtesy of Netflix © 2023

ในขณะที่เกมใหม่ ๆ ทั้งเกมเรือรบยิงขีปนาวุธ (Warship) ที่มาแทนเกมชักเย่อ ที่แม้จะเป็นเกมวางแผนกลยุทธ์ที่น่าสนใจ แต่มันกลับดึงดูดให้น่าตื่นเต้นได้เพียงแค่การแข่งแมตช์แรก ๆ เท่านั้น รวมทั้งบรรดาการทดสอบเพื่อ ‘คัดคนออก’ ที่้แม้บางเกมจะดูมีกิมมิก เช่น การมีตัวช่วยพิเศษ รวมทั้งการเพิ่มกิมมิกบางอันที่น่าลุ้นใช้ได้เลย เช่น การใช้เล่ห์เหลี่ยมหลอกล่อเพื่อเอาตัวรอด หรือการจับกลุ่มผู้เข้าแข่งขัน หรือการคัดคนออกแบบเซอร์ไพรส์

แต่ด้วยการตัดต่อ และรูปแบบการนำเสนอที่ไม่ได้เร้าใจเท่าที่ควร ก็เลยทำให้การคัดออกไม่ได้เป็นไปเพื่อพลิกสถานการณ์ให้น่าสนใจ สร้างอุปสรรคและข้อได้เปรียบให้ผู้เข้าแข่งขันบางคน หรือขับเน้นอารมณ์ดราม่าความไว้วางใจ ไม่แม้แต่จะเป็นการคัดคนออกตามความสามารถ แต่เป็นเพียงการคัดให้คนน้อยลงจะได้จบไปเร็ว ๆ เท่านั้น

Squid Game The Challenge สควิดเกม เดอะ ชาเลนจ์ Courtesy of Netflix © 2023

อีกความยากก็คือ ต่อจะให้เรียกว่าเป็นรูปแบบเกมโชว์เรียลลิตี แต่ดูจากดาวอังคารก็ดูออกว่ามันเป็นรายการเรียลลิตีแบบมีสคริปต์ (Scripted Reality) คือมีการ ‘จัดวาง’ คาแรกเตอร์ของผู้เข้าแข่งขันไว้ประมาณหนึ่งนั่นแหละ ซึ่งความยากของรายการที่มีผู้เข้าแข่งขันยุ่บยั่บ โดยเฉพาะเกมเน้นพละกำลังในตอนแรก ๆ ของรายการก็คือ การมีผู้เข้าแข่งขันเยอะมากจนไม่รู้ว่าจะโฟกัสใครได้จริง ๆ แถมผู้เข้าแข่งขันบางคนก็เหมือนถูกจับวางให้มีคาแรกเตอร์แบบหลวม ๆ ยิ่งพอผู้เข้าแข่งขันคนไหนมีพฤติกรรมแรง ๆ น่าหมั่นไส้ หรือมีเสียงออฟซีนบรรยายชีวิตตัวเอง ก็ยิ่งเดาชะตากรรมของผู้เข้าแข่งขันคนนั้นได้ง่ายเข้าไปอีก

ในขณะที่รายการช่วงแรก ๆ กลับเน้นคาแรกเตอร์พื้น ๆ เช่น นักกีฬาจอมเบ่ง ผู้หญิงมั่น LGBT บุคลิกแรง ๆ คนเคร่งศาสนาที่อ่อนแอ ลุงใจดี แม่และลูกชายที่สมัครมาแข่งพร้อมกัน ที่อยากได้เงินไปทำอะไรบางอย่าง กว่าที่คาแรกเตอร์ ‘ตัวขาย’ ที่ซับซ้อนมีมิติ สะท้อนตัวตน สันดาน ความไว้วางใจ ความเป็นมนุษย์ การงัดด้านมืดของตัวเองออกมาเพื่อช่วงชิงความได้เปรียบในเกม ความมนุษย์ป้า ฯลฯ (ซึ่งเป็นธีมหลักของ ‘Squid Game’) ของผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนจะออกมาดึงดูดสายตา รู้สึกน่าเอาใจช่วย (และน่าหมั่นไส้) จริง ๆ ก็ต้องรอจนถึงเกมทดสอบความไว้ใจที่มีผู้เข้าแข่งขันจำนวนน้อย ๆ แล้ว ยิ่งพอคนดูไม่ได้เห็นภาพและรู้สึกถึงการถูกกำจัดจริง ๆ (เท่าในซีรีส์) ก็ยิ่งทำให้ขาดรสชาติความลุ้นระทึก สะเทือนใจไปมากโขทีเดียว

Squid Game The Challenge สควิดเกม เดอะ ชาเลนจ์ Courtesy of Netflix © 2023

แน่นอนว่าคงเปรียบเทียบกันตรง ๆ ไม่ได้ระหว่างซีรีส์ที่สนุกตื่นเต้นอยู่แล้ว กับเรียลลิตีโชว์ที่ต้องปรับเปลี่ยนบางอย่างเพื่อให้เหมาะสมกับการถ่ายทำ ความปลอดภัย แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีโปรดักชันที่ดี ความเคารพต้นฉบับ มีกิมมิกตอนท้าย ๆ ถ้าใครชอบซีรีส์ หรือชอบรายการแนวเรียลิตีโชว์ หรือคุ้นกับความเป็น Scripted Reality ที่มีดราม่าเจือปนอยู่เป็นทุนเดิม ก็น่าจะดูสนุกได้ไม่ยาก ถือว่ายังเป็นรายการที่มีความดูสนุก เพลิน ๆ ดูไปรีดผ้าไปได้อยู่นะ

แต่ถ้าไม่ถนัดเรียลลิตี ไม่อยากดูดราม่า ไม่อยากดูอะไรยืดย้วย ไม่สนปมจิตวิทยา ไม่สนใจใครใจซื่อใจคด อยากดูบันเทิงคนแข่งเกมเอาเงินอย่างเดียว คลิปแข่งสควิดเกมของนาย MrBeast ในยูทูบก็ยังน่าสนใจครับ


Squid Game The Challenge สควิดเกม เดอะ ชาเลนจ์ Courtesy of Netflix © 2023

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส