[รีวิว] WAY DOWN หยุดโลกปล้น – โจรกรรมโคตรเนิร์ดที่สนุกลุ้นระทึกน้อง ๆ Ocean’s

Our score

8.8

Release Date

13/10/2021

แนว

แอ็กชัน / ระทึกขวัญ

ความยาว

1.58 ชม. (118 นาที)

เรตผู้ชม

น 15+

ผู้กำกับ

'เฆาเม บาเลเกโร' (Jaume Balagueró)

Our score

8.8

[รีวิว] WAY DOWN หยุดโลกปล้น – โจรกรรมโคตรเนิร์ดที่สนุกลุ้นระทึกน้อง ๆ Ocean’s

จุดเด่น

1. หนังดูสนุก ดูเพลิน ปฏิบัติการปล้นออกแบบมาได้ฉลาดล้ำมาก ๆ
2. ไต่ความระทึกให้ได้ลุ้นทุกวินาที ภายใต้พล็อตเข้าใจได้ไม่ยาก
3. ตัวละครดูเข้าถึงง่าย โดยเฉพาะ 'Freddie Highmore' เสน่ห์แรงมาก นี่มัน Handsome Nerd ชัด ๆ
4. บทบันเทิงมาก แต่ละเควสฉลาดและซับซ้อน มีอารมณ์ขันแทรก มีแอบแซวหนังปล้นรุ่นพี่ด้วย

จุดสังเกต

1. มีความคุมโทนให้แมสและดูง่าย
2. พล็อตอาจไม่ได้ซับซ้อนมาก เหมาะที่จะดูเพื่อความบันเทิง ดูเอารส แต่ถ้าดูเอาเรื่องอาจยังเข้มข้นน้อยไปหน่อย
3. หนังแอบมีขนบหนังจารกรรมจากเรื่องอื่น ๆ เข้ามาผสม

• ความสมบูรณ์ของเนื้อหา

  8.6

• คุณภาพงานสร้าง

  9.5

• คุณภาพของบท / เนื้อเรื่อง

  8.5

• การตัดต่อ / การลำดับ และการดำเนินเรื่อง

  8.5

• ความคุ้มค่าเวลาในการรับชม

  9.0

เรื่องย่อ ‘ธอม’ (Freddie Highmore) หนุ่มอัจฉริยะโดนทาบทามจากเซียนงานศิลปะ ‘วอลเตอร์’ (Liam Cunningham) ให้มาร่วมทีมชิงสมบัติโบราณที่จะถูกเก็บไว้ในธนาคารเพียงแค่ 10 วัน ธอมและทีมต้องวางแผนโจรกรรมพร้อมเอาตัวรอดออกจากธนาคารที่ได้ชื่อว่าไม่มีวันถูกปล้น ภายใต้ระยะเวลา 105 นาทีของการแข่งขันฟุตบอลโลกนัดชิงชนะเลิศระหว่างสเปนและฮอลแลนด์ที่ทุกคนจดจ่อกับการแข่งขันจนอาจเปิดช่องให้พวกเขาได้ทำการโจรกรรมที่เป็นไปไม่ได้นี้

หนังแนวโจรกรรม หรือหนังแนวปล้นนั้นถือเป็นอีกแนวที่มีออกมาเรื่อย ในปีนี้ก็มีหนังปล้นออกมาให้ได้ดูกันอีกเรื่องแล้วครับ คราวนี้เป็นหนังสเปน พูดอังกฤษผสมสเปน ผลงานการกำกับโดย ‘เฆาเม บาเลเกโร’ (Jaume Balagueró) ที่เคยสร้างความชื่นชมกับหนังสยองขวัญภาคต่อ ‘Rec’ (2007) และ ‘[Rec]²’ (2009) นั่นก็คือ ‘WAY DOWN’ หรือ ‘หยุดโลกปล้น’ ส่วนในสเปนจะใช้ชื่อหนังว่า ‘The Vault’ ที่แปลตรงตัวว่าตู้เซฟนี่แหละ

ตัวเนื้อเรื่องไม่มีอะไรซับซ้อนครับ เป็นเรื่องของทีมโจรกรรมทีมหนึ่งที่มี ‘วอลเตอร์’ (Liam Cunningham) เป็นหัวหน้า ที่ต้องการปล้นเหรียญ 3 เหรียญสำคัญของราชวงศ์สเปน ที่เคยจมอยู่ใต้น้ำเมื่อสมัยโบราณ แต่สุดท้ายแล้ว เหรียญทั้งสามก็ต้องกลับไปสู่รัฐบาลสเปน กลายเป็นสมบัติของชาติ วอลเตอร์จึงว่าจ้างให้ ‘ธอม’ (Freddie Highmore) หนุ่มอังกฤษจบใหม่ที่มีพรสวรรค์ด้านความอัจฉริยะ มาช่วยร่วมทีมในปฏิบัติการที่ ‘เป็นไปไม่ได้’ ด้วยการบุกเข้าปล้น ‘ธนาคารแห่งชาติสเปน’ ที่ขึ้นชื่อว่า เป็นธนาคารที่มีระบบรักษาความปลอดภัยแน่นหนาที่สุดในโลก ที่ขึ้นชื่อว่าไม่มีใครปล้นได้ หรือถ้าปล้นได้ ก็ไม่อาจเอาตัวรอดออกไปได้

แถมชั้นใต้ดินธนาคารที่ยังมีตู้เซฟขนาดยักษ์ที่ถูกสร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยีเมื่อร้อยกว่าปีก่อน แต่ก็ไม่มีใครที่กล้าจะแหยมเข้ามาปล้นได้ง่าย ๆ เพราะตู้เซฟแห่งนี้ไม่มีพิมพ์เขียว ไม่มีข้อมูล และแทบจะไม่มีใครล่วงรู้กลไกการทำงานเลย ธอมที่ต้องการความท้าทายหลังเรียนจบ จึงต้องเดินทางไปสเปนเพื่อค้นหาว่า ตู้เซฟนี้ทำงานอย่างไร พร้อมกับร่วมทีมโจรกรรมครั้งใหญ่ที่่สุด ซึ่งพวกเขาเลือกที่จะใช้วันและเวลาแข่งขันฟุตบอลโลก 2010 นัดชิงชนะเลิศระหว่างสเปนและฮอลแลนด์ พวกเขาจึงมีเวลาระหว่างการแข่งขันเพียง 105 นาทีเพื่อโจรกรรมเหรียญที่มีมูลค่าสูงมิอาจประเมินค่าได้ และยังต้องเอาตัวรอดออกมาจากธนาคารและโคตรตู้เซฟให้ได้ด้วย

ตัวหน้าหนังเอง ก็ต้องยอมรับว่า เป็นหนังที่หน้าหนังเล็กพอสมควร แถมช่วงนี้ยังโดนหนังใหญ่ (ที่ต่างก็เลื่อนหนีโควิดมามะรุมมะตุ้มกันในช่วงนี้) แล้วยิ่งมีหนังใหญ่ที่มีแนวแอ็กชัน สืบสวนสอบสวนใกล้ ๆ กันอย่าง ‘007 No Time To Die’ ด้วย หนังเรื่องนี้ก็ยิ่งเล็กเข้าไปใหญ่ แต่จะประมาทหนังสเปน (พูดอังกฤษผสมสเปน) เรื่องนี้ไม่ได้นะครับ เพราะแม้ว่าหนังปล้น โดยเฉพาะการปล้นแบบอัจฉริยะแบบนี้จะมีออกมาเยอะแยะไปหมด แต่หนังเรื่องนี้ก็ถือว่าดูสนุกกว่าที่คาดคิดไว้เลยแหละ

เรียกได้ว่าสนุกเกินความคาดหมาย (ของผู้เขียน) จากหน้าหนังไปมากทีเดียว จริง ๆ จุดเด่นหลักของตัวหนังก็คือ การคุมโทนให้ออกมาแมสและดูง่ายนี่แหละครับ ง่ายในระดับที่ชาวบ้านร้านตลาดก็น่าจะเข้าถึงได้ไม่ยากเลย แต่ถึงกระนั้นก็เถอะ ด้วยพล็อต บทสนทนา และกราฟการดำเนินเรื่องก็ยังเต็มไปด้วยความฉลาดล้ำมาก ๆ โดยเฉพาะแผนการเข้าถึงตู้เซฟใต้ดินอายุร้อยปี ที่ว่าคนออกแบบก็โคตรฉลาดแล้วนะ แต่ทีมปล้นนี่เรียกได้ว่าโคตรของโคตรฉลาดอีกที โดยในเรื่องจะไม่ได้แค่เล่าว่าปล้นยังไง แล้วเข้าไปปล้น แต่จะเล่าเรื่องวิธีการเข้าไปปล้น ตั้งแต่การเข้าไปล้วงแผนผัง หาทางหนีทีไล่ พร้อมกับขั้นตอนการปล้นที่คิดมาแล้วทุกเม็ด แถมวิธีการเข้าไปในตู้เซฟก็ไม่ใช่คิดขึ้นมามั่ว ๆ เอาล้ำ แต่ใช้หลักการวิทยาศาสตร์จริง ๆ มาประยุกต์ใช้ได้อย่างน่าทึ่ง

เรียกได้ว่าเราจะได้ลุ้นกัน 2 ขยักใหญ่ ๆ เลยคือ ครั้งแรกที่ต้องเข้าไปสืบหาแผนผังธนาคารที่โคตรแน่นหนา และขยักสองที่ต้องเข้าไปทำการปล้นจริง ๆ ซึ่งในแต่ละปฏิบัติการ ตัวหนังสามารถไต่ความระทึกให้ได้ลุ้นทุกวินาที เรียกว่าลุ้นในลุ้นในลุ้น ลุ้นแล้วลุ้นอีกว่าสุดท้ายแล้วจะพลาดหรือไม่พลาด ภายใต้พล็อตที่เอาจริง ๆ แม้ว่าจะฉลาดล้ำ แต่ก็เข้าใจได้ไม่ยากเลยครับ แถมยังมีบทที่ออกจะค่อนข้างบันเทิงมาก ๆ เลย แถมบทพูดก็ยังมีอารมณ์ขันแทรกเล็ก ๆ อยู่ตลอด (มุกบางอันนี่แสบใช้ได้เลย) แถมยังมีอะไรบางอย่างเกี่ยวกับหน่วยสืบราชการ MI6 ที่ชวนให้คิดถึงเจมส์ บอนด์ตะหงิด ๆ ด้วย ส่วนจะเกี่ยวกันยังไงต้องลองไปดูครับ

ตัวหนังโดยรวม ๆ จึงเรียกได้ว่าสามารถดูเป็นความบันเทิงได้แบบทั้งลุ้นทั้งเพลิน พร้อม ๆ กับโปรดักชันที่ออกแบบได้ดี และมีภาพมุมสูงที่ถ่ายให้เห็นโลเกชันหลักทั้งในลอนดอน อังกฤษ และกรุงมาดริด สเปนได้สวยงามมาก ๆ และที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือ ตัวนักแสดงครับ ที่ออกแบบคาแร็กเตอร์ได้ดูฉลาดแต่ไม่ดูฉลาดจนเวอร์ โดยเฉพาะ ‘ธอม’ ที่รับบทโดย ‘Freddie Highmore’ นี่ ขนาดผู้้เขียนเองที่เป็นผู้ชาย ก็ยังรู้สึกได้เลยว่าเสน่ห์แรงมาก ๆ ครับ นี่มันผู้ชายลุค Handsome Nerd (เนิร์ดแบบหล่อ ๆ ) ชัด ๆ

อย่างที่เกริ่นไปตอนต้นว่า ตัวหนังนั้นดูไม่ยาก ในมุมหนึ่งมันก็เป็นหนังแมสที่ดูง่าย แต่ในอีกแง่หนึ่ง ก็มองเป็นข้อสังเกตได้เหมือนกัน เพราะตัวหนังเองเท่าที่สังเกตก็คือ มีการคุมโทนของหนังให้ออกมาแมสและดูง่าย ที่แมสแน่ ๆ เลยก็เช่น การเลือกเล่าเรื่องย้อนไปช่วงเวลาปี 2010 ที่ทีมชาติสเปนสามารถพลิกขึ้นมาเป็นแชมป์ฟุตบอลโลกได้เป็นครั้งแรก ผู้เขียนเดาเอาเองว่า นี่อาจเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ใหญ่มาก ๆ ของประเทศที่ผู้กำกับน่าจะมองว่า น่าจะเมกเซนส์และเหมาะที่สุดในการวางพล็อตปล้น ในช่วงเวลาที่ไม่มีคนสเปนคนไหนไม่สนใจบอลโลก และแถมยังมีเรื่องเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยที่อาจมีช่องโหว่ ลงไปใส่ด้วยกันได้อย่างฟิตพอดิบพอดี คือถ้าจะให้มาบุกมาปล้นกันช่วงโควิดตอนนี้ ก็อาจจะดูกร่อย ๆ ไปหน่อยนะ (555)

แต่อย่างไรก็ตาม ข้อสังเกตสำคัญของหนังเรื่องนี้ ก็ต้องยอมรับว่า มันก็มีความดูง่าย จนหลีกหนี ‘ขนบ’ จากหนังแนวโจรกรรม แนวปล้นจากเรื่องอื่น ๆ ที่เคยมีมา จำพวกซีรีส์ ‘ทรชนคนปล้นโลก’ (Money Heist) หรือหนังโจรกรรมตระกูลโอเชียน (Ocean’s) ได้ไม่พ้นเสียทีเดียว และด้วยความดูง่าย ในอีกมุมหนึ่งมันก็ทำให้พล็อตไม่ได้ซับซ้อนเท่าไหร่ ถ้าจะดูเอาเรื่องแบบล้ำ ๆ ไปเลย อาจรู้สึกว่าเรื่องราวอาจเข้มข้นน้อยไปหน่อย

แต่อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนเองก็เชียร์ให้ไปดูกันนะครับ เพราะแม้ว่าจะไม่ได้ซับซ้อนอย่างเอาเรื่อง แต่หนังเรื่องนี้ก็มีให้ครบอย่างที่หนังบันเทิงแมส ๆ เรื่องหนึ่งมีให้ได้ เหมาะกับวันหยุดที่อยากไปโรงหนังเพื่อดูหนังแบบเอารสเอาชาติ ดูเพื่อความบันเทิงผ่อนคลาย ดูแล้วได้ลุ้นกับแผนฉลาด ๆ ที่เล่าได้อย่างเป็นเหตุเป็นผลอย่างน่าทึ่ง บวกกับปฏิบัติการปล้นที่มีจุดพลิกจุดเปลี่ยนให้ได้ลุ้นระทึก แฝงด้วยอารมณ์ขันเล็ก ๆ น้อย ๆ ทำให้หนังเรื่องนี้เป็นหนังปล้นที่ลุ้นระทึกได้ในระดับน้อง ๆ หนังตระกูลโอเชียนเลยแหละ

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส