เขียนบท
พิมพ์มาดา พัฒนอลงกรณ์, วรรณถวิล สุขน้อย และ พิมสิรินทร์ พงษ์วานิชสุข
กำกับ
สันต์ ศรีแก้วหล่อ
แนวละคร
ดราม่า, ครอบครัว
วันเวลาออกอากาศ
ทุกวันจันทร์-อังคาร เวลา 20.30 น. ทาง ช่องวัน31
Our score
7.8สงครามสมรส
จุดเด่น
- บทกระชับ เนื้อหามีความสมจริงไม่ล้าสมัย น่าติดตาม
- เป็นละครครอบครัวที่ให้ข้อคิดและยังคงความแซ่บแบบละครไทย
- การแสดงของนักแสดงหลายคน พัฒนาและสมบทบาท
จุดสังเกต
- ไม่มีการตบตีเพื่อแย่งผู้ชายแบบไร้เหตุผลเหมือนละครผัวเมียทั่วไป
- ในบางมุม บางซีนของคู่พระ-นาง อาจมีความเอ๊ะอ๊ะไปบ้าง แต่ก็ถือว่าเป็นเซอร์วิสแฟนละคร เข้าใจได้
-
บทโทรทัศน์
8.0
-
โปรดักชัน
7.0
-
การแสดง
8.0
-
การดำเนินเรื่อง
8.0
-
ความสนุกตามแนวละคร
8.0
หมดสมัยกันแล้วกับการตบตีแย่งผู้ เพราะยุคนี้สมัยนี้เขาต้องว่ากันด้วยกฎหมาย ในเมื่อชู้หน้าหวานและสามีตัวดีของเราแอบไปกินกันฉ่ำโดยไม่บอกกล่าว ก็ต้องฟาดกันด้วยกฎหมายให้รู้ดำรู้แดง ‘สงครามสมรส’ จึงเปิดฉากรับมง เพื่อเชิดชูศักดิ์ศรีเมียหลวงเอาใจแฟนละครสายแซ่บได้อย่างถึงอกถึงใจ ด้วยมาดเมียหลวงที่เป็นรองเมียน้อยแทบทุกประตูของ แอฟ ทักษอร แต่เธอก็สู้ไม่ถอยเพราะมีคุณทนายหนุ่มหล่อ ตรี ภรภัทร เป็นกองหนุนชั้นดี งานนี้สามีตัวดีอย่าง ชาคริต แย้มนาม จะเลวยันเงาหรือมีมุมน่าเห็นใจซ่อนอยู่ ต้องคอยติดตามไม่ให้คลาดสายตาจริง ๆ
ฟาดฉ่ำ ๆ ไปแล้วกับเรตติ้งออนไลน์ถึง 100 ล้านวิว เรียกว่าเป็นละครเบอร์ตองของช่องวันที่กำลังมาแรงอยู่ในขณะนี้ก็ว่าได้กับ ‘สงครามสมรส’ ละครที่สร้างจากนวนิยายสายรางวัล ‘คดีรักร้าง’ ผลงานจากปลายปากกาของ ‘เวฬุลี’ เจ้าของรางวัลนวนิยายดีเด่นกลุ่มครอบครัวจากโครงการ ‘ช่องวันอ่านเอา ครั้งที่ 2’ ว่าด้วยเรื่องราวของ ‘บัวบงกช’ (แอฟ ทักษอร) ภรรยาคนสวยที่ถูกสามีอย่าง ‘เมศ’ (ชาคริต แย้มนาม) นอกใจแบบสายฟ้าฟาด ทั้ง ๆ ที่แต่งงานอยู่กินกันมาถึง 15 ปี จนมี ‘ปณต’ (น้องเจ้าคุณ) เป็นลูกชาย 1 คน
แต่ด้วยความที่ปณตสุขภาพไม่แข็งแรง ทำให้บัวต้องลาออกจากงานมาเป็นแม่บ้านเต็มเวลา เพื่อทุ่มเทเวลาทั้งหมดในการดูแลปณต เรื่องการหาเลี้ยงครอบครัวจึงเป็นหน้าที่ของเมศที่ทำงานเป็นรองผู้ว่าราชการจังหวัดวสันต์บุรีแต่เพียงผู้เดียว ในทุก ๆ อาทิตย์เมศจะกลับมาบ้านเพื่ออยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา และวันจันทร์ถึงศุกร์เมศจะอยู่ที่วสันต์บุรี จังหวัดเล็ก ๆ ที่อยู่ไม่ไกลกรุงเทพฯ เขาเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดี และปณตก็รักพ่อของเขามาก มันจะมีอะไรที่สมบูรณ์ไปกว่านี้ไม่มีแล้ว แต่ในที่สุดความไม่สมบูรณ์ที่แอบซ่อนอยู่ก็เปิดเผยตัวตนออกมาจนได้เมื่อ ‘เดียร์’ (แอน-อลิชา) เพื่อนสนิทของบัวโทรมาบอกว่า สามีของเธอกำลังเข้าพิธีวิวาห์กับ ‘อรนลิน’ (มายด์ ลภัสลัล) ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของ ‘เจ้าสัวอัคระ’ (อธิวัฒน์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา) ผู้มีอิทธิพลของวสันต์บุรี
แล้วผู้หญิงตัวคนเดียวอย่างเธอ ที่ไร้ซึ่งอิทธิพลใด ๆ ไร้เงิน ไร้ที่พึ่งพิงจะทำอย่างไรได้ เมื่อผัวตัวดีแอบไปกินฉ่ำอย่างออกหน้าออกตา แถมยังมาขอหย่ากันหน้าตาเฉย เดือดร้อนถึงพรหมลิขิตที่ต้องขีดให้เธอมาพบกับ ‘ภาวินท์’ (ตรี-ภรภัทร) ทนายความลูกติด ที่เมื่อทราบเรื่องราวและเหตุจำเป็นของเธอทั้งหมดจึงแนะนำให้เธอ ฟ้องชู้ ซึ่งถือเป็นการฟาดฟันด่านแรกที่จะนำไปสู่การ ฟ้องหย่า การสืบพยาน หาหลักฐานและล้วงลึกไปถึงปมปัญหา ประเด็นเลิกร้างทั้งใหญ่และเล็กกระจิดริดที่ทำให้เกิดสงครามครั้งนี้ จนหลายคนอาจนึกไม่ถึง
บทเชือดเฉือน แฝงแง่คิดแบบน่าติดตาม
ผ่านมาแล้ว 4 ตอนแบบแซ่บ ๆ พริกยกสวนกับละครน้ำดีของช่องวันที่ต้องขอปรบมือให้ เพราะทั้งบทและการดำเนินเรื่องช่างน่าติดตาม จนสามารถเรียกละครเรื่องนี้ว่าเป็นละครครอบครัวได้เต็มปาก (สักที) ใครจะมาบอกว่าเป็นละครแย่งผู้แบบดาษ ๆ ทั่วไปไม่ได้นะจ๊ะ เดี๋ยวแม่ฟ้องให้สนั่นศาลนะเอาสิ เพราะละครเรื่องนี้เขาสู้กันด้วยไหวพริบ เชาว์ปัญญา เรียกว่าเป็นดราม่าห้องพิจารณาคดีก็ว่าได้ แถมบทซักค้านทั้งฝ่ายโจทย์ จำเลยและพยาน ก็ทำถึงทำดีจนต้องบอกว่า ได้มีละครที่เกี่ยวกับการขึ้นโรงขึ้นศาลที่สมจริงกับเขาสักทีนะเรา ถึงแม้ว่าจะเป็นคดีครอบครัวก็เถอะ เพราะเนื้อหาก็ล้วนเต็มไปด้วยประโยชน์ต่อผู้ชมทางบ้านซะด้วยสิ
เชื่อแน่ว่าหลายครอบครัว โดยเฉพาะผู้ที่ตกที่นั่งเมียหลวงอย่างไม่เต็มใจจะได้ประโยชน์จากละครเรื่องนี้ไปเต็ม ๆ เพราะนอกจากความแซ่บที่แน่นอนว่าต้องมีการปะทะคารมกันอย่างเชือดเฉือน จนเสาะหายางอายเท่าไหร่ก็ไม่เห็นจะเจอจากฝั่งเมียน้อย ที่คิดว่าตนเองเป็นโลกที่สดใสซะเหลือเกินของสามีชาวบ้าน บทนี้มายด์ ลภัสลัล สวมวิญญาณเมียน้อยได้น่าหยิกให้แก้มย้วยจริง ๆ ค่ะ โดยเฉพาะในยามที่เธอลอยหน้าลอยตาอย่างมั่นอกมั่นใจในความใจบุญของตนเอง ไม่รู้จะปรบมือให้ผู้กำกับหรือนักแสดงก่อนดี เพราะนี่ถือว่าเป็นเมียน้อยหน้าด้านเรื่องแรกเลยละมั้ง ที่ควบความน่าสงสารลงไปในนั้นได้อย่างกลมกลืน
เพราะงานนี้หากเราเหล่าผู้ชมไม่มองแต่ยอดภูเขาน้ำแข็ง เราจะเห็นปัญหามากมายซ่อนอยู่ในนั้นจนปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ที่ผัวเลวอยู่ในขณะนี้ ฝ่ายเมียก็มีส่วนผลักให้เขาทำเลวแบบมีข้ออ้างได้ง่าย ๆ จนความละอายไม่สามารถทำงานได้ทัน ทั้งเรื่องของความสัมพันธ์ฉันผัวเมียที่ทำให้ความเป็นสามีภรรยาจืดจางลงไป เพราะความสัมพันธ์ชนิดนี้เปรียบได้กับการยืนยันความรักรูปแบบหนึ่ง ที่ต่างฝ่ายต่างบอกกันว่า ‘ฉันยังต้องการเธออยู่’ ซึ่งหากความสัมพันธ์นี้บกพร่องไป คู่ไหนก็คู่นั้นต้องมีขาเตียงสั่นกันบ้างละ
แต่ละครก็แย้มให้เราเห็นแล้วนะคะว่า ที่บัวบกพร่องเรื่องบนเตียง เธอมีเหตุผลของเธอซึ่งในเหตุผลนั้นมีเขาเป็นต้นเหตุ และทำให้เราเห็นว่าสงครามครั้งนี้ มีเรื่องราวซับซ้อนซ่อนอยู่มากมาย ซึ่งจะเป็นคดีความที่งัดกันไปงัดกันมาให้อื้อฉาวกันแน่ ๆ จากตอนที่ 4 ที่ทิ้งท้ายเอาไว้ เพราะคราวนี้สามีตัวดีเล่นจะฟ้องหย่าเมียทั้ง ๆ ที่ตัวเองมีชู้ บทจะไปทางไหนอันนี้ก็ไม่ทราบ แต่ขอเดาเลยว่าฉาวแน่ ๆ จากกลิ่นคาวคลุ้ง ๆ ที่ลอยมาเบา ๆ ซึ่งเราจะได้เห็นคนเคยรักกันหวานชื่นสาวไส้ความสัมพันธ์ออกมาให้กากิน และยอมทำทุกวิถีทางเพื่อชัยชนะแม้อีกคนที่ตนเคยรักจะต้องเจ็บต้องอายสักแค่ไหนก็ตาม ซึ่งไม่ต่างอะไรจากชีวิตครอบครัวร้าง ๆ ของหลายต่อหลายคู่ที่มีให้เห็นอยู่ทุกวันนี้เลยละค่ะ
อีกจุดที่มองข้ามไปไม่ได้คือ บทได้เขียนให้บัวเป็นตัวแทนของผู้หญิงที่เสียสละเพื่อครอบครัว ซึ่งความเสียสละชนิดนี้มักถูกมองข้ามไปอย่างน่าเศร้า ทั้ง ๆ ที่เธอมีความสามารถจะเลี้ยงดูตัวเองได้โดยไม่ต้องง้อสามีเลยสักนิด แต่ต้องยอมลาออกจากงานเพื่อมาดูแลลูก ทำให้ห่างหายจากการทำงานมาเป็นสิบปี เธอลืมแม้กระทั่งตัวตนของตัวเอง ลืมจนกระทั่งเมื่อถึงวันหนึ่งที่ถูกสามีทอดทิ้ง เธอจึงกลายเป็นคนที่ไม่เหลืออะไรเลย และด้วยความที่เป็นละครดราม่าคาบัลลังก์ศาล
นั่นก็หมายความว่าละครเรื่องนี้จะมีการเล่าผ่านมุมมองของทั้งสองฝ่าย ซึ่งเราจะได้มุมของเมศ และอรนลิน ที่ทำไมเขาสองคนถึงกล้าที่จะกระทำเรื่องผิดศีลธรรมได้อย่างไม่สะทกสะท้าน อะไรทำให้อรนลินคิดว่าตนเองไม่ผิด อะไรทำให้เมศผิดคำสาบานในวันแต่งงาน ซึ่งน่าจะเป็นข้อคิดและเป็นเหตุผลที่ทำให้หลายคู่ ย้อนกลับมาสำรวจตัวเองได้ ไม่มากก็น้อย
การดำเนินเรื่องที่กระชับ สาแก่ใจ ไม่อึดอัด
เรามีละครที่เกี่ยวกับการขึ้นศาลมาหลายเรื่องแล้วนะคะ แต่ผู้เขียนให้คะแนนเรื่องนี้เป็นพิเศษเพราะการดำเนินเรื่องที่ไม่ทำให้เราต้องรอนาน เราไม่ต้องมาคอยลุ้นว่าฝ่ายเมียจะรู้ความจริงตอนไหน จะสู้คนกี่โมง เพราะเขาจัดให้เราเลยตั้งแต่ตอนแรกที่ออกอากาศ เป็นการประกาศศักดาว่าเรื่องนี้มาเพื่อสู้ และสู้กันแบบไม่มีพัก ชนะแล้วก็สู้อีก ล้มแล้วก็ลุกขึ้นมาฟาด ชนิดที่ฝากความแค้นไว้แป๊ปเดียวก็รีบมาเอาคืนกันให้อีกฝ่ายไม่ทันได้ตั้งตัวกันเลย เรียกว่าเป็นการเสิร์ฟอาหารรสแซ่บแบบต่อเนื่อง พักจิบน้ำเดี๋ยวเดียว อาหารจานใหม่ก็มาอีกแล้ว
ผสมปนเปไปกันการป้อน MVP จากตัวแสดงคนนั้น คนนี้ใส่คนดูแบบไม่ขาดสายโดยเฉพาะบทเพื่อนหญิงพลังหญิงที่สวมบทบาทโดย ‘เป้ย ปานวาด’ ในบทของ ‘ศลิษา’ เพื่อนรักเพื่อนแท้ที่มนุษย์ทุกคนควรมีไว้ข้างกายสักคนก็เพียงพอแล้ว ซึ่งบทนี้มงลงหัวเป้ยไปเต็ม ๆ เลยละค่ะ ส่วนการแสดงของนักแสดงท่านอื่นไม่ว่าจะเป็น แอฟ ทักษอร ที่เมื่อผ่านบท ‘ปรางทอง’ จากละคร ‘แค้น’ ทางช่อง 3 มาแล้ว แค่บัวบงกชที่ต้องลุกขึ้นสู้เพื่อครอบครัวของตัวเองแล้ว ถือว่าจิ๊บ ๆ สำหรับแอฟ ส่วนชาคริต ที่ปล่อยฝีมือมาแล้วในบท ‘ขุนช้าง’ จากเรื่อง ‘วันทอง’ ทางช่องวัน31 ก็ไม่ต้องห่วงเลยว่าบทผัวเลวแค่นี้ชาคริตจะเอาไม่อยู่
หรือแม้แต่ ตรี-ภรภัทร พระเอกของเรื่อง เมื่อมาสวมวิญญาณทนายลูกติด ก็ทำเอาสาวน้อยสาวใหญ่ ออกแรงเชียร์กันเต็มสูบ อยากมีคดีความขึ้นโรงขึ้นศาลกันเสียอย่างนั้น เรียกว่าเป็นความกระชุ่มกระชวยของเรื่องนี้ก็ว่าได้ ซึ่งเคมีก็ไปกันได้ดีกับแอฟซะด้วยสิ ก็ติดตามกันได้ยาว ๆ เลยนะคะ ใครยังไม่เริ่มก็แนะนำว่าเริ่มเลยไม่ผิดหวังแน่ ๆ แล้ววันจันทร์-อังคารของคุณ จะน่ารอคอยมากกว่าเดิม … ฟันธง