Release Date
05/09/2024
แนว
แอนิเมชัน
ความยาว
1.24 ช.ม. (84 นาที)
เรตผู้ชม
G
ผู้กำกับ
อาร์ทูโร เอ. เฮอร์นานเดซ (Arturo Hernandez), วีรภัทร ชินะนาวิน, เจฟฟ์ ชู (Jeff Schu), แอนดรูว์ กอร์ดอน (Andrew Gordon)
Our score
7.2Out Of The Nest | องครักษ์พิทักษ์เจี๊ยบ
จุดเด่น
- งานภาพสวยอลังการมาก สู้กับงานระดับสากลได้เลย
- เนื้อเรื่องเข้าใจง่าย เล่าเรื่องเป็นเส้นตรง มีมุกที่เหมาะกับเด็ก ๆ
- คาแรกเตอร์ 7 เจี๊ยบน่ารัก แสบซน ฃคาแรกเตอร์ชัดมาก น่าเอาไปต่อยอดเป็น Spin-Off สนุก ๆ ได้
จุดสังเกต
- เนื้อเรื่องมีอาการเร่ง ๆ รีบ ๆ รีบเล่ารีบไป จนทำให้ขาดอารมณ์ร่วมบางอย่าง
- ชัดเจนว่าเนื้อเรื่องและ Direction บางอย่างได้อิทธิพลมาจาก 'Kung Fu Panda' ไม่มากก็น้อย
- เสียดายที่หนังให้แอร์ไทม์กับ 7 เจี๊ยบไม่ครบทุกตัว ทั้งที่การออกแบบคาแรกเตอร์เอาไว้ดีมาก ๆ แล้วแท้ ๆ
-
คุณภาพด้านการแสดง
7.2
-
คุณภาพโปรดักชัน
8.2
-
คุณภาพของบทภาพยนตร์
6.0
-
ความบันเทิง
7.4
-
ความคุ้มค่าเวลาในการรับชม
7.1
ในช่วงรอบ ๆ 2-3 ปีที่ผ่านมานี้ นอกจากวงการหนังไทยจะคึกคัก อีกซีนที่ไม่ควรละเลยเป็นอันขาดก็คือบรรดาหนังแอนิเมชันครับ เพราะของไทยเราก็เอาเรื่องไม่น้อย อย่างน้อย ๆ เราก็มาถึงขั้นที่มีงานโปรดักชันที่สู้กับนานาชาติได้แบบไม่อายใครแล้วล่ะ และ ‘Out Of The Nest’ หรือ ‘องครักษ์พิทักษ์เจี๊ยบ’ ก็เป็นผลงานแอนิเมชันไทยเรื่องล่าสุด ที่เป็นการร่วมมือกันในระดับนานาชาติ ตั้งแต่ทีมงานไทย โดย T&B Media Global และ Shellhut Entertainment เจ้าของคาแรกเตอร์ ‘Shelldon’ และ RiFF Studio สตูดิโอแอนิเมชันไทยเจ้าของผลงาน ‘นักรบมนตรา ตำนานแปดดวงจันทร์’ (2566) มารับหน้าที่ออกแบบคาแรกเตอร์ และงานโปรดักชัน
นอกจากนี้ยังมีความร่วมมือจากทีมงานต่างประเทศ อาทิ CCTV Animation Group และ Base FX จากจีน มาช่วยด้านโปรดักชัน และได้ทีมงานทั้งโปรดิวเซอร์ ผู้กำกับ และเขียนบทระดับฮอลลีวูดจากแอนิเมชันระดับฮอลลีวูด ‘My Little Pony’, ‘Toy Story 2’ (1999), ‘Finding Nemo’ (2003) ฯลฯ และก่อนฉาย ยังเป็นแอนิเมชันไทยเรื่องแรก ที่ได้รับการเลือกจาก 3,400 ผลงาน จาก 100 กว่าประเทศ ให้เป็น 1 ใน 12 หนังหมวด Annecy Selection ในงานเทศกาลภาพยนตร์แอนิเมชันนานาชาติอานน์ซี (Annecy International Animation Film Festival 2024) เทศกาลหนังแอนิเมชันที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่จัดขึ้นในประเทศฝรั่งเศสด้วยนะครับ
ณ อาณาจักรแคสตีเลีย ดินแดนที่มีตำนานเล่าขานว่า ฮ่องเต้ไก่และผู้กล้าทั้ง 7 ได้ร่วมมือกันต่อสู้กับจอมมารผู้ชั่วร้าย จนได้ปกครองอาณาจักรแห่งนี้อย่างร่มเย็นสงบสุข แต่หลังจากนั้น องค์ชายเดเมียนและมเหสีได้ฟักไข่ 7 ใบที่มีศักดิ์เป็นถึงองค์รัชทายาทออกมา แต่แล้วพ่อมดผู้ชั่วร้าย และเหล่าผู้จงรักภักดีต่อพรรคมารที่ถูกเรียกกันว่าภาคีกรงเล็บ ได้ทำการชิงไข่ทั้ง 7 ใบเพื่อบีบบังคับให้องค์ชายสละราชบัลลังก์
จนกระทั่ง อาร์เธอร์ (พากย์เสียงโดย ต้าห์อู๋-พิทยา แซ่ฉั่ว) แพะหนุ่มกำพร้าวัย 17 ปี เด็กส่งของและนักเรียนกัลบกหลวง (ช่างตัดผม) ของพระราชวังผู้มีนิสัยเอาแต่ใจตัวเอง ได้รับมอบภารกิจจำเป็นเร่งด่วนจากเซียนโท้ด (พากย์เสียงโดย น้าต๋อย เซมเบ้) อาจารย์ที่ชุบเลี้ยงและสั่งสอน อาร์เธอร์ต้องรับหน้าที่ดูแลไข่ที่มีตราของราชวงศ์ทั้ง 7 ใบและออกเดินทางเพื่อไปส่งคืนยังพระราชวัง แต่ในระหว่างทาง ไข่ทั้ง 7 ใบกลับฟักลูกเจี๊ยบจอมซน 7 ตัวที่มีนิสัยแตกต่างกันสุดขั้ว
อาร์เธอร์จึงต้องพา 7 เจี๊ยบทั้ง เทอร์ร่า (ตัวสีเหลืองฉลาดแสนซน), พัดเดิ้ล (ตัวสีฟ้าจอมพลัง), ลีฟ (ตัวสีเขียวขี้ตกใจ), สปาร์ค (ตัวสีแดงหัวร้อน), ทวิก (ตัวสีส้มอารมณ์ดี), ทิน (ตัวสีม่วงจอมเป๊ะ) และ พัฟ (ตัวสีน้ำเงินขี้เซา) กลับไปส่งถึงมือขององค์ชายเดเมียนก่อนเข้าพิธีขันรับดวงอาทิตย์ และเอาชนะพลังมืดเพื่อปกป้องอาณาจักรแคสตีเลียเอาไว้ให้ได้
ถ้าว่ากันตามตรง ตั้งแต่ที่ดูคลิปตัวอย่าง หลายคนคงรู้สึกเหมือนผู้เขียนว่า เนื้อเรื่องและ Direction บางอย่าง โดยเฉพาะความเป็นจีนผสมตะวันตกมันช่างชวนให้นึกถึง ‘Kung Fu Panda’ แบบอดไม่ได้จริง ๆ ซึ่งพอดูหนังแล้วก็ไม่ได้เข้าใจผิดไปจริง ๆ ด้วย มันมีกลิ่นอายที่ชวนให้นึกถึงจริง ๆ นั่นแหละ แต่ไม่ได้หมายความว่ามันเป็นการลอกไอเดียมาทั้งดุ้นอะไรแบบนั้นนะครับ เพราะตัวหนังเองก็ถือว่ามีการนำเสนอ Direction บางอย่าง และการเซ็ตอัปโลกที่มีแนวทางเป็นของตัวเองอย่างชัดเจน และก็ยิ่งค่อนข้างชัดเจนเลยว่าทีมผู้สร้างคงมุ่งแนวทางของหนังให้เหมาะกับกลุ่มผู้ชมเด็ก ๆ เป็นหลักไปด้วย
ทั้งเรื่องเกี่ยวกับตำนานโบราณที่จะมีความเกี่ยวพันกับคน 2 ยุคสมัย เรื่องนี้ก็เลยจะมีเรื่องราวตำนานเกี่ยวกับ 7 ผู้กล้าที่ปกป้องภัยจากพ่อมดชั่วร้าย ในขณะเดียวกันก็มีเรื่องราวเกี่ยวกับพิธีการที่มีฮ่องเต้ไก่โต้งออกมาขัน ซึ่งมีความเป็นนิทาน ๆ อยู่ ในขณะเดียวกันตัวหนังก็จะมีพล็อตแบบ Coming of Age ของอาเธอร์ที่มีโอกาสเติบโตและเข้าใจชีวิตมากขึ้นท่ามกลางอุปสรรค และขับเคลื่อนด้วยพล็อตแนว Road Movie รวมถึงแอ็กชันในองก์สุดท้าย ที่แม้ว่าจะมีกลิ่นอายของหนังจีนกำลังภายใน แต่ก็เป็นการแทรกการผจญภัยและฉากแอ็กชันผสมกับแฟนตาซีที่มีความเป็นนิทานหน่อย ๆ มากกว่าจะเอาเป็นเอาตาย หรือเน้นดราม่า-ฮาแตกเหมือน ‘Kung Fu Panda’ ที่มีกลุ่มผู้ชมโตกว่า
และเมื่อแนวทางของผู้สร้างชัดเจนว่าต้องการให้หนังเรื่องนี้เหมาะกับเด็ก ก็ค่อนข้างเป็นเรื่องที่เข้าใจได้แหละว่า องค์ประกอบต่าง ๆ ของหนังเรื่องนี้ก็เลยเรียบง่าย ไม่ได้ซับซ้อนเกินไปกว่าความเข้าใจของเด็ก ไม่ว่าจะเป็นคาแรกเตอร์ตัวละครที่ดูปุ๊บรู้เลย ทั้งอาร์เธอร์ แพะหล่อที่เต็มไปด้วยอีโก้ เซียนโท้ดผู้ที่มีความเป็นอาจารย์และเป็นพ่อ ตัวผู้ร้ายที่ดูแต่ไกลก็รู้ว่าร้าย และเจ้าเจี๊ยบ 7 สี 7 นิสัย รวมทั้งเนื้อหาที่เป็นสูตรสำเร็จที่มีการแทรกแง่คิดเอาไว้ แต่ก็ยังถือว่าเป็นอะไรที่ผู้ใหญ่ก็ดูได้ด้วย ทั้งความน่ารักของเจ้าเจี๊ยบ ฉากแอ็กชันแบบ Action Comedy ที่เรียกได้ว่าทำออกมาสนุกใช้ได้ มุกฮาบางอันที่ผู้ใหญ่ดูแล้วยิ้มและหัวเราะคิคิตามได้ รวมทั้งข้อคิดเกี่ยวกับการไม่ยืดมั่นถือมั่น การเอาใจเขามาใส่ใจเรา หรือความสัมพันธ์ในครอบครัว ตัวหนังก็ถือว่าแทรกตรงนี้เอาไว้ได้พอเหมาะพอดี
และแน่นอนว่า พอเนื้อหามันมีความเป็นนิทานแฟนตาซีที่มีความเอาใจคุณหนู ๆ เป็นสำคัญ รวมทั้งกรอบเวลา 1 ชั่วโมงเกือบครึ่งที่เป็นตัวบีบบังคับการเล่าเรื่องอยู่พอสมควร ก็เลยทำให้ตัวหนังมีอาการรีบ ๆ เร่ง ๆ เล่าเรื่องหลาย ๆ ส่วน โดยเฉพาะส่วนที่สำคัญอย่างรีบเล่าแล้วรีบไปต่อ ทั้งที่จริง ๆ แล้วตัวหนังมีโครงสร้างเนื้อเรื่องที่อยู่ในระดับค่อนข้างดีเลยนะครับ มีคาแรกเตอร์ที่เหมาะกับพล็อต Coming of Age มีปริศนาตำนานเก่าแก่ที่รอการคลี่คลาย รวมทั้งการผจญภัย Road Movie ที่เอื้อต่อการวางโครงเรื่องสนุก ๆ
ไหนจะเรื่องความสัมพันธ์ของบรรดาตัวละครที่อุตส่าห์ปูเรื่องและเตรียมส่งเข้าดราม่าน้ำตาซึมได้อย่างไม่ยาก แต่พอเนื้อเรื่องมันออกอาการรีบแตะรีบไป ตัวหนังก็เลยขาดสิ่งที่เป็นความบันเทิงและอารมณ์ร่วมหลายอย่าง ไม่ว่าจะความตลก ดราม่า ระทึก ประทับใจ ฯลฯ ในแบบที่ผู้ชมผู้ใหญ่น่าจะดู ซึมซับ และเพลิดเพลินได้มากกว่านี้ อีกอันที่ผู้เขียนแอบเสียดายก็คือการปูเรื่องเกี่ยวกับตำแหน่งช่างกัลบกหลวง ที่จริง ๆ น่าจะมีตำนาน หรือความสำคัญของตำแหน่งนี้ในราชสำนักให้เล่า เล่น และขยี้ได้มากกว่านี้
ส่วนในเรื่องของโปรดักชันก็อยู่ในระดับที่เกินคาดนะครับ ไม่ถึงกับสมบูรณ์แบบเป๊ะ ๆ เพราะยังมีจุดที่แอบรู้สึกดึงสายตานิด ๆ อยู่บ้าง แต่โดยรวมเรียกได้ว่าทำออกมาได้ดีมาก ๆ ทั้งการออกแบบแสง สี เสียง เอฟเฟกต์แฟนตาซีต่าง ๆ ที่ทำออกมาได้สวยงามในระดับที่เอาไปฉายในระดับสากลได้แบบไม่อายใคร รวมทั้งการออกแบบคาแรกเตอร์ ที่แต่แรกผู้เขียนก็ยอมรับว่าแอบขัดใจทรงผมตัวละครนั่นแหละ แต่ดู ๆ ไป เออ มันทรงผมแบบนี้กันทั้งเรื่องเลยนี่หว่า (555)
อีกอันที่ต้องชมคือการออกแบบคาแรกเตอร์เจ้า 7 เจี๊ยบ ตอนแรกที่โปรโมต ผู้เขียนยอมรับว่าเฉย ๆ มาก แต่พอไปดูและเห็นในจอหนังก็ เออ น่ารักแสบซนและมีความตลกใช้ได้อยู่นะ เชื่อว่าจะมีบางตัวที่ดูแล้วโดนตกแน่ ๆ แม้ว่าพวกแกจะฟักไข่ออกมาแล้วเก่งขั้นเทพเลยก็เถอะ (555) เสียดายที่ตัวหนังไม่ได้เกลี่ยแอร์ไทม์จนครบทุกตัว และที่ต้องขอชมต่ออีกนิดก็คือ การพากย์เสียงฉบับภาษาไทยของนักพากษ์มืออาชีพ รวมทั้ง ต้าห์อู๋ พิทยา แซ่ฉั่ว 1 ในสมาชิกวง LAZ1 ที่ให้เสียงพากย์ตัวอาร์เธอร์ได้ดีเกินคาดไปมาก เป็นการพากย์เสียงแพะที่มีความหล่อแต่ก็มีความเปิ่น ๆ ล้น ๆ ออกมาได้น่ารักกำลังดี
ถ้าพูดกันแบบไม่โลกสวย หนังแอนิเมชันไทยมักเป็นม้านอกโปรแกรมที่อยู่นอกสายตาผู้ชม จนเล่นเอาขาดทุนกันมานักต่อนัก แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังอยากเชียร์ให้พาลูกหลานออกมาดูกันนะครับ ในแง่ความบันเทิงสำหรับเด็กก็ถือว่าสอบผ่าน ในแง่ความบันเทิงสำหรับผู้ใหญ่ก็ถือว่าดูเพลินได้อยู่ และในแง่ของอุตสาหกรรม มันก็มีความเป็นสากลมากพอที่จะพาแอนิเมชันไทยให้ไปไกลกว่าแค่ขายวัฒนธรรมและการรีเมกวรรณคดีแบบเดิม ๆ และเอาเข้าจริง ๆ คาแรกเตอร์เจ้า 7 เจี๊ยบนี่ก็ถือว่าไม่ธรรมดานะครับ คือก็ไม่ได้คาดหวังหรอก แต่ถ้ามี Spin-Off เจ้า 7 เจี๊ยบในรูปแบบการ์ตูนตลกสั้น ๆ จบในตอน อารมณ์ประมาณ ‘I Am Groot’ อะไรแบบนี้ ผู้เขียนก็ว่าน่าดูอยู่นะครับ…
ปล. มีฉากพิเศษต้นเครดิต กับท้ายเครดิตอย่างละ 1 ฉากนะครับ จะรอดูก็ได้ ไม่รอดูก็ไม่เสียหาย