Release Date
16/11/2024
ตอนที่ 4
Paint the Town Blue
ตอนที่ 5
Blisters and Bedrock
ตอนที่ 6
The Message Hidden Within the Pattern
Our score
9.0Arcane: League of Legends ซีซัน 2 องก์ 2
จุดเด่น
- แม้เป็นแค่ส่วนเชื่อมกลางระหว่างองก์แรกกับองก์สุดท้าย แต่กลับมีธีมของตัวเองที่แข็งแรงและการเล่าเรื่องที่ดีเป็นหนังแยกอีกเรื่องได้เลย
- การควบคุมอารมณ์ความคิดผู้ชมยังทำได้อยู่มือมาก ยิงช่วงปลายองก์นี้อารมณ์ไปพีกขั้นสุดจนอยากกรีดร้อง
จุดสังเกต
- เห็นความแผ่วความย้วยของงานโปรดักชันและการเล่าเรื่องที่ต้องใช้บทสนทนาเข้าช่วยเยอะกว่าองก์ก่อน แต่โดยรวมเอาตัวรอดได้เยี่ยม
-
บท
8.0
-
โปรดักชัน
8.5
-
งานพากย์
8.5
-
ความสนุกตามแนวหนัง
9.0
-
ความคุ้มค่าการรับชม
10.0
เรื่องย่อ: การรุกคืบของฝั่งพิลโทเวอร์ภายใต้การนำของ เคท ที่อยู่ใต้การจูงจมูกของ แอมเบสซ่า อีกที ทำให้เมืองสลัมซอนที่แตกเป็นก๊กก๊วนต่าง ๆ รวมตัวกันได้ภายใต้ภาพความหวังในการต่อสู้ครั้งใหม่ที่ชื่อว่า จิงซ์ แต่ก็เป็นดั่งภาพลวงตาเพราะจิงซ์กำลังหมดเป้าหมายในชีวิตหลังพ่ายแพ้ให้วายและเลือกเก็บตัวเงียบ ทันใดนั้นเมื่อชาวเมืองซอนถูกจับตัวไปข่มเหงรวมถึงการปรากฏตัวของอสุรกายยักษ์ก็ทำให้จิงซ์พบเป้าหมายใหม่ที่จำเป็นต้องกลับไปเชื่อมสัมพันธ์กับพี่สาวอย่างวายที่กำลังหัวใจแตกสลายจากการทรยศความไว้ใจของเคทด้วยอีกครั้ง
‘Arcane’ ซีซัน 2 ถูกวางแผนปล่อยออกมาเป็น 3 องก์ สัปดาห์ละ 3 ตอน อาจมองได้ว่าหากนี้คือหนังไตรภาค องก์แรกได้เปิดปูมเชื้อไฟให้กับแต่ละตัวละคร และองก์ที่ 2 นี้คือการป้อนฟืนเร่งไฟให้ทำงานลามต่อ เป็นการทำงานเช่นเดียวกับหนังภาคกลางของหนังไตรภาคที่ต้องเชื่อมเชื้อไฟให้ไปสู่ระเบิดในองก์สุดท้ายให้สำเร็จ และอย่างที่เรารู้กันหนังภาคต่อหรือภาคกลางนั้นมักอ่อนด้อยที่สุดในหนังไตรภาคเพราะบทบาทของมันเองที่ยากว่าจะปูหรือจะปิดประเด็นในระดับไหนถึงพอดี ทว่าสำหรับองก์ 2 ของ ‘Arcane’ นี้อาจกล่าวได้ว่าคืออีกตัวอย่างของหนังภาคต่อที่ทำได้ยอดเยี่ยม
ในแง่ของเนื้อเรื่องเราจะเห็นได้ชัดเลยว่ามันเชื่อมไปสู่สิ่งใหม่ ๆ โดยเฉพาะสร้างพัฒนาการในตัวละครไปกับเรื่องราวได้น่าสนใจมาก ในองก์ 2 นี้ได้นำองค์ประกอบปริศนาต่าง ๆ มาช่วยคลี่ปมบางอย่างและต่อยอดเส้นทางการหาคำตอบให้กระจ่างขึ้น ไม่ว่าจะความในใจที่หายไปของแวนเดอร์ต่อเพื่อนรักอย่างซิสโก้ในคืนวันที่ไม่อาจแก้ไขที่อาจเปลี่ยนแปลงอะไรไปหลายอย่างหากเชื่อมต่อถึง ปมความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลเมดาร์ดากับแม่มดกุหลาบดำที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของเมลในอนาคต เจตนาที่แท้จริงของนักเคมีอย่างซินจ์ที่ทดลองสัตว์ร้ายและชิมเมอร์ขึ้นมา รวมถึงเจตนาของวิกเตอร์ในการเป็นผู้นำทางลัทธิใหม่ว่าดีหรือร้ายกันแน่
อย่างไรก็ดีเส้นเรื่องหลักที่สำคัญที่สุดขององก์ 2 คงต้องพูดถึงความหมายของครอบครัว ด้วยเชื้อไฟที่มีคนเดาออกกันตั้งแต่แรกว่าศพของแวนเดอร์จะถูกนำมาต่อยอดกลายเป็นตัวละครใหม่ และสิ่งที่ตามมาคือมันเป็นเหตุผลที่ทำให้พี่น้องที่แตกกันไปแล้วได้กลับมามีจุดร่วมให้สานสัมพันธ์อีกครั้ง ด้วยความที่เส้นเรื่องนี้ถูกเน้นเป็นพิเศษทำให้อาจมีช่วงของการเล่าแบบคุยและเห็นความย้วยของเรื่องบ้างอย่างฉากในเหมืองใต้ดิน ทว่ามันก็กลายเป็นสิ่งจำเป็นและเลี่ยงไม่ได้ เพราะนอกจากมันจะช่วยเติมความสำคัญของคำว่าครอบครัวในท้ายสุดมันยังทำให้เห็นว่าตอนนี้ครอบครัวใหม่ที่มีพ่อกับ 3 สาวพี่น้องนั้นมันอบอุ่นเพียงใด
ยิ่งการเล่าเรื่องขยี้โลกและความหวังอันงดงามใหม่ให้ผู้ชมมากเพียงใดทั้งโอกาสในการเป็นครอบครัว และความเรืองรองของโลกพระศรีอาริย์ที่วิกเตอร์ได้มอบให้ มันก็ยิ่งทำให้ช่วงปลายขององก์นี้มีความน่าลุ้นระทึกมากยิ่งขึ้น เมื่อฝั่งพิลโทเวอร์ได้คืบคลานลงมายังใต้ดินเพื่อสลายความฝันของเหล่าตัวละครลง และเชื่อได้ว่าฉากปลายขององก์นี้มันทรงพลังขนาดที่ทำให้เราหัวใจเต้นแรงและกรีดร้องออกมาได้เลย แม้เราจะเห็นธงปักมาแต่ไกลแล้วก็ตามก็ยังทำใจเชื่อสิ่งที่เห็นไม่ลง การเล่าเรื่องด้วยฉากแบบเอ็มวีที่ทำได้ดีมากในองก์แรกแม้จะน้อยลงอย่างเห็นได้ชัดในองก์นี้ ทว่าเมื่อมันถูกนำมาใช้มันโคตรจะดีงามเลยจริง ๆ ไม่มีทางที่จะขยี้อารมณ์ได้ดีไปกว่านี้อีกแล้ว
และสิ่งที่องก์ 2 นี้ปูประเด็นใหม่มานั้นก็ชวนถกเถียงและน่าสนใจทีเดียว มันอาจไม่ใช่ข้อถกเถียงใหม่ที่เราไม่เคยเจอในเรื่องอื่น แต่ทว่าการนำเสนอความขัดแย้งผ่านผลประโยชน์และเป้าหมายของตัวละครแต่ละฝ่ายที่ไม่ลงรอยกันมันทำให้ข้อถกเถียงที่ยกมาพูดมันมีน้ำหนักมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ที่มีทั้งส่วนของปัญญาและอารมณ์ เหรียญสองด้านของการเปลี่ยนแปลง มีหลายฉากที่มีการถกกันเกือบจะเป็นเรื่องอภิปรัชญาแต่ก็มาอย่างพอดีไม่ถึงกับทำให้คนดูต้องกุมขมับ เรียกว่าชวนขมวดคิ้วกระตุ้นรอยหยักในสมองกำลังดี ซึ่งต้องบอกเลยว่าเมื่อองก์ 2 ให้คำตอบในปมเชิงนามธรรมนี้แล้ว มันช่วยให้องก์สุดท้ายที่จะปิดเรื่องราวทั้ง 2 ซีซันนั้นจะเต็มไปด้วยการพุ่งไปข้างหน้าอย่างไม่ต้องพะว้าพะวงสาระสำคัญอีกต่อไป ซึ่งเป็นข้อที่ฉลาดมาก
มองในแง่เนื้อเรื่องน่าจะเป็นจุดเด่นขององก์นี้แล้ว แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่างานด้านโปรดักชันก็ยังไม่ได้ตกมาตรฐานที่ทำมาแต่อย่างใด แม้จะมีหลายช่วงที่ดูแผ่วลงบ้างเพราะเป็นฉากที่ต้องใช้คำพูดเล่าเสียเยอะ ทำให้งานด้านภาพทั้งการตัดต่อ การเลือกขนาดภาพ เคลื่อนกล้อง บีตหรือจังหวะการเปลี่ยนภาพ รวมถึงการหน่วงเวลาและเร่งความเร็ว และการใช้โคลสอัปที่เป็นสิ่งโดดเด่นอย่างที่ผ่านมานั้นต้องเบาลงไป แต่มันก็มีฉากที่ทำให้ต้องร้องโอ้โหให้อยู่ดี ถั่วเฉลี่ยแล้วก็เรียกว่าไม่ได้เบาความคาดหวังลงไปได้เลย
สรุปแล้ว นี่อาจเป็นแค่องก์ที่เชื่อมอยู่ตรงกลาง แต่ก็น่าสนใจที่มันมีธีมการนำเสนอและเส้นเรื่องราวที่อาจพูดได้ว่าสามารถเป็นหนังดี ๆ หนึ่งเรื่องได้เลยเช่นกัน อาจมีแผ่วลงย้วยลงนิดหน่อยแต่ไม่ได้ลดทอนคำที่เราอาจพูดได้ว่านี่คือหนังแอนิเมชันหรือหนังที่สมบูรณ์แบบเรื่องหนึ่งในหลายปีที่ผ่านมาทีเดียว รอชมองก์ปิดฉากเรื่องราวกันต่อได้เลย ตอนนี้ขอไปซับน้ำตาก่อนล่ะนะ