[รีวิว] The Fall Guy: หนังโหดฮามันสตันท์แมน โดยสตันท์แมน เพื่อสตันท์แมน (และเพื่อคนดู)
Our score
8.4

Release Date

25/04/2024

แนว

แอ็กชัน/ผจญภัย/ตลก

ความยาว

2.08 ช.ม. (128 นาที)

เรตผู้ชม

PG-13

ผู้กำกับ

เดวิด ลิตช์ (David Leitch)

[รีวิว] The Fall Guy: หนังโหดฮามันสตันท์แมน โดยสตันท์แมน เพื่อสตันท์แมน (และเพื่อคนดู)
Our score
8.4

The Fall Guy | สตันท์แมนคนจริง

จุดเด่น

  1. งานโปรดักชัน-งานสตันท์อลังการหายห่วง มีให้ดูแบบจุใจ
  2. มุกฮาลั่น ๆ เพียบ โดยเฉพาะ Easter Egg จิกกัดฮอลลีวูดที่เกรียนมาก
  3. กอสลิง-บลันต์ คือคู่ขวัญที่น่ารักมาก ๆ โรแมนติกได้โดยไม่ต้องทำอะไรมากมาย

จุดสังเกต

  1. ถ้าเป็นคนดูหนังหรือติดตามฮอลลีวูดมาในระดับหนึ่ง จะเข้าใจมุกฮอลลีวูดและดูสนุก ฮามุกเฉพาะทาง มุกจากหนังมากกว่าปกติ
  2. แอ็กชันและบทกลาง ๆ เรื่องแอบตกท้องช้างนิดหน่อย
  3. งาน CGI ยังไม่สมบูรณ์แบบนัก มีหลุด ๆ นิดหน่อย แต่ถือว่าไม่เลวร้าย
  • คุณภาพด้านการแสดง

    7.9

  • คุณภาพโปรดักชัน

    8.6

  • คุณภาพของบทภาพยนตร์

    7.8

  • ความบันเทิง

    9.0

  • ความคุ้มค่าเวลาในการรับชม

    8.9


Major Cineplex logo
สนับสนุนโดย Major Cineplex

เดวิด ลิตช์ (David Leitch) ชื่อนี้ไม่ใหม่ในวงการฮอลลีวูดเลยครับ เพราะนอกจากเราจะรู้จักเขาในฐานะของโปรดิวเซอร์แฟรนไชส์หนัแอ็กชันทริลเลอร์ของยุคนี้อย่าง ‘John Wick’ ทั้ง 4 ภาค และ ‘Nobody’ (2021) รวมทั้งการเป็นผู้กำกับสายแอ็กชันสีนีออนวิ้งวับที่มีผลงานระดับบล็อกบัสเตอร์มากมาย ตั้งแต่ ‘Atomic Blonde’ (2017), ‘Deadpool 2’ (2018), ‘Fast & Furious Presents: Hobbs & Shaw’ (2019), และรวมทั้ง ‘Bullet Train’ (2022) ภายใต้บริษัทโปรดักชัน 87North ที่เขาก่อตั้ง

แต่ถ้าย้อนกลับไปช่วงทศวรรษ 1990 ลิตช์อาจไม่คุ้นชื่อสำหรับคนดู แต่สำหรับคนเบื้องหลังฮอลลีวูด เขาคือสตันท์แมนคนจริงมืออาชีพที่ผ่านงานการเสี่ยงตายในหนังดังมากมายอาทิ ‘Fight Club’ (1999), ‘The Matrix Reloaded’ (2003), ‘The Matrix Revolutions’ (2003), ‘The Bourne Ultimatum’ (2007) ฯลฯ นอกจากนั้นเขายังทำหน้าที่เป็นสตันท์ตัวแทน หรือ Stunt Double ให้กับนักแสดงดัง ๆ มาแล้วหลายคน ที่บ่อยหน่อยก็อย่างเช่น แบรด พิตต์ (Brad Pitt), คีอานู รีฟส์ (Keanu Reeves), ฮิว แจ็กแมน (Hugh Jackman) และอีกนับไม่ถ้วน

The Fall Guy 2024 Universal Pictures. All Rights Reserved.

ปีนี้ ลิตช์เลยขอเอาประสบการณ์จากการเป็นสตันท์แมนมืออาชีพ มาถ่ายทอดเรื่องราวเป็นครั้งแรกใน ‘The Fall Guy’ หนังเปิดโปรแกรมซัมเมอร์ประจำปีนี้ ที่ไม่เชิงรีเมก แต่เป็นการหยิบแรงบันดาลใจมาจากทีวีซีรีส์ฮิตของช่อง ABC ที่ฉายในช่วงปี 1981 – 1986 จากผลงานของ เกลน เอ. ลาร์สัน (Glen A. Larson) ที่เล่าเรื่องของ โคลต์ ซีเวอร์ (Colt Seavers) สตันท์แมนฮอลลีวูดที่มีชีวิตอีกด้านด้วยการออกปราบปรามอาชญากรในยามวิกาล โดยได้ ดรูว์ เพียร์ซ (Drew Pearce) ผู้กำกับ ‘Hotel Artemis’ (2018) มือเขียนบท ‘Iron Man 3’ (2013) และ ‘Hobbs & Shaw’ มารับหน้าที่เขียนบท

‘The Fall Guy’ เล่าเรื่องของ โคลต์ ซีเวอร์ส (ไรอัน กอสลิง – Ryan Gosling) สตันท์แมนยอดฝีมือ ที่เกิดพลาดท่าในระหว่างแสดงจนทำให้เขาต้องวางมือ และพาให้ความสัมพันธ์ของเขากับ โจดี โมเรโน (เอมิลี บลันต์ – Emily Blunt) ตากล้องหญิงที่เคยคบหากับเขาจบไม่สวยไปด้วย จนวันหนึ่ง เขาถูกเรียกให้กลับมารับงานสตันท์ในกองถ่ายหนังฟอร์มยักษ์ ‘Metalstorm’ ที่โจดีเป็นผู้กำกับครั้งแรก แต่ไม่ใช่แค่นั้น ผู้อำนวยการสร้างบริหาร เกล เมเยอร์ (ฮันนาห์ แวดดิงแฮม – Hannah Waddingham) พบว่า ทอม ไรเดอร์ (แอรอน เทย์เลอร์-จอห์นสัน – Aaron Taylor-Johnson) นักแสดงชื่อดังผู้รับบทนำในหนังเรื่องนี้กลับหายตัวไปอย่างลึกลับ Stunt Double ขาประจำอย่างโคลต์ จึงต้องรับงานสตันท์สุดโหด พร้อมกับรับหน้าที่ค้นหาทอมเพื่อให้กลับมาแสดงหนังต่อ แถมยังต้องเคลียร์ปัญหาถ่านไฟเก่าสุดจะวุ่นวายไปพร้อมกัน

The Fall Guy 2024 Universal Pictures. All Rights Reserved.

แน่นอนว่าพอตัวหนังหยิบเอาอาชีพสตันท์แมนมาเล่า ตัวหนังก็เลยเล่าเรื่องของคนทำงานอาชีพสตันท์ออกมาให้ได้เห็นในช่วงองก์แรก ที่น่าสนใจก็คือ ตัวหนังไม่ได้แค่สะท้อนภาพของคนทำงานอาชีพสตันท์ ที่อุทิศทั้งร่างกายและจิตใจ แต่มักจะไม่ค่อยได้รับเครดิตแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย (คือถ้าไม่หาชื่อตัวจิ๋ว ๆ ในเครดิต ก็ต้องมีข่าวบาดเจ็บ-เสียชีวิตในกองถ่ายก่อนนั่นแหละถึงจะมีคนรู้จัก) หรือแค่สะทัอนภาพของชีวิตจริงสตันท์แมน ทั้งอาการบาดเจ็บของสตันท์ที่ทำให้อาชีพต้องยุติจนต้องหันไปทำอาชีพอื่น รวมทั้งสภาพจิตใจของคนสตันท์ที่ต้องอดทนสู้ แม้ข้างในจะเหน็ดหน่ายกับปัญหาหลายอย่าง (ที่เอาจริงก็หดหู่เกินจะฮาอยู่นะ)

ในขณะเดียวกัน ตัวหนังก็เล่าและจิกกัดเบื้องหลังการทำงานในกองถ่ายหนังไปด้วย ซึ่งการเลือกหนังไซไฟมหากาพย์อวกาศ ที่ปกติแล้วมีกระบวนการหน้ากองที่โคตรจะซับซ้อน ก็ถือเป็นตัวเลือกที่ดีในการถ่ายทอดความยุ่งยากวายป่วงในกองถ่ายได้ชัดเจนมาก เพราะสตันท์เองก็ต้องทำงานเคียงข้างไปกับฝ่ายอื่น ๆ ด้วย ตั้งแต่นักแสดงตัวหลัก หัวหน้าทีมสตันท์ แผนกที่เกี่ยวกับโปรดักชัน เอฟเฟกต์ คอสตูม พรอป อาวุธ ระเบิด สลิง ยานพาหนะ CGI การทำ Deepfake ฯลฯ เรื่อยไปจนถึงคนเขียนบท ผู้จัดการนักแสดง ผู้กำกับและโปรดิวเซอร์ แต่พอมันตั้งโจทย์เป็นหนังแอ็กชันคอมเมดี้ ตัวหนังมันก็จะมีความฮาแบบล้น ๆ สมจริงบ้างไม่สมจริงบ้าง แต่ก็ยังดีที่บทสมดุลทุกอย่างเอาไว้ได้อย่างพอดี มุกที่ล้นเลยไม่ล้นจนรก แต่ล้นแบบเปิ่น ๆ จนเรียกเสียงฮาได้ไม่น้อยเลย

The Fall Guy 2024 Universal Pictures. All Rights Reserved.

ไอเดียที่ฉลาดของลิตช์ในการเล่าหนังเรื่องนี้ได้น่าสนใจก็คือ การที่บทหนังพยายามจะแหย่ขาเข้ามาให้ใกล้กับความเป็นจริงอยู่ตลอดเวลา เพราะไม่ใช่แค่ล้อจริตของคนกองถ่าย หรือเบื้องหลังขำ ๆ ของคนทำหนังเฉย ๆ แต่ยังพาลไปล้อป๊อปคัลเจอร์ฮอลลีวูดที่หนังหยิบมาจิกกัดแหย่หยอกได้ร้ายกาจมาก ตั้งแต่ Quote จากหนัง เพลง ข่าวซุบซิบดาราฮอลลีวูดที่เกิดขึ้นจริง หรือแม้แต่มุกเนิร์ดจัด ๆ อย่างการหันมาล้ออาชีพสตันท์แมน หรือการล้อเล่นกับวิชวลและภาษาหนัง ซึ่งถ้าใครติดตามข่าวฮอลลีวูด เป็นนักดูหนัง หรือเข้าใจในศาสตร์ของหนังคร่าว ๆ ก็จะเข้าใจและระเบิดเสียงฮาไปกับบรรดา Easter Egg แสบ ๆ ในหนังได้สนุกขึ้นอีกนิด แต่โดยรวมทั่ว ๆ ไปก็ยังได้ฮาอยู่ ไม่ได้เนิร์ดจนเข้าใจยากอะไรขนาดนั้น

พอเข้ากลางเรื่อง ตัวหนังก็เริ่มเข้าสู่พาร์ตของความเป็นหนังทริลเลอร์ขำ ๆ ที่ก็ยังอยู่ในโทนตลกโปกฮาเช่นเคย ยังคงมีฉากแอ็กชันคอมเมดี้ล้น ๆ คละเคล้าด้วยเส้นเรื่องดราม่าโรแมนติกคอมเมดี้ที่ตีคู่กันได้ไงก็ไม่รู้ (อันนี้ชมนะครับ 55+) จริง ๆ จะว่าเป็นจุดสังเกตก็ได้แหละ เพราะตัวหนังช่วงกลางเรื่องค่อนข้างตกท้องช้างพอสมควร โดยเฉพาะพาร์ตอาชญากรรม และพาร์ตโรแมนติกของพระนางที่ยังเกิดอาการขาด ๆ เกิน ๆ ในการเล่าเรื่องจนเกิดอาการแอบหลุดไปจาก Conflict ที่หนังต้องการจะปูเรื่องไว้ไปบ้าง แต่ก็ยังชดเชยได้ด้วยฉากแอ็กชันคอมเมดี้ลีลาเวอร์วังแพรวพราว ที่แอบชวนให้คิดถึงหนังบู๊ของเฮียเฉินหลงแบบเบา ๆ

The Fall Guy 2024 Universal Pictures. All Rights Reserved.

และแน่นอนว่าพอพูดถึงสตันท์ งานแอ็กชัน และงานสตันท์แบบ Practical Stunts แบบเน้นการถ่ายทำจริงเหมือนหนังยุคเก่า ๆ ก็เรียกได้ว่าจัดเต็มหายห่วง ทั้งช็อตรถพลิกคว่ำ (Cannon Rolls) โดย โลแกน ฮอลลาเดย์ (Logan Holladay) สตันท์ผู้เชี่ยวชาญด้านขับรถที่ทำลายสถิติโลกด้วยจำนวน 8 รอบครึ่ง รวมทั้ง เบน เจนกินส์ (Ben Jenkin) Stunt Double ของกอสลิงที่เน้นฉากผาดโผนทั่ว ๆ ไป, จัสติน อีตัน (Justin Eaton) สตันท์ศิลปะป้องกันตัว และ ทรอย บราวน์ (Troy Brown) สตันท์แสดงฉากตกจากที่สูง จนถึงองก์สุดท้ายที่ประโคมฉากสตันท์มาให้แบบโคตรบันเทิง ที่ว่าใหญ่แล้วก็ยังใหญ่กว่านี้ ว้าวกว่านี้ แรงกว่านี้ได้อีก คือพูดได้เต็มปากว่าหนังเรื่องนี้คือ Show Reel งานสตันท์ชั้นยอดที่ทั้งตื่นตาตื่นใจ และโคตรมันตั้งแต่ฉากแรก จนถึงฉาก Mid-Credit สุดท้ายจริง ๆ

อีกจุดที่เกินคาดสำหรับผู้เขียนก็คือ แม้หนังเรื่องนี้จะเต็มไปด้วยสภาพแวดล้อมบู๊ ๆ แมน ๆ ระเบิดเขาเผากระท่อม แต่เคมีระหว่างกอสลิง (จาก ‘Barbie’) และบลันต์ (จาก ‘Oppenheimer’) ที่นอกจากจะถ่ายทอดความเป็นอดีตคู่รักง้องแง้งที่หาเรื่องหาทำใส่กันอย่างสนุกสนานบ้าบอคอแตกแล้ว เคมีของทั้งคู่ยังเป็นอะไรที่น่ารักน่าชัง หวานทะลุความเกรียนดุดันบ้าระห่ำของตัวหนังออกมาได้ไงก็ไม่รู้ และเคมีนี้แหละที่ทำให้เส้นเรื่องโรแมนติกคอมเมดี้ที่พูดถึงเรื่องการทุ่มสุดตัวเพื่อสานฝันให้กับคนที่ตัวเองรัก ก็นับว่าเป็นอะไรที่เสริมความน่ารัก และโรแมนติกเคล้าเสียงฮาแบบห่าม ๆ ได้แบบที่ไม่รู้สึกเลี่ยน รวมทั้งนักแสดงอีกหลายคนที่รับบทของตัวเองได้น่าประทับใจไม่แพ้กัน

The Fall Guy 2024 Universal Pictures. All Rights Reserved.

คือในแง่ของหนัง นี่คือหนังป๊อปคอร์นแห่งปีที่บันเทิงและมันสลัด ๆ เลยครับ มันบันเทิงแบบไม่รู้จะบรรยายหรือจำกัดความได้ยังไง มันเป็นทั้งหนังซ้อนหนังเกรียน ๆ ล้น ๆ หนังจิกกัดคนกองถ่ายและฮอลลีวูด ที่อาจชวนให้นึกถึง ‘Tropic Thunder’ (2008) แต่คลีนกว่า เป็นหนังแอ็กชันคอมเมดี้ลีลาแพรวพราว เป็นหนังรอมคอมที่มีทั้งความเรื้อนและน่ารักในเวลาเดียวกัน รวมทั้งงานโชว์ฉากสตันท์ที่อัดมาให้แบบจุใจไม่มีผิดหวัง พร้อมทั้งเซอร์ไพรส์ชวนกรี๊ดที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง และขอแนะนำว่า ฉากสตันท์อลังการระดับนี้ ควรดูในโรงกับจอใหญ่ครับ

ถ้าลิตช์ตั้งใจอยากให้หนังเรื่องนี้เป็นเหมือนกับจดหมายรักในอาชีพสตันท์ แต่สำหรับผู้เขียน มันคือหนังที่สตันท์เองก็อยากบอกรักทั้งฮอลลีวูดและคนดูแบบเนียน ๆ ด้วยต่างหาก เพราะนี่คือหนังที่ฉายให้เห็นถึงคุณูปการสำคัญของอาชีพสตันท์แมนที่มีต่อฮอลลีวูด เพราะพวกเขาคือบุคลากรที่อุทิศทั้งร่างกายและจิตใจ ทำงานทุกแบบที่เสี่ยงอันตรายและเสี่ยงสิ้นชื่อ เพื่อมอบความบันเทิงให้แก่ผู้ชมมาโดยตลอด และความรักเหล่านี้มันก็ถ่ายทอดออกมาผ่านศิลปะและการเล่าเรื่องที่เป็นมืออาชีพที่ปรากฏอยู่ในหนังเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี ซึ่งผู้เขียนเชื่อเลยว่า ใครที่ได้ดูก็คงรู้สึกรัก และรู้สึกถึงการมีอยู่ของสตันท์แมนในหนังหลากแนวที่จะดูเรื่องถัดไปอย่างแน่นอน และเวทีออสการ์ก็ควรจะมอบรางวัลให้กับบุคลากรด้านนี้บ้างเสียทีนะ


The Fall Guy 2024 Universal Pictures. All Rights Reserved.