Release Date
09/11/2024
ความยาว
3 องก์ 9 ตอน ตอนละประมาณ 40 นาที
Our score
9.5Arcane ซีซัน 2
จุดเด่น
- ทั้งการนำเสนอด้านงานภาพ เสียง และการดีไซน์ คือที่สุดความงามและฉลาดในการใช้เพื่อเล่าเรื่องมาก ๆ
- เนื้อหาขยายได้อย่างน่าสนใจ ตัวละครมีพัฒนาการ ความขัดแย้งน่าสนใจในทุกระดับ
จุดสังเกต
- ยังหาข้อติงจริง ๆ ไม่ได้ ถ้าจะมีก็อาจเป็นงานพากย์ไทยที่เสียงบางตัวละครเกือบจะเหมาะเท่านั้น
-
บท
9.5
-
โปรดักชัน
10.0
-
งานพากย์
8.5
-
ความสนุกตามแนวหนัง
10.0
-
ความคุ้มค่าการรับชม
9.8
เรื่องย่อ : หลังการเสียชีวิตของ ซิลโก้ วายร้ายแห่งเมืองซอนโลกใต้ดินอันโสมม พาวเดอร์ ที่จิตใจแตกสลายเพราะเคยถูกพี่สาวอย่าง วาย ทอดทิ้งไปรอบหนึ่ง ก็รู้สึกพังทลายลงไปอีกเพราะเหมือนสูญเสียพ่อบุญธรรมไปอีกคน พาวเดอร์ที่มีตัวตนใหม่ว่า จิงซ์ เกิดคลั่งและยิงจรวดใส่สภาผู้ปกครองมหานครพิลโทเวอร์จนคณะกรรมการหลายคนต้องจบชีวิตลง ผู้ที่เหลือรอดต่างตกในความแค้นและต้องการทำลายซอนลงให้สิ้นซากไปพร้อมกับจิงซ์รวมถึงปัญหาทั้งหมด ขณะที่ยังมีบางคนที่รู้สึกตัวว่ามีบางสิ่งไม่ชอบมาพากลในสถานการณ์วุ่นวายนี้ราวกับมีมือของใครคอยชักใยให้เป็นไปอยู่
หลังจากการเปิดตัวที่น่าตื่นตะลึงของ ‘Arcane’ (2021) ซีรีส์ที่ขายตัวละครจากเกม ‘League of Legends’ ของค่าย Riot Games มันไม่ได้เพียงเกิดกระแสแค่ในหมู่คนที่เล่นเกม เพราะตัดคำว่าหนังจากเกมไปนี่ก็ยังจัดว่าเป็นแอนิเมชันซีรีส์ที่น่าทึ่งเอามาก ๆ และไม่ใช่เพียงคำเยินยอไร้การันตีเพราะตัวซีรีส์ในซีซันแรกสามารถคว้า 4 รางวัลไพรม์ไทม์ เอ็มมี อวอร์ดส รางวัลที่ใหญ่ที่สุดในโลกคนโทรทัศน์และสตรีมมิงในเวลานี้ไปด้วย
สิ่งที่ ‘Arcane’ ทำได้ดีคือการผสานระหว่างสไตล์ ดีไซน์ และงานศิลป์แบบภาพวาด กับฟังก์ชันคือการเล่าเรื่อง ที่มันสอดคล้องเติมเต็มและเป็นชิ้นงานที่สะกดดวงตาผู้ชมให้จดจ้องกับความงามชดช้อยและบู๊ล้างผลาญน่าตื่นเต้น ขณะเดียวกันหัวใจกับสมองก็ทำงานตามเนื้อหาความขัดแย้งในหลายระดับทั้งการแบ่งแยกชนชั้น ความสัมพันธ์ที่แตกหัก และวิกฤตทางธรรมชาติที่ขัดแย้งกับความเจริญ จนบางช่วงทำเราใจร้าวไปตามตัวละครได้เลย และนั่นคือสิ่งที่ซีซัน 2 ของตัวซีรีส์ยังคงทำได้อย่างยอดเยี่ยมเช่นเดิม ในตอนแรกก็หวั่นใจว่าการเว้นช่วงถึง 3 ปีนี่มันจะต่อติดไหมทั้งงานสร้างและอารมณ์ความต่อเนื่อง ซึ่งต้องยกคุณความดีให้กับความล้ำของสไตล์ที่ใหม่ข้ามกาลเวลามาก เพราะมาดูในตอนนี้มันก็ยังไม่เชยเลยแม้แต่น้อย เหมือนส่วนหนึ่งของวงการแอนิเมชันมันถูกขับเคลื่อนด้วยสไตล์การนำเสนออย่าง ‘Arcane’ ไปแล้ว มาดูซีซันใหม่นี่ก็ลื่นไร้รอยต่อเลยทีเดียว สมค่าการรอคอยอย่างยิ่ง
สำหรับซีซัน 2 นี้ทางเน็ตฟลิกซ์มีแผนการออกฉายเป็น 3 ช่วง คือองก์ละ 3 ตอน ฉายห่างกันอาทิตย์ละ 1 องก์ ซึ่งแต่ละองก์จะเป็นการพัฒนาเรื่องราวสำคัญ ๆ อย่างองก์แรกที่เปิดมาแล้วเราจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงหลังการสูญเสีย ฝั่งพิลโทเวอร์สูญเสียบุคคลสำคัญในกลุ่มผู้ปกครองและเริ่มเบนจากวิถีสันติภาพมาสู่การใช้ความรุนแรง ซึ่งไม่ต่างจากภาพของสังคมที่เจริญเมื่อเผชิญภัยผู้ก่อการร้ายก็พร้อมจะเหมารวมผู้คนทั้งหมดไม่ว่าจะดีหรือไม่ดีว่าเป็นปัญหาทันที ในขณะที่ฝั่งสลัมใต้ดินเองเมื่อเสียผู้คุมกฎอย่างซิลโก้ไปก็เกิดความวุ่นวายทั้งแย่งชิงอำนาจกันเองระหว่างแก๊ง และคนพร้อมจะเอาเปรียบกัน เพราะไม่มีใครคอยคุมระเบียบอีกแล้ว
เมื่อจบทั้ง 3 ตอนในองก์แรก เราจะเห็นการปูเรื่องในซีซันใหม่ที่น่าสนใจมาก และเต็มไปด้วยดราม่าความขัดแย้งที่สร้างมิติการรับรู้เรื่องราวได้มากขึ้นอีก ทั้งในแง่ตัวละครเราเห็นจิงซ์ที่เหมือนคนบ้าแต่ก็เริ่มมีสติมีเป้าหมายเมื่อได้พบเด็กกำพร้าปริศนาที่คล้ายตัวเองเมื่อก่อนจนเธอเองดูจะอ่อนโยนลงและพร้อมตายให้กับมือพี่สาวอย่างวายเพื่อชำระบาป เรายังได้เห็นวายกับเคทที่แม้จะมองไปทางเดียวกันแต่เริ่มวางอันดับความสำคัญต่างกัน ซึ่งคงส่งผลให้ทั้งคู่อาจต้องปะทะกันแม้จะรักกันในที่สุดเมื่อฝั่งหนึ่งได้รับอำนาจและมองเป้าหมายมากกว่าวิธีการ ขณะที่อีกฝั่งกลัวการที่คนรักเปลี่ยนไปและไร้มโนสำนึกเช่นคนอื่น ๆ เราจะได้เห็นมือที่ 3 หลายกลุ่มที่เข้ามาหยิบฉวยโอกาสในสถานการณ์วิกฤตเพื่อเป้าประโยชน์ของตนเอง
ในขณะที่อีกฟากฝั่งของเรื่องราวที่ใหญ่โตกว่าเรื่องความสัมพันธ์และผลประโยชน์ การเมือง เราถูกชักพาผ่านสายตาเหล่านักวิทยาศาสตร์ที่อาจมองได้ว่าเป็นพวกปกติสุดในเรื่องอย่าง เจซ ไฮเมอร์ดิงเกอร์ และเอกโก ที่กำลังรับรู้ถึงผลประทบของการใช้อาร์เคนหรือผลึกเวทที่มีต่อโลก เช่นเดียวกับที่มันส่งผลต่อวิกเตอร์จนเขากลายเป็นสิ่งอื่นที่ไม่ใช่มนุษย์แถมกลายเป็นศาสดาใหม่แห่งโลกใต้ดิน ต้องบอกว่าทั้งเส้นเรื่องหลักที่เราดูผ่านความสัมพันธ์ตัวละครที่ปะทะกันทางอุดมการณ์ความเชื่อ และเส้นเรื่องรองที่กำลังกล่าวถึงเรื่องวิกฤตระดับมหัพภาคนั้นต่างส่งเสริมและน่าสนใจทั้งคู่ อย่างที่บอกได้เลยว่ามันเข้มขึ้นได้ใจมาก จะมีซีนเขย่าหัวใจและน้ำตาเราได้อย่างแน่นอน
และสำหรับงานภาพกับเสียงคงไม่ต้องบรรยายอะไรมากเท่ากับว่าอะไรที่ทำได้ยอดเยี่ยมนั้นก็ยังคงยอดเยี่ยมอยู่ ยิ่งลูกเล่นการเล่าเรื่องที่คมมาก ๆ เราเห็นอากัปกิริยาความรู้สึกตัวละครผ่านสายตาภาษากายได้แม้แต่ตอนที่กำลังห้ำหั่นกันล้างผลาญ มันสร้างมวลความรู้สึกที่ทั้งตื่นเต้นกับฉากบู๊ที่โคตรมัน และชวนอินไปกับความรู้สึกภายในของตัวละครพร้อม ๆ กันได้ด้วย อีกสิ่งที่คิดว่าเขาทำได้ดีมาก ๆ คือฉาก MV เล่าเรื่องตั้งแต่อินโทรเครดิตเปิดซีซันแล้วที่เราเห็นการตีความตัวละครแต่ละตัวผ่านดีไซน์และสีที่แตกต่างกันสะท้อนสิ่งที่พวกเขากำลังจะเป็นหรือสถานการณ์ที่ต้องเผชิญได้อย่างน่าสนใจ และในการเปิดของแต่ละตอนเรายังถูกเล่าสถานการณ์ใหม่ผ่าน MV ที่แทบไม่ต้องมีบทพูดเพียงดนตรีกับการตัดภาพและนำเสนออย่างกับงานศิลปะชั้นเลิศ แต่มันทำให้เราถูกดูดเข้าไปในเรื่องราวอย่างย่นย่อได้ดี ทั้งเท่ทั้งสวยจนน้ำตาไหลเลยจริง ๆ
สรุปแล้ว นี่คือการรอคอย 3 ปีที่โคตรจะคุ้มค่า เป็นผลงานที่เอาไปฉายจอใหญ่ในโรงให้ภาพกับเสียงทำงานเต็มที่แบบเก็บเงินราคาเต็มก็ยังคู่ควร แล้วเราได้ดูมันผ่านสตรีมมิงจ่ายรายเดือนไม่เท่าไหร่นี่คือโคตรของโคตรคุ้มแล้ว และบอกเลยว่าที่มีข่าวว่าตัวซีรีส์โดนแฮกเอาไปฉายก่อนนี้แทบไม่มีผล เพราะงานระดับนี้ควรต้องได้ดูแบบไม่ลดทอนคุณภาพหรือมีลายน้ำมาเกะกะขวางตาเท่านั้นจริง ๆ