[รีวิวซีรีส์] Arcane ซีซัน 2 ไฟนอล: ยังยอดเยี่ยม แต่ยากจริง ๆ กับโจทย์ที่ต้องจบทุกอย่างใน 3 ตอน

Release Date

23/11/2024

ตอนที่ 7

Pretend Like It's the First Time

ตอนที่ 8

Killing Is a Cycle

ตอนที่ 9

The Dirt Under Your Nails

Our score
8.5

Arcane ซีซัน 2 ไฟนอล

จุดเด่น

  1. เก็บปมที่วางเอาไว้ได้ดี สามารถอัดในเวลา 3 ตอนที่เหลือได้คุ้มค่าทุกนาที
  2. เห็นไอเดียที่น่าสนใจที่ตั้งใจนำเสนอจำนวนมาก

จุดสังเกต

  1. เร่งรีบในการเล่าเรื่องหลายเหตุการณ์ให้หมด จนบางช่วงขาดเวลาเพื่อให้ผู้ชมอิน
  2. น่าจะทำตอนสุดท้ายให้เป็นหนังยาวสักชั่วโมงครึ่งน่าจะดีกว่า
  • บท

    8.5

  • โปรดักชัน

    9.0

  • งานพากย์

    8.5

  • ความสนุกตามแนวหนัง

    8.5

  • ความคุ้มค่าการรับชม

    10.0

เรื่องย่อ: สงครามที่ผู้ใหญ่ก่อระหว่างกัน กลับกลายเป็นเด็กไร้เดียงสาอย่างอิชาที่ต้องเสียสละหยุดยั้ง ทำให้จิงซ์กลับไปแตกสลายอีกครั้ง ขณะเดียวกันได้มีการเปิดเผยว่าเกิดอะไรขึ้นกับเหล่าคนที่หลงเข้าไปในเฮ็กซ์เกต รวมดึงเมลที่ถูกแม่มดกุหลาบจับตัวไป ซึ่งความคลี่คลายนี้ได้แบ่งคู่ขัดแย้งออกเป็น 2 ฝ่ายอย่างชัดเจน อันจะนำไปสู่สงครามครั้งสุดท้ายที่สองพี่น้องสาว วายกับจิงซ์ต้องเข้าไปพัวพัน

น่าสนใจทีเดียวว่าหลังจากจบองก์ที่ 2 ด้วยการไต่ระดับอารมณ์ไปขั้นสุดจากการเสียสละของอิชา ซีรีส์เปิดองก์ใหม่ด้วยการหักอารมณ์ไปเล่าเส้นเรื่องของเอ็กโก้ ไฮเมอร์ดิงเกอร์ และเจซ ขณะที่หลงอยู่ในมิติคู่ขนานว่าไปพบเห็นอะไรมา ถึงทำให้เจซกลับมาทำลายความหวังทุกอย่างในองก์ที่ 2

Arcane: League of Legends

ซึ่งมันใช้เวลาปูความเข้าใจกับผู้ชมใหม่ไปถึง 1 ตอนเต็ม ๆ ทั้งที่โจทย์ของผู้สร้างคือมีเวลาเล่าเรื่องอีกเพียง 3 ตอนเท่านั้นเพื่อปิดฉากเรื่องราวกว่า 2 ซีซันที่ผ่านมาทั้งหมดกับปมมากมายที่ยังต้องปิด ทว่าก็เป็นความเสี่ยงที่ผู้เล่ายอมแลก เพราะนอกจากทำให้เราเข้าใจสถานการณ์เบื้องหลังจริง ๆ ในองก์ที่แล้วเพื่อเดินหน้าได้เต็มสูบต่อไปแล้ว มันยังได้เปิดโอกาสให้ผู้ชมได้ไปสำรวจความเป็นไปได้ในเส้นคู่ขนานว่าหากทุกคนรู้จักอภัยกันหันมาคุยกัน ความสงบสุขนั้นเกิดขึ้นได้จริงและดีงามอย่างไร อันเป็นธีมหลักหนึ่งที่เรื่องนี้นำเสนอว่ามันไม่จำเป็นต้องมีการสูญเสียที่บานปลายอย่างที่เราได้ดูมาตลอด 2 ซีซันเลยด้วยซ้ำ ถ้าเรายอมรับความเป็นจริงที่ไม่อาจแก้ไขและให้คุณค่าของปัจจุบันสูงกว่าความเคียดแค้นในอดีต มองในแง่นี้ตอนแรกขององก์สุดท้ายนี้ ถึงจะดูเป็นการผลาญเวลาและลดโทนอารมณ์ที่คุกรุ่นของผู้ชมที่กำลังลุ้นกับการต่อสู้ลงอย่างรุนแรง แต่มันก็ดูคุ้มค่าในการสื่อสารของเรื่องเช่นกัน

Arcane: League of Legends

แต่นั่นก็ยังไม่พอกับการปูเรื่องอีก ตอนที่ 2 ขององก์นี้ ซีรีส์ยังต้องไปตามเก็บความเป็นไปของแต่ละตัวละครหลังการปะทะกันอย่างรุนแรงในวิหารศักดิ์สิทธิ์ของวิกเตอร์ และจัดการเรื่องราวของตัวละครต่าง ๆ ที่ยังไม่ชัดเจนว่าพวกเขามีเป้าหมายอย่างไรและจะจับกลุ่มกันใหม่ใครจะอยู่ฝ่ายใคร ซึ่งตอนนี้มันยังเต็มไปด้วยฉากการพูดคุยมากกว่าการกระทำ หนำซ้ำบางช่วงยังเป็นการพูดคุยในระดับปรัชญาเสียด้วย มีความสุ่มเสี่ยงค่อนข้างมากทีเดียวที่ผู้ชมจะเบื่อ แต่กระนั้นในแง่การส่งต่อเรื่องราวมันก็ขาดเนื้อหาช่วงนี้ไม่ได้เลย เพื่อที่จะดูตอนสุดท้ายได้อิน

ทั้งความสัมพันธ์ 3 เส้าระหว่าง เมล แอมเบสซา และแม่มดกุหลาบ ที่แม้จะมีเวลาน้อยที่ให้เราทำความเข้าใจเป้าหมายของแต่ละคนจนอาจตกผลึกไม่ทัน ที่ว่า แอมเบสซาเป็นนักรบที่หวาดกลัวพลังที่ตัวเองต่อกรไม่ได้ จนไม่อาจยอมให้พวกเม่มดหรือนักเวทเป็นหอกข้างแคร่ และพร้อมเสียทุกอย่างเพื่อได้พลังในการรับมือกับพลังเวทมนตร์นั้นมา ไม่ว่าจะเป็นการเสียสละลูกชายเพื่อรักษาชีวิตลูกสาวที่มีพลังมหาศาลซ่อนเร้นไว้ หรือการยอมร่วมมือกับด็อกเตอร์ซิงจ์หรือแม้แต่วิกเตอร์เมื่อได้เห็นว่าพวกนั้นสร้างอะไรขึ้นมาได้ เช่นเดียวกับที่ตอนแรกเะอพยายามเข้ามาที่พิลต์โทวเวอร์เพื่อยึดครองเฮ็กซ์เทค ความหวาดกลัวแม่มดนั้นมากเกินกว่าเธอจะยอมรักสงบ

Arcane: League of Legends

ตรงนี้ต้องใช้เวลาทำความเข้าใจพอสมควรเพราะความเร่งรีบในการเล่าด้วยเวลาที่มีจำกัด ไม่ได้มีเวลาค่อย ๆ เน้นแบบองก์ก่อนหน้า จะว่านี่เป็นตัวอย่างของจุดอ่อนในองก์นี้ที่พบเจอกับอีกหลายเหตุการณ์เลยก็ว่าได้ ซึ่งใครเก็บทันมันจะอินกับฉากรบสุดท้ายได้มากกว่า เรียกว่าน่าเสียดายทีเดียวถ้าตอนนี้มีเวลาขยี้แต่ละเหตุการณ์ให้ดีมันจะบิ้วผู้ชมได้ขนลุกมาก ๆ ทั้งการยอมทิ้งทิฐิมาจับมือกันของชาวเมืองซอนกับพิลต์โทวเวอร์เพื่อป้องกันบ้านเกิดของพวกเขา ที่มันมีฉากให้เห็นล่ะแต่มันบิ้วไม่ทันสุกดีก็ต้องรีบไป

และเมื่อมาถึงตอนสุดท้ายของซีซันและอาจเรียกได้ว่าตอนขมวดจบของเรื่องราวทั้งหมดที่เราดูมากว่า 3 ปี ซีรีส์ที่ใช้เวลาปูเต็มเม็ดเต็มหน่วยแบบขอยัดให้ทันเวลาใน 2 ตอนก่อนหน้า ก็เปิดเรื่องมาแบบไม่สนใจอะไรแล้ว เหมือนดูประวัติคู่ชกมา 2 ตอนเต็มแล้ว เปิดตอนนี้มาก็ไม่อยากเสียเวลาพิธีกรพูดแจกทองอะไรอีก เริ่มถ่ายกันที่หมัดแรกกันเลย นี่เป็นการเล่าฉากสงครามขนาดใหญ่ในหลายจุดปะทะพร้อม ๆ กัน ใครมาดูตั้งสติไม่ทันกว่าจะจูนเข้าเรื่องได้เขาก็อาจจะซัดกันนัวแล้ว แต่ถ้าตามเก็บทันจะเห็นกลยุทธ์และการรับมือกับสรรพอาวุธหลายรูปแบบทั้งสไนเปอร์ พลราบ และพลปืนใหญ่กันเลยทีเดียว จริง ๆ มันสนุกและทำได้ดีเลย ถ้ามีเวลาขยายมากขึ้นอีกหน่อยว่ามันมีการวางแผนยังไง แต่ก็เข้าใจได้ เพราะหลังจากนั้นต้องเรียกได้ว่า 1 วันพันเหตุการณ์ของแท้เลย

Arcane: League of Legends

มีเรื่องราวเกิดขึ้นเยอะมาก ๆ จนต้องกดหยุดแล้วตั้งสติว่าทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในตอนเดียวจริงสิ นี่คือทั้งต่อสู้และหักเหลี่ยมเฉือนคม ขณะเดียวกันก็ยังมีลูกหักมุมอีก และอะไรที่คิดว่าควรจะได้เห็นมันก็ใส่มาให้ได้เห้นกันหมด ทั้งการปรากฏตัวกลับมาอีกครั้งของจิงซ์ ลูกเล่นอาวุธใหม่ของเอ็กโกที่ได้จากมิติคู่ขนาน ฉากต่อสู้ที่ครีเอตทั้งสงครามบนฟ้า และการต่อสู้ตัวต่อตัวในลานประลอง รวมถึงฉากที่ครีเอตจัด ๆ อย่างการต่อสู้ในสภาวะไร้น้ำหนัก และฉากดราม่าดี ๆ ที่กระชากอารมณ์ผู้ชม นี่คือตอนเดียวที่ใส่ทุกอย่างแบบไม่เหลืออะไรค้างคาใจ

นี่อาจไม่ใช่องก์ที่ดีมากที่สุดของ ‘Arcane’ มันเห็นโจทย์ยาก ๆ ที่ต้องยอมเสียบางอย่างเพื่อรักษาบางอย่างไว้ ซึ่งสาเหตุสำคัญคือเหลือเวลาเล่าเพียงเท่านี้เอง น่าเสียดายว่าการบิ้วอารมณ์ที่ทำได้ดีมันเบาพลังลงไป แต่พูดในแง่ที่ว่ามีอะไรค้างคาใจว่าปูเอาไว้แล้วยังไม่ได้เล่าไหม มันก็ไม่มี เรียกว่ารับผิดชอบต่อคนดูมากสุดเท่าที่จะทำได้แล้ว โดยรวมแล้วยังต้องยอบรับหนัก ๆ เลยว่า ‘Arcane’ ไม่ใช่เพียงหนึ่งในแอนิเมชันซีรีส์ที่ดีที่สุดเท่าที่เราเคยได้ดูกันมา แต่มันคือปรากฏการณ์และประสบการณ์ทางภาพยนตร์ที่ไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นได้อีกไหม สักครั้งในชีวิตควรดูจริง ๆ ครับ

Arcane: League of Legends