[รีวิวซีรีส์] Sweet Home ซีซัน 3: กลับเข้าฝั่ง จบมัน ๆ อย่างสวยงาม

Release Date

19/07/2024

ผลงานก่อนหน้าของผู้กำกับ Lee Eung-Bok

'Descendants of the Sun' (2016) และ 'Goblin' (2016-2017)

ความยาว

8 ตอน ตอนละประมาณ 50 นาที

Our score

7.0

Sweet Home ซีซัน 3

จุดเด่น

1. ดูสนุกกว่าซีซันก่อน สามารถบริหารเวลาและความสนุกในจำนวน 8 ตอนได้ดี ดูแล้วไม่ทรมาน
2. สเน่ห์ของตัวละครฝั่งชายดูดีขึ้นมาก โดยเฉพาะพระเอกอย่างซงคังเท่ขึ้น และน่าเอาใจช่วยขึ้นไม่เหลาะแหละโลเลมากแล้ว
3. เนื้อเรื่องมีจุดสนใจที่ชัดเจน ไม่กระจัดกระจายแล้ว น่าติดตามมากขึ้น

จุดสังเกต

1. ตัวละครฝั่งหญิงดูดรอปลงแทบทุกคน ไม่ค่อยมีที่โดดเด้งแล้ว
2. ซีจียังมีที่ดีและที่แย่ปนกัน แต่โดยรวมอยู่ในระดับพอถูไถไม่ขัดตา

• บท

  7.0

• โปรดักชัน

  6.5

• การแสดง

  7.0

• ความสนุกตามแนวหนัง

  7.0

• ความคุ้มค่าการรับชม

  7.0

เรื่องย่อ: ฮยอนซู ต้องเผชิญกับตัวตนด้านมืดที่พยายามยึดครองร่างของเขา อีกด้านเหล่าผู้รอดชีวิตจากอพาร์ตเมนต์กรีนโฮมก็ได้รับการช่วยชีวิตมาที่สนามกีฬาที่กองทัพกาดำที่เหลือรอดได้ใช้เป็นฐานรับผู้รอดชีวิต ทว่าตัวทดลองต้นแบบที่เป็นสิ่งมีชีวิตคล้ายเลือดได้เข้ายึดร่างของพยอนซังอุกและได้รวบรวมพรรคพวกที่เคยถูก ดร.อิม จับทรมานออกมาร่วมกันเพื่อเปลี่ยนโลกให้เป็นของสัตว์ประหลาด ซึ่งในอีกฝั่งอึนฮยอกที่ตายไปตั้งแต่ซีซันแรกก็กลับมาในรูปแบบมนุษย์พันธุ์อมตะแต่ไร้อารมณ์เพื่อมากำจัดพวกกลายร่างอย่างพยอนซังอุก และตัวแปรสำคัญในศึกนี้คือเด็กหญิงปริศนาลูกสาวของซออีคยองที่มีพลังในการเปลี่ยนคนธรรมดาให้กลายเป็นสัตว์ประหลาด เธอกำลังกลายเป็นจุดศูนย์กลางของความขัดแย้ง และภัยร้ายที่จะมาเยือนที่มั่นสุดท้ายของผู้รอดชีวิต

รีวิวซีซันแรก Sweet Home: สัตว์ประหลาดเกาหลีที่ ‘พังจังแก’

ผู้กำกับ อีอึงบก (Lee Eung-Bok) ที่มีผลงานฮิตติดคุ้นตาอย่าง ‘Descendants of the Sun’ (2016) และ ‘Goblin’ (2016-2017) กลับมาอีกครั้งในผลงานการดัดแปลงเว็บตูนชื่อเดียวกันในซีซันที่ 3 ซึ่งเป็นซีซันสุดท้ายด้วย ในซีซันแรกอีอึนบกได้สร้างงานธริลเลอร์ไซไฟด้วยจำนวนถึง 10 ตอนเพื่อเล่าถึงกลุ่มตัวละครจำนวนมากที่ติดอยู่ในสถานที่เดียวกัน แต่ด้วยข้อด้อยของการเล่าเรื่องที่มีประเด็นยิบย่อยมากเกินไป มีแนวที่อยากเป็นมากเกินไป และคุณภาพซีจีที่ยังกะพร่องกะแพร่ง จึงเป็นซีรีส์ที่ผิดความคาดหวังแต่ก็ยังพอดูได้ด้วยความแปลกและความสนุกในการหนีตายที่เป็นรสชาติชวนลุ้น

ทว่าในซีซันที่ 2 อีอึงบกได้ขยายขอบเขตการเล่าเรื่องออกไปไกลจากอพาร์ตเมนต์กรีนโฮม ได้เห็นการตอบโต้ของรัฐบาลและกองทัพ ได้เห็นโครงการวิจัยลับที่สร้างมิติน่าเห็นใจให้ฝั่งพวกตัวร้ายมากขึ้นจากสิ่งที่พวกเขาถูกกระทำ และยังได้เกริ่นถึงสิ่งมีชีวิตพันธุ์ใหม่ที่ยังไร้คำอธิบาย ตลอดจนปริศนาลูกสาว (คิมซีอา) ของซออีคยอง (อีซียัง) ที่ควบคุมพวกสัตว์ประหลาดแถมเปลี่ยนคนธรรมดาเป็นสัตว์ประหลาดได้อีก จนเธออาจกลายเป็นราชินีของโลกใหม่ได้เลย

ถ้าซีซันแรกสร้างให้ตัวละครรองดูเท่ดูเก่งกว่าพระเอกที่ยังไม่เป็นโล้เป็นพายไม่สามารถใช้พลังได้จนพระเอกอย่างชาฮยอนซู (ซงคัง) ดูน่าเบื่อ มาซีซันที่ 2 นี้ก็ยิ่งทำให้โฟกัสของเรื่องหลุดออกจากตัวเอกมากขึ้นไปอีกไกลขึ้นอีก ความสนในกระจายไปทั้งฝั่งทหารหน่วยกาดำของจ่าทัก สังคมของสนามกีฬาที่มั่นสุดท้ายของเมืองที่มีการปกครองของตนเองจนมีตัวละครใหม่โผล่มามากมาย แล้วยังมีเรื่องการทดลองผิดจรรยาบรรณของ ดร.อิม และปูมหลังของปีศาจเลือดที่เผยว่าเป็นอดีตคนรักของซออีคยองที่ชื่อ นัมซองวอน และน่าจะเป็นพ่อของเด็กหญิงปริศนา ยังไม่รวมการเกิดใหม่ของอึนฮยอก (อีดูฮยอน) พี่ชายของ อึนยู (โกมินซิ) ที่ชวนน่าสงสัยอีก

เส้นเรื่องสับสนสเกลเรื่องบานปลาย จนพระเอกที่บทเหมือนจะส่งให้ต้องต่อสู้กับจิตใจว่าตัวเองจะเป็นมนุษย์หรือเป็นสัตว์ประหลาดกลับยิ่งจมหายไปกับความวุ่นวายของเรื่องราว ถ้าเห็นว่าเว็บ BT ทำไมไม่มีรีวิวซีซัน 2 ของเรื่องนี้ก็ไม่ต้องแปลกใจครับ แม้ดูจบแต่ก็ทำใจเขียนถึงไม่ลง อยากจะลืม ๆ ข้าม ๆ ไปเลยมากกว่า

แต่การกลับมาของซีซัน 3 นี้ อาจพูดได้ว่าพยายามจับเรื่องราวให้มันมีจุดสนใจชัดเจนขึ้น ง่ายขึ้น หรือจะว่าเพราะซีซันที่แล้วมันปุอะไรใหม่ ๆ ไปเยอะมากจนขมวดจบมาที่จุดเดียวได้แล้วก็ตาม ก็ต้องบอกว่าเป็นการพาเรื่องที่หลุดลอยคอออกทะเลไปแล้วกลับคืนสู่ฝั่งได้สวยงามพอสมควร

เนื้อหาซีซันจบนี้ เราตามง่ายเพราะมีตัวเดินเรื่องหลักอย่างตัวร้าย คือนัมซองวอนในร่างของพยอนซังอุก (อีจินอุก) ที่ต้องการหาร่างที่ดีที่สุดในการสิงสู่ และได้พบว่าลูกสาวของตัวเองกับซออีคยองนั้นเป็นสัตว์ประหลาดที่มีพลังพิเศษที่ใกล้เคียงกับราชาที่สุด เขาจึงตั้งเป้าจะหลอกลูกสาวแล้วยึดร่างมาให้ได้ ขณะที่ชาฮยอนซูก็ได้พบพลังในการดึงสัตว์ประหลาดกลับมาเป็นมนุษย์หลังจากทำให้ซออีคยองกลับมาได้ แต่เขาก็เสียการควบคุมร่างให้กับด้านมืดไป

อึนยูต้องเดินทางร่วมกับชาฮยอนซูร่างมืด และผู้รอดชีวิตที่เหลือเพื่อพาซออีคยองกับลูกสาวกลับมา โดยระหว่างทางก็ได้พบกับอึนฮยอกที่เกิดใหม่กลายเป็นคนละคนมาร่วมเดินทาง ฝั่งตัวเอกต้องฝ่าอันตรายไปที่สนามกีฬาเพื่อหยุดยั้งนัมซองวอนที่จะฆ่าภรรยาและยึดร่างลูกสาวให้ทัน ขณะเดียวกันผู้รอดชีวิตในสนามกีฬาที่ตกอยู่ใต้การปกครองของนัมซองวอนและพวก ก็ได้รับการช่วยเหลือจากกองทัพกาดำในการพาหลบหนีโดยจ่าทักเองก็เริ่มแสดงอาการติดเชื้อหนักขึ้น

เราจะเห็นว่าเรื่องมันลีนมันมีเชปที่ดูง่ายขึ้นมาก แม้ตัวละครจะดูเยอะแต่ก็เริ่มเป็นกลุ่มเป็นก้อนให้ติดตามได้ง่าย พระเอกหลังจากถูกยึดร่างก็กลายเป็นแนวแบดบอยหล่อเท่ไปเลย ยิ่งทำให้ดูมีเสน่ห์ขึ้นอีก มันเลยทำให้ซีซันที่ 3 นี้เป็นอะไรที่ดูเพลินดูสนุกขึ้นมาก แม้ว่าซีจีหลายจุดจะยังเป็นข้อพร่องที่ขัดหูขัดตาอยู่บ้าง แต่ด้วยฉากการต่อสู้กันของสัตว์ประหลาดตัวเทพมันมีมากขึ้น ไม่ได้เจอแต่พวกกลายร่างเยอะ ๆ อย่างเดียวแล้ว แถมลาสต์บอสอย่างนัมซองวอนนั้นก็ทั้งเก่งและโหดเหี้ยมไม่เบา ทำให้ยิ่งชวนลุ้นเพราะแม้ฝั่งพระเอกจะมีตัวเทพหลายคนมาช่วยรุม แต่มันก็ใส่อุปสรรคบางอย่างมาทำให้สถานการณ์ลำบากขึ้นอีกซึ่งทำได้ดี

อีกข้อหนึ่งคือเส้นดราม่ามันไม่มีหลายทางแล้ว ปมรักสามสี่เส้าจากตัวละครใหม่ที่เป็นทหารอย่าง ปาร์กชานยอง (จินยอง) ที่พยายามเข้ามาแทรกกลางระหว่างชาฮยอนซูกับอึนยู โดยมีตัวละครสาว ๆ มาพันตูเขาไปพร้อมกัน มันไม่ดูน่ารำคาญแล้ว ส่วนของความรักนี้จึงพอดีกับเรื่องที่กำลังจะซีเรียสอยู่ได้เหมาะสมไม่ดูง้องแง้งขัดอารมณ์อย่างซีซันก่อน

ภาพรวมของซีซันนี้คือเท่ มัน แล้วก็มีดราม่ามีเซอร์ไพรส์ให้ชวนลุ้นชวนเศร้าไปกับตัวละครที่เราผูกพันมานาน มีบทสนทนาที่น้อยแต่คมขึ้นอย่างฉากที่อึนยูคุยกับชาฮยอนซูครั้งสุดท้ายก่อนศึกใหญ่นั้นมีอิมแพกต์มาก ซีจียังแค่พอถูไถไปได้ และก็จบเรื่องราวได้ดีไม่มีติดค้างใจอะไร แต่ถ้าใครยังไม่เคยดูซีรีส์เรื่องนี้มาก่อนเลย ก็ต้องบอกว่าไม่น่าคุ้มเท่าไหร่ถ้าจะต้องทนดูซีซันก่อนหน้าที่ชวนอึดอัดเพื่อแค่จะมาดูซีซันนี้แล้วเข้าใจ แต่ถ้าใครเผลอดูมาแล้ว 2 ซีซันก็มารับรางวัลปลอบใจชดเชยความพยายามที่ผ่านมากันได้เลยครับ