Release Date
17/09/2021
Episodes
8
Cast
Asa Butterfield Gillian Anderson Ncuti Gatwa Emma Mackey
Streaming Service
Netflix
Our score
8.9[รีวิวซีรีส์] Sex Education Season3 – สนุกอย่างเข้าใจ..วัยเจริญพันธุ์
จุดเด่น
- ซีรีส์ผสมผสานระหว่างมุกตลกกับความดราม่าได้กลมกล่อมมาก
- ประเด็นทางเพศที่พูดถึงในซีรีส์เป็นเรื่องที่ใหม่และร่วมสมัยมากเหมาะแก่การที่พ่อแม่หรือครูอาจารย์จะดูเพื่อทำความเข้าใจเยาวชนอย่างยิ่ง
- ทีมนักแสดงทำหน้าที่ได้ดี สดใสและมีฝีมือการแสดงที่ดีพอให้คนดูรักและเอาใจช่วย
จุดสังเกต
- แม้จะเบาฉากเซ็กส์ลงแต่ก็ยังมีอยู่บ้างดังนั้นจึงเหมาะสำหรับผู้ชมอายุ 18 ปีขึ้นไปอยู่ดี
-
ความลงตัวของบทซีรีส์
9.0
-
คุณภาพงานสร้าง
8.5
-
คุณภาพนักแสดง
9.0
-
ความน่าติดตามในแต่ละตอน
9.0
-
ความคุ้มค่าเวลาในการติดตามชม
9.0
เดินทางมาถึงซีซันที่ 3 จนได้สำหรับซีรีส์วัยรุ่นวุ่นเซ็กส์ที่ทำให้การพูดเรื่องเพศกลายเป็นหัวข้อสนทนาและถกเถียงคู่ไปกับการเปลี่ยนแปลงและไหลเลื่อนตามกระแสสังคมโลกตั้งแต่ซีซันแรกในปี 2019 ที่ถึงกับทำให้พรรคพลเมืองไทยและกลุ่มพลังผู้หญิงเพื่อพลเมืองไทยออกมาร้องกับ กสทช.ตามที่เป็นข่าวไปจนถึงซัีซัน 2 ในปี 2020 ที่ซีรีส์หนักข้อถึงขั้น “ให้การศึกษา” กับสังคมในด้านรสนิยมทางเพศที่มีมากกว่าแค่หญิงชายเหมือนที่ผ่านมา
สำหรับเนื้อหาในซีซััน 3 ก็จะดำเนินต่อจากซีีซันที่แล้วที่มีเรื่องราวการเปลี่ยนแปลงมากมายทั้งการทะเลาะกันระหว่างเมฟกับโอทิสและการมูฟออนไปคบหากับสาวฮอตประจำโรงเรียนของฝ่ายหลัง การตัดสินใจคบหากันระหว่างอีริกกับอดัม และความสัมพันธ์ครั้งใหม่ของ ดร.จีน คุณแม่ของโอทิสที่กำลังตั้งครรภ์และนำไปสู่การร่วมชายคาระหว่างโอทิสกับโอลาอดีตคนรักอีกครั้ง
ซึ่งในส่วนของตัวละครวัยรุ่นและความสัมพันธ์สุดว้าวุ่นของพวกเขาเองก็ยังคงน่าสนใจและชวนติดตามในทุกตอนอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ดูเหมือน ลอรี นันน์ (Laurie Nunn) ดูจะหนักข้อเป็นพิเศษในซีซันนี้เห็นจะเป็นเรื่องของการมอบมุมมองการเติบโตทางความคิดในเรื่องเพศศึกษาต่อผู้ใหญ่ตั้งแต่การมาถึงของครูใหญ่คนใหม่อย่าง โฮป แฮดดอน (รับบทโดย เจไมมา เคิร์ค – Jemima Kirke) ที่พยายามกอบกู้ภาพลักษณ์โรงเรียนด้วยมาตรการขั้นเด็ดขาดที่ขัดกับธรรมชาติและอุดมการณ์ของวัยรุ่นในโรงเรียนมัวส์เดล
ดังนั้นนอกจากเส้นเรื่องหลักของโอทิสกับเมฟที่มีเรื่องราวเกี่ยวพันกับครอบครัวกันทั้งคู่เป็นเส้นเรื่องหลักแล้ว เหตุการณ์ความเปลี่ยนแปลงในโรงเรียนเองกลับกำลังตบหน้าผู้ใหญ่ในสังคมให้ตื่นมายอมรับในความเปลี่ยนแปลงทางสังคมทั้งการพูดถึงอัตลักษณ์และตัวตนของนักเรียนที่เป็น นอนไบนารี (Non-Binery) หรือแบบไม่ระบุเพศ ไปจนถึงรสนิยมทางเพศที่เน้นแฟนตาซีหลุดโลกที่กลายเป็นการโยนคำถามใหญ่ ๆ ให้กับพ่อแม่ผู้ปกครองและครูในการทำความเข้าใจและชี้ทางหาคำตอบให้เยาวชนในวัยเจริญพันธุ์ได้ดีทีเดียว
และแม้จะลดโทนความเซ็กซีหรืออีโรติกลงมาจากซีซันแรกค่อนข้างเยอะแต่ก็ต้องยอมรับว่าอารมณ์โรแมนติกและการถ่ายทอดความอีโรติกของซีรีส์ทำได้สวยงามและดูเติบโตมากขึ้นทั้งคู่ชายหญิงอย่างโอทิสกับรูบีสาวฮอตประจำโรงเรียนที่ดูวาบหวามแม้ไม่โจ๋งครึ่มนักแต่ก็ยังดูเซ็กซีจากหน้าตาและรูปร่างของมีมี คีน (Mimi Keene) ไปจนถึงคู่ชายชายอย่างอีริกกับอดัมที่ไม่เน้นความโป๊แต่กลับดูสวยงามและช่วยทะลายอคติหรือการตีตราเรื่องรุก- รับที่คนดูมีต่อเซ็กส์ของคู่รักเกย์ได้อย่างราบคาบ
ว่ากันถึงนักแสดงทีมเดิมทั้ง เอซา บัตเตอร์ฟีลด์ (Asa Butterfield) เอ็มมา แมคคีย์ (Emma Mackey) จิลเลียน แอนเดอร์สัน (Gillian Anderson) นคูตี กัตวา (Ncuti Gatwa) เอมี กิบบส์ (Amy Gibbs) และ แพทริเซีย อัลลิสัน (Patricia Allison) ต่างก็ทำหน้าที่ได้ดีอยู่แล้ว ส่วนนักแสดงหน้าเดิมที่โชว์ฝีมือได้อย่างน่าทึ่งคงต้องยกให้ คอนเนอร์ สวินเดลลส์ (Connor Swindells) ในบทอดัมทีี่กุมหัวใจคนดูได้อยู่หมัดหรือจะเป็น ทันยา เรย์โนลด์ส (Tanya Reynolds) ในบทลิิลลีเด็กสาวผู้เชื่อในเอเลียนแต่เหมือนสังคมจะไม่เข้าใจเธอนักก็ถ่ายทอดความแปลกแยกออกมาจนเรารู้สึกใจสลายตามเธอได้
อีกจุดหนึ่งที่มองว่าซีรีส์ในซีซันที่ี 3 ทำได้ดีมากคือการให้โอกาสเราเห็นผู้ใหญ่ในเรื่องเติบโตทางความคิดโดยเฉพาะผู้ใหญ่อย่างครูใหญ่คนใหม่อย่างโฮป แฮดดอนซึ่งได้การแสดงของเจไมมา เคิร์คมาช่วยให้มันไม่ดูเป็นผู้ร้ายแบน ๆ และมีแง่มุมที่น่าเห็นใจอยู่และการให้พื้นที่กับตัวละครไมเคิล กรอฟฟ์ที่พยายามปรับปรุงตัวหลังต้องเสียภรรยาและลูกชายอย่างอดัมไปเพราะโทสะของตัวเองที่ทำให้เราลุ้นและใจสลายได้หลายครั้งเลยทีเดียวเมื่อซีรีส์ให้พื้นที่เพื่อบอกว่าบางทีแม้แต่ผู้ใหญ่ก็ยังพลาดได้บ่อย ๆ เหมือนกัน
นอกจากนี้ความดีงามที่ซัีรีส์ทำได้ดีมาตลอดนอกจากความลงตัวระหว่างมุกตลกที่ใส่มาถูกจังหวะได้คะแนนในส่วนคอเมดีไปเต็ม ๆ เคล้ากับดราม่าความสัมพันธ์ชวนติดตามแล้ว ในส่วนของเพลงประกอบซีรีส์ยังถูกเลือกได้อย่างเหมาะเจาะเสริมอารมณ์แต่ละฉากได้เป็นอย่างดีโดยเฉพาะเพลงของ เอซรา เฟอร์แมน (Ezra Furman) ที่ถูกหยิบมาประกอบฉากต่าง ๆ ที่บอกได้เลยว่ากลมกลืมและเข้ากันมาก ๆ โดยเฉพาะแทร็กเด่นอย่าง ‘Mysterious Power’ และ ‘Dressed in Black’ ที่น่าจะกลายเป็นแทร็กติดหูได้ไม่ยากหลังดูซีรีส์จบ
อ้างอิง
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส