[รีวิวซีรีส์] Money Heist ภาค 5 ชุด 1: โคตรมัน อารมณ์ท่วมท้นเป็นห่ากระสุน

Release Date

03/09/2021

ความยาว

5 ตอน ตอนละประมาณ 45 นาที

[รีวิวซีรีส์] Money Heist ภาค 5 ชุด 1: โคตรมัน อารมณ์ท่วมท้นเป็นห่ากระสุน
Our score
10.0

Money Heist

จุดเด่น

  1. โปรดักชันที่สุดแห่งคุณภาพขนาดติดช่วงโควิด บทที่ยังโคตรดีเหมือนเดิม ทั้งฉากสนทนาและการวางสถานการณ์ให้เรื่องขับเคลื่อนได้ครบทุกอารมณ์ การแสดงนี่ไม่ต้องห่วงเลยยอดฝีมือทั่วสเปนแทบจะอยู่ในเรื่องนี้แล้ว และแน่นอนการดีไซน์ฉากโชว์ที่แบบมาเหนือมาก ๆ โคตรน่าจดจำ

จุดสังเกต

  1. ยังมีการใช้ฉากย้อนอดีตที่เวิ่นเว้ออยู่บ้างนิดหน่อย แต่ดีขึ้นกว่าภาคที่แล้วเยอะมาก จนแทบไม่รู้สึก
  • บท

    10.0

  • โปรดักชัน

    10.0

  • การแสดง

    10.0

  • ความสนุกตามแนวหนัง

    10.0

  • ความคุ้มค่าการรับชม

    10.0

ไม่มีสปอยล์

เรื่องย่อ: แก๊งปล้นอยู่ในธนาคารกลางสเปนมาเป็นเวลากว่า 100 ชั่วโมง ขณะที่ศาสตราจารย์กำลังตกอยู่ในความเสี่ยง ตอกย้ำความซวยด้วยศัตรูหน้าใหม่ที่ดาหน้าเข้ามาเป็นกองทัพ

สำหรับใครที่ลืมเรื่องราวก่อนหน้าไปแล้วอ่านสรุปซีซันก่อนหน้าได้ ที่นี่

‘Money Heist’ ภาคที่ 5 ซึ่งเป็นภาคสุดท้ายได้กลับมาพร้อมกับการแบ่งออกฉายเป็น 2 ชุด โดยชุดแรกมีจำนวน 5 ตอนด้วยกัน และชุดที่ 2 จะออกฉายอีกทีในวันที่ 3 ธันวาคมนี้ ซึ่งเป็นจำนวนที่มาแบบกำลังพอดีเลยทีเดียวในแต่ละชุด เมื่อดูจากการถ่ายทำท่ามกลางสถานการณ์โรคระบาดทั่วโลกเช่นนี้ แต่คุณภาพของซีรีส์นี้เรียกได้เต็มปากว่าไม่มีลดลงเลยแม้แต่น้อย แถมยังคงตารางการออกอากาศได้อย่างที่แทบไม่สะดุดคือออกฉายภาคใหม่ได้ปีต่อปีอย่างต่อเนื่อง ต้องชื่นชมงานโปรดักชันของ แวนคูเวอร์ มีเดีย และครีเอเตอร์อย่าง อเล็กซ์ ปินา (Álex Pina) ที่ดูแลงานสร้างทั้งหมดจริง ๆ

เนื้อหาในซีซันนี้ต้องบอกว่าค่อนข้างทำได้ดีทีเดียว ไม่ใช่ในแง่ของความสนุกหรือความฉลาดที่เป็นจุดขายของหนังแนวปล้นอยู่แล้ว แต่เป็นการรวบยอดความสัมพันธ์ ความขัดแย้ง และกิมมิกที่ปูทางไว้แล้วเอามาใช้ได้แบบอยู่มือ แถมตัวซีรีส์ดำเนินมาถึง 5 ภาคน่าตกใจจริง ๆ ที่คนเขียนบทยังหาช่องทางสำหรับมุกการนำเสนอใหม่ ๆ ได้ตลอดและดีเสียด้วย

Money Heist
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ศาสตราจารย์ถูกจับตัวได้ แต่เป็นครั้งแรกที่เราคาดเดาไม่ถูกว่าเขาจะรอดจากตัวร้ายโรคจิตได้อย่างไร

เพียงเปิดตอนแรกมาเขาจะทบทวนสถานการณ์ให้เราเข้าใจอีกครั้ง ว่าผลพวงจากเหตุการณ์ในตอนสุดท้ายของภาคที่แล้วนั้น จะทำให้นับจากนี้แผนการอันรัดกุมของศาสตราจารย์ที่เป็นเกราะอันแข็งแกร่งให้เหล่าทีมปล้นจะไม่มีอีกต่อไป และสิ่งที่จะเกิดขึ้นยังเป็นการด้นสดที่ต้องอาศัยไหวพริบของตัวละครแต่ละตัวมากกว่าครั้งไหน ๆ เสียอีก แถมเพียงสถานการณ์ถกเถียงเพียงฉากเดียวก็คลี่ปมในใจของแต่ละตัวละครให้เห็นได้ชัดว่าเริ่มมีเป้าหมายหรือแนวคิดไม่ตรงกัน แค่นี้ก็สนุกมากแล้วว่าความขัดแย้งในใจแต่ละคนจะพาเรื่องราวไปเป็นแบบไหน

Money Heist

สิ่งที่ซีรีส์ทำได้ดีขึ้นอีกอย่างคือการกลบจุดอ่อนที่น่าเบื่อในภาคก่อน ทั้งการแฟลชแบ็กไปอดีตเพื่อเน้นดราม่าแบบพร่ำเพรื่อและมีส่วนดันเรื่องไปข้างหน้าได้น้อยจนจังหวะการเล่าเรื่องติด ๆ ขัด ๆ ไปบ้างเหมือนกัน แต่ในภาคนี้แม้ยังมีการเล่าย้อนหลังบ้างแต่เห็นได้ชัดว่ามันมีเป้าหมายเพื่อขับเรื่องไปข้างหน้ามากขึ้น ทั้งอดีตของเบอร์ลินช่วงหนึ่งที่ชวนให้จินตนาการไปว่าถ้าตัวละครใหม่ตัวหนึ่งเข้ามามีผลในเรื่องราวปัจจุบันจะเป็นอย่างไร และแม้การย้อนอดีตเพื่อขับดราม่าตัวละครจะยังพอมีบ้างแต่ก็รู้สึกน้อยกว่าภาคก่อนลงเยอะ และอยู่ในจุดที่ลงตัวกว่าเดิม ทั้งยังรู้สึกเล่นกับอารมณ์ร่วมของคนดูได้ดีกว่าเดิม อาจเพราะการสร้างสรรค์ฉากดราม่าในตอนจบภาคมันดีไซน์มาดีมาก ๆ ด้วย

Money Heist
เบอร์ลิน ยังเป็นตัวละครที่ส่งอิทธิพลต่อทุกภาคแม้เขาจะตายไปตั้งแต่ภาค 2 แล้วก็ตาม น่าสนใจทีเดียวว่าการเล่าย้อนอดีตครั้งนี้จะส่งผลอย่างไรต่อปัจจุบัน

นอกจากนี้ต้องชมทีมเขียนบทเลยว่าเก่งมาก ๆ ในการคลี่คลายไคลแม็กซ์แต่ละรอบได้ฉลาด หาทางลงให้ตัวละครแต่ละตัวได้ดีสมเหตุสมผล และไม่ดูพึ่งความบังเอิญโชคช่วยมากเกินไป คือถึงมีแต่ถ้าพี่แกวางปูเอาไว้มา 1-2 ภาคก่อนหน้า เพื่อเอามาใช้ในภาคนี้ในฉากนั้น ๆ แบบที่เราได้ดูก็ต้องคารวะเขาล่ะ

อีกอย่างที่ชอบคือการกระจายบทแต่ละตัวละครที่ว่ากันตามตรงมาถึงตอนนี้ทั้งฝั่งโจรฝั่งตำรวจมีเป็นสิบ ๆ ตัวละครแล้ว แต่ยังแบ่งบทให้มีฉากน่าจำของตัวเองกันได้หมดด้วย โดยเฉพาะฉากโชว์ของเซียร์ร่านี่เรียกได้ว่าติดตาตรึงใจไปเลย ไม่คิดว่าจะสร้างสรรค์ฉากนี้ใส่เข้ามาได้โคตรโหด และการตัดสินนัดแก้มือระหว่างกานเดียกับโตเกียวก็เป็นอะไรที่หลากอารมณ์สุด ๆ ด้วยเช่นกัน

Money Heist

และจุดที่ทำให้ไม่มีทางน่าเบื่อได้เลย คือบีตการเล่าเรื่องที่รัวแอ็กชันมันมาก ทั้งห่ากระสุนทั้งระเบิดที่ใช้กันได้มันหยด ดุดันและน่าตื่นเต้นสุด ๆ ไม่เพียงเท่านั้นการชิงไหวชิงพริบสู้รบกันในพื้นที่จำกัดและเงื่อนไขที่เสียเปรียบของแต่ละฝั่ง ก็ทำให้ฉากแอ็กชันมันไม่เบาโหวงแต่กระตุ้นสมองผู้ชมให้ทำงานตลอดเวลาว่าจะแก้สถานการณ์เหล่านั้นอย่างไร ช่วงตอนที่ 2 และตอนที่ 4 กับ 5 น่าจะเป็นฉากแอ็กชันที่สนุกสุด ๆ ที่เคยดูมาเลย และเมื่อไปดูสารคดีเบื้องหลังการสร้าง ก็บอกได้เลยว่างานละเอียดมากฉากที่ดูกันหลักสิบนาทีถ่ายทำกันไม่ต่ำกว่า 3 อาทิตย์เป็นอย่างน้อย

Money Heist

และไม่เพียงฉากการรบที่พูดได้เต็มปากว่าภาคนี้คือสงครามจริง ๆ แล้ว ฉากลุ้นระทึกที่เอามาตัดคู่ขนานกันอย่างสถานการณ์สู้กันทางจิตวิทยาระหว่างศาสตราจารย์กับเซียร์ร่าที่พบที่หลบซ่อนของเขา หรือกับผู้พันตามาโยที่กำลังเดือดดาลพร้อมปล่อยสัตว์ร้ายอย่างหน่วยรบพิเศษเข้าสังหารหมู่ ก็เป็นอะไรที่สนุกมากไม่แพ้กัน ตรงนี้ทั้งบทสนทนา จังหวะการตัดต่อ มุมกล้อง ลงตัวหมด ดีงามไม่แพ้ฉากยิงกัน เป็นเหตุผลภาค 5 นี้หาช่วงน่าเบื่อยากมาก

Money Heist

ถ้าจะมีจุดขัดใจ ก็คงเป็นการมีฉากย้อนอดีตกับฉากดราม่าที่ตัวละครพูดคุยเปิดใจที่เวิ่นเว้อเกินจำเป็นอยู่บ้างนิดหน่อย แต่เอาจริงก็ถือว่าไม่ต้องใส่ใจได้เมื่อเทียบกับความมันตลอด 5 ตอนที่ซรีส์ภาคนี้มอบให้

ตรงนี้คงไม่ต้องพูดอะไรกันอีกแล้ว นี่เป็นภาคที่มันมาก มีจังหวะพักจังหวะกระตุ้นที่ลงตัวขึ้น แถมหยอดเนื้อหาใหม่ ๆ ที่ขับเคลื่อนเรื่องไปข้างหน้าได้มากกว่าเล็งผลดราม่าฟูมฟายซ้ำซากอย่างภาคก่อน ดูจบแล้วอยากวาร์ปไปต้นธันวาคมอย่างไวเลย

Money Heist

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส