[รีวิว] Family Switch : หนังสลับร่างอีกแล้ว ไม่มีอะไรแปลกใหม่ พอได้บรรยากาศอบอุ่นสไตล์หนังครอบครัว
Our score
3.8

Release Date

30/11/2023

Rate

PG

Running Time

1h 46m

Genre

Comeday, Family

Director

McG

Writers

Victoria Strouse, Adam Sztykiel, Amy Krouse Rosenthal

Stars

Jennifer Garner, Ed Helms, Emma Myers

[รีวิว] Family Switch : หนังสลับร่างอีกแล้ว ไม่มีอะไรแปลกใหม่ พอได้บรรยากาศอบอุ่นสไตล์หนังครอบครัว
Our score
3.8

[รีวิว] Family Switch : หนังสลับร่างอีกแล้ว ไม่มีอะไรแปลกใหม่ พอได้บรรยากาศอบอุ่นสไตล์หนังครอบครัว

จุดเด่น

  1. คุมบรรยากาศคริสต์มาส และหนังครอบครัวได้ดี อบอุ่น ฟีลกู๊ด
  2. เจนนิเฟอร์ การ์เนอร์ ในวัย 50 ปี ดูแลตัวเองได้ดีมาก ยังสวยและหุ่นเป๊ะ
  3. น้องเอ็มมา มายเออส์ น่ารักสดใส เฉิดฉายได้เต็มที่แบบไม่มี เจนนา ออร์เทกา มาบดบัง

จุดสังเกต

  1. เป็นหนัง "สลับร่างต่างวัย" เรื่องที่ร้อยกว่า แต่กลับไม่สามารถสร้างจุดแตกต่างให้ตัวเองได้เลย และไม่สามารถใช้ประโยชน์จากหนังแนวนี้ได้อย่างที่ควร
  2. เป็นหนังคอมเมดี้ที่ไม่มุกเรียกเสียงหัวเราะได้แรง ได้อย่างมากก็แค่ยิ้ม ๆ
  3. นักแสดงไม่สามารถแสดงออกให้คนดูรู้สึกคล้อยตามได้ว่านี่คือเด็กในร่างผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ในร่างเด็ก
  • คุณภาพงานสร้าง

    5.0

  • บทภาพยนตร์

    2.0

  • คุณภาพนักแสดง

    3.0

  • ความบันเทิง

    5.0

  • คุ้มค่าเวลารับชม

    4.0

ทุกปลายปี ฮอลลีวูดจะปล่อยหนังที่เกี่ยวกับเทศกาลคริสต์มาสออกมา โดยเฉพาะในยุคที่แพลตฟอร์มสตรีมมิงแข่งขันกันหนักเช่นนี้ ผู้ให้บริการแต่ละเจ้าต่างก็ปล่อยหนังคริสต์มาสออกมากันหลายเรื่อง ทยอยมาตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกายนแล้ว แต่หนึ่งในหนังคริสต์มาสที่ดูโดดเด่นสำหรับปีนี้ก็เห็นจะเป็น ‘Family Switch’ ของ Netflix นี่แหละ ที่ขึ้นอันดับ 1 ในหลายประเทศทั่วโลกเลย เพราะด้วยองค์ประกอบหลาย ๆ อย่าง ทั้งการเป็นหนังบรรยากาศคริสต์มาสที่ชัดเจน มีนักแสดงขายชื่อหลายคนทั้ง เจนนิเฟอร์ การ์เนอร์ (Jennifer Garner) ตามมาด้วย เอ็ด เฮล์ม (Ed Helm) นักแสดงคอมเมดี้รุ่นใหญ่ ที่เป็นที่รู้จักจาก ‘Hangover’ ไตรภาค และทีวีซีรีส์ ‘The Office’ และสุดท้ายก็คือ เอ็มมา มายเออส์ (Emma Myers) สาวน้อยมาแรงจาก ‘Wednesday’

หนังเล่าเรื่องในสไตล์ครอบครัวชัดเจนมาก ด้วยการแนะนำให้เรารู้จักกับครอบครัววอล์กเกอร์ที่ประกอบไปด้วย บิล คุณพ่อที่เป็นครูโรงเรียนไฮสคูล, เจส คุณแม่ที่เป็นหัวหน้าทีมสถาปนิกที่มีแววรุ่ง, ซีซี สาวน้อยที่เป็นนักฟุตบอลฝีเท้าโดดเด่น และ สุดท้าย ไวแอตต์ หนุ่มน้อยที่ฝักใฝ่ในวิทยาศาสตร์ขั้นรุนแรงและมีแววได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยเยล หนังใช้เวลาช่วงต้นเรื่องให้ผู้ชมได้รับรู้ถึงปัญหาภายในครอบครัวว่า ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่กับลูก ๆ ทั้งคู่ไม่ค่อยดีนัก ทั้งซีซีและไวแอตต์ต่างมีความมั่นใจและภูมิใจในสิ่งที่ตนเองสนใจและถนัด แต่คิดว่าไม่ได้รับการสนับสนุนจากพ่อแม่ ก็เลยสร้างกำแพงขึ้นระหว่างตนเองกับพ่อแม่ แล้วจากนั้นหนังก็เดินหน้าเข้าหาสูตรสำเร็จของหนังแนว “สลับร่างต่างวัย”

ทั้งฮอลลีวูดและนานาประเทศต่างนิยมสร้างหนังแนว “สลับร่างต่างวัย” กันออกมาเยอะมาก แม้กระทั่งไทยเราเองก็มียังเคยมีออกมาหลายเรื่อง ซึ่งทุกเรื่องก็ล้วนอยู่ในกรอบของความเป็นหนัง ‘ครอบครัว-คอมเมดี้’ แม้กระทั่ง เจนนิฟอร์ การ์เนอร์ เองก็เคยเล่นหนังสลับร่างต่างวัยมาแล้วใน ’13 Going on 30′ เมื่อปี 2004 ในบทของสาว 13 ที่ตื่นขึ้นมาในวัย 30 ยังมีหนังแนวสลับร่างต่างวัยที่โดดเด่นอีกหลายเรื่องเช่น ‘Freaky Friday’ (2003), ‘Big’ (1988), ‘Jumanji’ (2017) (2019) และเรื่องล่าสุดที่ได้รับเสียงชื่นชมไปพอดูก็คือ ‘Freaky’ (2020)

ผู้กำกับ McG

‘Family Switch’ ตกอยู่ในความรับผิดชอบของ แม็กจี (McG) ผู้กำกับรุ่นเก๋าผู้คร่ำหวอดอยู่ในฮอลลีวูดมายาวนาน มีผลงานโดดเด่นก็คือ ‘Charlie’s Angel’ ทั้ง 2 ภาค แต่ผลงานกำกับโดยรวมก็ได้มะเขือเทศเน่าซะเกือบหมด แล้วแม็กจีก็ถนัดแนวแอ็กชันแต่ถูกจับมากำกับหนังคอมเมดี้ ก็เลยไม่ใช่แนวที่เข้ามือนัก มุกที่ใส่มาในหนังมันก็เลยเป็นมุกที่ดูยัดเยียด ส่วนใหญ่ก็มาในรูปแบบที่ให้ตัวละครต่าง ๆ แสดงท่าทางโอเวอร์แอ็กติ้งจนผิดธรรมชาติ ชวนน่ารำคาญมากกว่าชวนขำ เห็นได้ชัดกับบรรดาเพื่อน ๆ และลูกน้องของเจสที่ทำงาน ที่แต่ละคนก็พยายามจะสร้างซีนให้ตัวเองเป็นที่จดจำ จนกลายเป็นว่านี่เป็นบริษัทที่เต็มไปด้วยคนบุคลิกประหลาด

หนังคอมเมดี้ที่เรียกเสียงหาได้ผลดี คือหนังที่เขียนให้ตัวละครตกอยู่ในสถานการณ์อันน่ากระอักกระอ่วนทำให้คนดูเอาใจช่วยและชวนติดตามว่า ตัวละครจะหาทางออกด้วยวิธีการไหน ซึ่งมักจะลงเอยด้วยวิธีการประหลาดและเรียกเสียงฮาจากคนดูได้สำเร็จ

แต่ใน ‘Family Switch’ ที่มีตัวละครสลับร่างกันถึง 4 คน เมื่อพ่อกับลูกชายสลับร่างกัน แม่กับลูกสาวสลับร่างกัน แล้วดันต้องมาสลับร่างกันในวันที่ทั้งสี่ต่างก็มีภารกิจสำคัญต่อชีวิตและอาชีพการงาน คุณแม่เจสจะต้องพรีเซนต์งานกับลูกค้ารายใหญ่ ถ้าผ่านเจสจะได้เลื่อนตำแหน่ง, คุณพ่อบิลจะขึ้นเล่นดนตรีกับวงของเขาและเพื่อน ๆ ถ้าแสดงได้น่าประทับใจจะได้ไปเล่นบนเวทีใหญ่ ส่วนไวแอตต์จะต้องสอบสัมภาษณ์เข้าเยล ซีซีจะลงแข่งบอลในนัดที่แมวมองจากทีมชาติมาดู หนังปูทางมาแบบสูตรสำเร็จของหนัง “สลับร่างต่างวัย” เล้ย ซึ่งได้เปรียบกว่าด้วยตรงที่เราจะได้เห็นฉากที่นักแสดงต้องเอาตัวรอดถึง 4 ฉาก แต่แล้วก็……….เฮ้อ หนังไม่สามารถใช้ประโยชน์จากทั้ง 4 ฉากนี้ได้เลย เป็นการเขียนบทให้กับบทลงเอยของทั้งสี่สถานการณ์นี้แบบ ห๊ะ!! อีหยังวะ ผ่านไปง่าย ๆ แบบนี้เลยเหรอ ช่างไร้เหตุผลที่ควรคล้อยตามสิ้นดี คนเขียนบทคิดได้แค่นี้จริง ๆ เหรอ

ขอยกตัวอย่างง่าย ๆ มาเปรียบเทียบนะครับ ใน ‘Freaky Friday’ หนังเมื่อ 20 ปีที่แล้ว คุณแม่เทส (เจมี่ ลี เคอร์ติส – Jamie Lee Curtis) สลับร่างกับ แอนนา ลูกสาวของเธอ (ลินด์เซย์ โลฮาน – Linday Lohan) ฉากไคลแมกซ์ของเรื่องคือ แอนนาต้องเล่นกีตาร์กับวงของเธอในคอนเสิร์ตใหญ่ แต่เธอก็ขึ้นไปยืนเก้ ๆ กัง ๆ เพราะเล่นไม่เป็น สุดท้ายแอนนาตัวจริงในร่างคุณแม่เทสก็ต้องมาโซโลกีตาร์อยู่หลังฉาก โดยให้คุณแม่เทสในร่างแอนนาทำท่าทางเล่นปลอม ๆ ไปบนเวที เรียกเสียงเชียร์จากคนดูหน้าเวทีได้สำเร็จ ผ่านมา 20 ปีแล้ว ยังมีคนดูฉากนี้ซ้ำ ๆ แล้วกว่า 5 ล้านวิว แต่กับ ‘Family Switch’ ไม่มีแม้เพียงฉากเดียวที่ทำให้เราอยากดูซ้ำ 1 ชั่วโมง 46 นาที ก็มีเพียงมุกที่ทำให้ได้แค่ยิ้ม ๆ สมควรค่ากับคำว่า ‘หนังเบาสมอง’ นั่นล่ะครับ คือต้องปล่อยสมองเบา ๆ ไปเลยขณะรับชม

ในหนังแนว “สลับร่างต่างวัย” นั้น มีอีกช่องทางที่เรียกเสียงหัวเราะได้ชะงัดนัก ก็คือการที่ได้เห็น พ่อแม่ในร่างลูก ลูกในร่างพ่อแม่ ซ้ำยังเป็นการท้าทายความสามารถของนักแสดงอีกด้วย แต่ ‘Family Switch’ กลับไม่ได้เน้นหนักอะไรในจุดนี้ เหมือนปล่อยผ่าน ๆ ไป พูดได้ว่าไม่ได้มีการแสดงออกที่ชวนให้คล้อยตามให้รู้สึกได้ว่า ที่เห็นนี่คือพ่อแม่ที่อยู่ในร่างลูกวัยรุ่นแล้วนะ แล้วร่างพ่อกับแม่ที่เห็นอยู่นี่ข้างในคือเด็กวัยรุ่น

ด้านดี ๆ ของหนังก็เป็นการได้เห็น เจนนิเฟอร์ การ์เนอร์ ในวัย 50 ปี ที่ยังคงรักษาความสวยทั้งใบหน้ารูปร่างได้อย่างน่าชื่นชม เอ็มมา มายเออส์ ที่รอบนี้ได้เฉิดฉายแบบเต็มตัวโดยไม่ต้องโดน เจนนา ออร์เทกา มาบดบัง มี แมทเธียส ชเวกโฮเฟอร์ (Matthias Schweighofer) จาก ‘Army of the Thieves’ มารับบทเพื่อนบ้านผู้เชี่ยวชาญเรื่องหมา หนังสามารถคุมบรรยากาศคริสต์มาสไว้ได้ตลอดทั้งเรื่อง ทั้งเพลงประกอบ แสงสีไฟประดับวิบวับ ได้เห็นครอบครัวผ่านวิกฤตการณ์มาด้วยกัน ทำให้เข้าใจกันมากขึ้น ลงเอยแบบแฮปปี้เอนดิ้ง กอดกันรักกัน ชวนให้ยิ้มตามไปได้ ดูจบแล้วก็ปิดเข้านอนมีความสุข แต่ก็จบไปแบบไม่มีอะไรให้จดจำ ยกให้เป็นหนัง “สลับร่างต่างวัย” ที่แย่ที่สุดที่เคยดูมาแล้วครับ