Release Date
02/05/2024
แนว
โรแมนติก/ดราม่า
ความยาว
1.55 ช.ม. (115 นาที)
เรตผู้ชม
R
ผู้กำกับ
ไมเคิล โชวอลเตอร์ (Michael Showalter)
Our score
7.2The Idea of You | ภาพฝัน ฉันกับเธอ
จุดเด่น
- คู่เคมีพระนาง แอนน์ แฮทธาเวย์ - นิโคลัส กาลิตซีน เหมาะสม ดึงสายตาให้ดูได้ตั้งแต่ต้นจนจบ
- งานโปรดักชันดี ภาพสวย โดยเฉพาะฉากเทศกาลคอนเสิร์ตที่ทำได้สมจริง
จุดสังเกต
- เส้นเรื่องเดินเป็นเส้นตรงแบบรอมคอม ดูง่ายเดาง่าย ไม่มีจุดหักมุมหวือหวา
- ตัวหนังเพลย์เซฟกับการเล่าดราม่าไปหน่อย เลยเล่าทุกอย่างแบบไปเร็ว ๆ
-
คุณภาพด้านการแสดง
7.9
-
คุณภาพโปรดักชัน
7.1
-
คุณภาพของบทภาพยนตร์
6.9
-
ความบันเทิง
7.0
-
ความคุ้มค่าเวลาในการรับชม
7.3
พอทิศทางลมของหนังฮอลลีวูดเปลี่ยนไป ดูเหมือนตอนนี้กระแสหนังรอมคอมง่าย ๆ แบบที่เคยฮิตในอดีตก็พากันหวนกลับมาแบบคลื่นลูกเล็ก ๆ พร้อมกับการกลับมาของนักแสดงสาวตาสวยเจ้าของรางวัลออสการ์ แอนน์ แฮทธาเวย์ (Anne Hathaway) ที่แจ้งเกิดมาจากสายรอมคอม ตั้งแต่สมัย ‘The Princess Diaries’ (2001) ก็กลับมาด้วยเช่นกัน พร้อมกับผลงานรอมคอมเรื่องใหม่ ‘The Idea of You’
หนังเรื่องนี้เป็นการดัดแปลงจากหนังสือนวนิยายของโรบินน์ ลี (Robinne Lee) ที่ตีพิมพ์ในปี 2017 ที่เธอทั้งแสดงและรับหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์ โดยได้ไมเคิล โชวอลเตอร์ (Michael Showalter) ผู้กำกับมินิซีรีส์ ‘The Dropout’ (2022) และหนัง ‘The Big Sick’ (2017) มารับหน้าที่กำกับ และได้เจนนิเฟอร์ เวสต์เฟลด์ (Jennifer Westfeldt) นักแสดงที่ผันตัวไปทำงานเบื้องหลัง มาทำหน้าที่ดัดแปลงบทร่วมกับโชวอลเตอร์
‘The Idea of You’ เล่าเรื่องของโซเลน มาร์ชองด์ (แอนน์ แฮทธาเวย์ – Anne Hathaway) สาวสวยวัยใกล้ 40 ปี ทำงานเป็นผู้ดูแลแกลเลอรีศิลปะของศิลปินท้องถิ่นในย่านซิลเวอร์เลก ลอสแองเจลิส ในอีกด้าน เธอเป็นสาวโสดและเป็นซิงเกิลมัมของลูกสาววัยรุ่น อิซซี (เอลลา รูบิน – Ella Rubin) วัย 16 ปี โซเลนตั้งใจจะออกไปตั้งแคมป์ผจญภัยแบบตัวคนเดียวเพื่อฉลองวัยเลข 4
ในขณะที่อิซซีกับเพื่อน ๆ กำลังวางแผนเดินทางไปเทศกาลดนตรี Coachella กับแดเนียล (รีด สก็อตต์ – Reid Scott) พ่อของอิซซี และอดีตสามีของโซเลน แต่เหตุบางอย่าง ทำให้โซเลนต้องร่วมเดินทางไปด้วย โชคชะตาพาเธอไปพบกับเฮย์ส แคมป์เบลล์ (นิโคลัส กาลิตซีน – Nicholas Galitzine) หนุ่มวัย 24 ปี สมาชิกวงบอยแบนด์ชื่อดังแห่งยุค ออกัส มูน (August Moon) ผู้ที่พาให้ชีวิตของโซเลนได้พบกับความโรแมนติก และความวุ่นวายจากชื่อเสียงที่ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของทั้งคู่แบบหลีกเลี่ยงไม่ได้
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า พล็อตมันชวนให้คิดถึงหนังเรื่อง ‘Notting Hill’ (1999) แน่นอน เพราะมันเป็นรอมคอมที่ว่าด้วยเรื่องของรักต่างชนชั้น รักของซูเปอร์สตาร์กับคนธรรมดาติดดิน เพียงแค่สลับเพศกันเท่านั้นเอง ซึ่งมันก็หนีไม่พ้นรูปแบบพล็อตรอมคอมแนวรักต่างวัย ต่างสถานะ ที่เอากลิ่นอายของวัฒนธรรมแบบแฟนด้อม (Fandom) วัฒนธรรมบอยแบนด์ที่มีความเป็นไอดอล มีการเลือกตามเมน (Main/Bias) หรือเป็นแฟนคลับเฉพาะสมาชิกคนที่ชอบ วัฒนธรรมการ Meet & Greet กิมมิกการโชว์ของศิลปินบนเวที หรือการที่แฟนคลับเลิกตามวงและไปตามอย่างอื่นตามความสนใจของตัวเอง ซึ่งตัวหนังอาจจะไม่ได้ลงลึก แต่ก็ถือว่านำเสนอความเป็นแฟนด้อมได้ค่อนข้างรอบด้านและครบถ้วนกระบวนความ
รวมทั้งการเป็นรอมคอมสูตรสำเร็จที่ดูยังไงก็ฟิน ซึ่งคนที่ผ่านหนังแนวนี้อาจจะรู้สึกรำคาญใน 2 องก์แรกของหนังที่มันยังมีความฟุ้ง ๆ รอมคอม ๆ คั่นเวลาด้วยบรรยากาศอีโรติกเรต R ที่ไม่ได้ถึงขั้นโป๊ แค่ออกแนวเซ็กซี่เร้าร้อน จนแอบรู้สึกว่าเนื้อเรื่องไม่ค่อยจะเดิน แต่ก็น่าสนใจตรงที่ระหว่างทาง ‘The Idea of You’ ไม่ได้ให้ความสำคัญกับแค่การสร้าง Magic Moment หรือกิมมิกสไตล์รอมคอม (ที่ชวนอ้วกในยุคนี้) หรือการพยายามยัดเยียดขายความมหัศจรรย์แห่งความรักที่ทำให้คนจาก 2 โลกมาเจอและรักกันโดยบังเอิญ (เหมือนรอมคอมยุคเก่า) แต่เพียงอย่างเดียว
ตัวหนังน่าสนใจตรงที่พยายามจะใส่รายละเอียดต่าง ๆ ทั้งรายละเอียดแบ็กกราวนด์ของทั้ง 2 คน ที่ต่างก็มีที่มาที่ไปที่เชื่อมโยงกันในฐานะมนุษย์ด้วยกัน การสนทนา อารมณ์ขัน สถานการณ์ และจังหวะที่มีความเป็นธรรมชาติเข้ามา คือถ้าไม่นับเคมีของคู่พระนางที่ส่งเสริมกัน บทสนทนานี่แหละที่เหมือนเป็นเครื่องมือในการเชื่อมโยงให้คนจาก 2 โลกเข้ามาหากันได้ในที่สุด แม้ว่าตลอดทั้งเรื่องจะเต็มไปด้วยอุปสรรคและสถานการณ์ที่ใส่เอาไว้บาง ๆ ลงลึกประมาณหนึ่ง ไม่ได้ละเอียดซับซ้อนหรือลึกซึ้งปรัชญา ซึ่งมันก็ทำให้ตัวหนังยังมีความเป็นธรรมชาติน่าดูน่าชม น่าติดตามว่าเส้นทางความรักของทั้งคู่จะไปไหนต่อ มากกว่าจะเพ้อฝันแบบตีหัวเข้าบ้านแบบเลี่ยน ๆ
ถ้า ‘Notting Hill’ คือการพยายามอธิบายว่า ไม่ว่าจะเป็นชายหนุ่มร้านขายหนังสือ หรือซูเปอร์สตาร์ค่าตัวหลักสิบล้านเหรียญ ต่างก็มีความเป็นมนุษย์ มีความสุข ความทุกข์ รู้จักรัก และอยากถูกรักไม่แตกต่างกัน ซึ่งบทสนทนาและเหตุการณ์หลาย ๆ ซีนในหนังทำให้เราได้เห็นถึงความเปราะบาง ตั้งแต่ความเปราะบางในชีวิตของคน 2 คน เพราะคนหนึ่งก็เป็นหญิงวัย 40 ที่ชีวิตดีพรั่งพร้อม แต่ก็มีปัญหาด้านความไว้เนื้อเชื่อใจ ส่วนอีกคนก็เป็นซูเปอร์สตาร์หล่อ ๆ ที่ต้องรักษาชื่อเสียงเอาไว้จนถึงช่วงอับแสง รวมทั้งความเปราะบางในด้านความสัมพันธ์ที่ทั้งคู่ต่างก็เป็นมนุษย์ที่พยายามรักษาความสัมพันธ์นั้นเอาไว้ เพราะจริง ๆ แล้วความรักมันไม่ใช่แค่เรื่องของคน 2 คน
ตัวหนังแอบมีข้อสังเกตตรงที่ดูจะเพลย์เซฟกับการใส่ประเด็นดราม่า หรือประเด็นชวนเจ็บตับอยู่พอสมควร แต่ตัวหนังก็ยังใส่ Conflict เอาไว้ โดยเฉพาะประเด็นเกี่ยวกับอุปสรรคของความรักที่มาพร้อมกับความมีชื่อเสียง อุปสรรคของทั้งคู่จึงไม่ใช่แค่ว่าจะเข้ากันหรือรักกันแค่ไหน เพราะอุปสรรคที่ใหญ่กว่ามาก ๆ คือการตกเป็นเป้าสายตา ตกเป็นเหยื่อของความคิดเห็น และความเกลียดชังของคนรอบข้าง สังคม สื่อ และโซเชียลมีเดียที่ตัดสินและถ่มถุยได้ แม้จะไม่เคยรู้จักดีก็ตาม
แต่ที่เรียกว่ายากในยากยิ่งกว่าก็คือ การเป็นผู้หญิงวัย 40 ที่เป็นทั้งซิงเกิลมัมของลูกสาววัยรุ่น การเป็นผู้หญิงวัย 40 ที่สวยเก่งพรั่งพร้อม ที่ประสบความสำเร็จและมีความสุขนี่แหละ ที่พอกลายมาเป็นเป้าสายตาของสังคม ก็ดูเหมือนจะรอดคมหอกคมดาบแห่งการจับจ้อง ความอิจฉา เกลียดชัง จากการถูกตราหน้าว่าเป็น ‘ผู้หญิงกินเด็ก’ ได้ยากกว่ามาก หรือต่อให้ไม่กินเด็ก ก็พร้อมจะถูกหมั่นไส้และแอนตี้ได้อยู่เสมอ
สิ่งที่ช่วยชุบชูหนังให้น่าสนใจไปตลอดทั้งเรื่อง ก็คงหนีไม่พ้นคู่พระนางทั้งแฮทธาเวย์และกาลิตซีนนี่แหละ คือสำหรับแอนน์ แฮทธาเวย์ อันนี้ไม่ต้องพูดเยอะ ก็แอนน์ แฮทธาเวย์ เจ้าแม่รอมคอมยุค 2000s น่ะครับ เสน่ห์ ความสวย และฝีมือการแสดงของคุณเค้ายังคงเปล่งปลั่งและดึงดูดสายตาได้เสมอ ส่วนกาลิตซีนเองก็ไม่ใช่มือใหม่ของรอมคอม เพราะเขาเคยผ่านงานรอมคอมเควียร์อย่าง ‘Red, White & Royal Blue’ (2023) ของ Prime Video ที่ได้รับคำชื่นชม (และกำลังจะมีภาคต่อ) มาแล้ว ก็นับว่าเป็นอะไรที่ไม่น่าเชื่อว่าเคมีจะเข้ากันได้ ขนาดองก์แรกก็ยังไม่รู้สึก แต่พอดูไปเรื่อย ๆ เห็นคาแรกเตอร์ของทั้งคู่ที่มีความเข้ากัน ถึงเห็นและเชื่อว่าเคมีของทั้งคู่เข้ากันจริง ๆ
ถ้าพูดกันตรง ๆ แม้ว่าตัวพล็อตหนังทั้งเรื่องโดยรวมจะเป็นรอมคอมสูตรสำเร็จง่าย ๆ ชนิดเปิดดูหัวเรื่องก็รู้ตอนจบเลย แต่ ‘The Idea of You’ ก็ยังเป็นหนังรอมคอมที่มีความน่าสนใจ ทั้งในแง่ของประเด็นน้ำดีที่สอดแทรกเอาไว้บาง ๆ เกี่ยวกับชีวิต ความรัก การดำรงและรักษาไว้ซึ่งความสัมพันธ์ ความรักที่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับแค่คน 2 คน แต่ล้วนเต็มไปด้วยทั้งคนที่เกี่ยวข้อง (และไม่เกี่ยวข้อง) อีกมากมาย รวมทั้งความยากของการเป็นผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จและมีความสุขให้ได้คิดต่อแบบเพลินดีทีเดียว หรืออย่างน้อย ดูแค่เคมีพระนางก็ถือว่ายังได้ฟินแหละ