Rate : R 1h 47m
Director Joe Carnahan
Writers Kurt McLeod(screenplay)Joe Carnahan(screenplay)Mark Williams(story)
Stars Gerard ButlerFrank GrilloAlexis Louder
Our score
7.6[รีวิว] Copshop : มาเงียบ ๆ แต่สาดกระสุนเพียบนะครับ
จุดเด่น
- ไม่เจอหนังแอ็กชันดุ ๆ สาดกระสุนในพื้นที่จำกัดแบบนี้มานานแล้ว
- เล่าเรื่องได้กระชับ โหด พูดน้อยยิงเยอะ
- ตัวละครทุกตัวมีสีสัน กระจายน้ำหนักได้ดี ประทับใจ โทบี้ ฮัส
จุดสังเกต
- มั่นใจกับหน้าใหม่อย่าง อเล็กซิส เลาเดอร์ เกินไป ถึงกับมอบบทนำให้ ทั้งที่เธอยังไม่มีเสน่ห์พอ
-
คุณภาพงานสร้าง
6.0
-
คุณภาพนักแสดง
7.0
-
บทภาพยนตร์ ตรรกะ ความสมเหตุสมผล
8.0
-
ความสนุกตามสไตล์หนังแอ็กชัน
9.0
-
คุ้มค่าตั๋ว และเวลาการรับชม
8.0
หนังแอ็กชันที่ว่าด้วยสถานการณ์คับขันวุ่นวายในสถานที่ปิดล้อมยังคงใช้ได้ผลเสมอ ถ้าอยู่ในมือผู้กำกับที่มีประสบการณ์ ไม่หน่อมแน้มเกินไปนัก หนังในทำนองที่ว่านี้เด่น ๆ ก็มี Assault on Precint 13 หรือ Die Hard และมาถึง Copshop ก็เป็นอีกเรื่องที่ว่าด้วยความวุ่นวายในสถานที่จำกัด เรื่องนี้ที่ได้ผู้กำกับขาเก๋าอย่าง โจ คาร์นาฮาน (Joe Carnahan) มารับหน้าที่ ถ้าไล่เรียงผู้กำกับสายแอ็กชันของฮอลลีวูดแล้วล่ะก็ จะต้องมีชื่อของคาร์นาฮานอยู่ในลำดับต้น ๆ เพราะผลงานที่ผ่านมาก็ล้วนรับประกันความมันส์ได้ชัดเจนอยู่แล้วทั้ง Narc, The A-Team, Smokin’ Aces และ The Grey เมื่อปีที่แล้วก็เพิ่งมี Boss Level เรื่องนี้คาร์นาฮานเหมาหน้าที่กำกับและดัดแปลงเนื้อหาที่ มาร์ก วิลเลียมส์ (Mark Williams) เขียนไว้มาเป็นบทภาพยนตร์
เรื่องราวเริ่มต้นด้วยตัวละครที่เป็นจุดศูนย์กลางของเรื่อง เท็ดดี้ มูเร็ตโต รับบทโดย แฟรงก์ กิลโล (Frank Grillo) นักต้มตุ๋นจอมกะล่อน ที่กำลังหนีเอาชีวิตรอดอย่างหัวซุกหัวซุน เพราะอยู่เบื้องหลังการตายอัยการรัฐ มูเร็ตโตทำงานให้กับเจ้าพ่อคาสิโน เขาถูกส่งไปเป็นตัวกลางเจรจาจ่ายสินบนให้กับอัยการรัฐ แต่ถูกอัยการปฏิเสธ เจ้าพ่อเลยส่งคนมาเก็บอัยการรัฐ มีหลักฐานมัดตัวมูเร็ตโต เขาเลยซัดทอดไปยังเจ้าพ่อที่เป็นผู้ว่าจ้าง กลายเป็นคราวซวยของจริง เมื่อเจ้าพ่อตั้งค่าหัวมูเร็ตโตไว้สูง มีมือปืนระดับพระกาฬทั่วทิศหมายหัวมูเร็ตโต ทำให้มูเร็ตโตจงใจสร้างสถานการณ์วุ่นวายเพื่อให้ตำรวจเอาตัวเข้าคุก เพราะคิดว่าน่าจะเป็นที่ที่เขาปลอดภัยที่สุด และแล้วคุกใน สน.เล็ก นอกรัฐเนวด้าก็กลายเป็นสมรภูมิเดือด เมื่อมือปืนขาเก๋า 2 ราย ต้องมาห้ำหั่นกันเพื่อเอาชีวิตมูเร็ตโต้ที่อยู่ในห้องขัง
พูดได้เลยว่า Copshop เป็นหนังแอ็กชันที่น่าจะถูกใจคอหนังสายบู๊สาดกระสุน คาร์นาฮานเล่าเรื่องได้เข้มข้น เดินเรื่องเร็ว จัดหนักจัดเต็มในเวลาเพียงแค่ 1 ชั่วโมง 47 นาที เห็นชัดว่าถ้าหนังมีองค์ประกอบครบ ทั้งผู้กำกับและนักแสดงที่มีฝีมือ บทหนังที่ดี หนังก็สนุกได้โดยไม่ต้องใช้งบมากมายอลังการงานสร้าง แล้วเรื่องนี้ก็ได้ เจอร์ราร์ด บัตเลอร์ (Gerard Butler) มารับบทเป็น บ็อบ วิดดิก มือปืนรับจ้างมากประสบการณ์ ที่มาในลุคซกมกหนวดเครารุงรังซึ่งเป็นบทที่เหมาะกับบัตเลอร์มาก แบบหลับตาเล่นยังได้เลย มาประชันกับ แฟรงก์ กิลโล ขาประจำสายหนังแอ็กชันอีกคน ที่เพิ่งร่วมงานกับคาร์นาฮานมาใน Boss Level เราก็เลยได้เห็นตัวพ่อสายหนังแอ็กชัน 2 คนนี้มาสาดกระสุนกัน
แต่บอกเลยว่าเรื่องนี้มีตัวขโมยซีน และสร้างสีสันให้หนังได้อย่างมาก เขาก็คือ โทบี้ ฮัส (Toby Huss) ดาราตัวประกอบตลอดกาลที่คุ้นหน้าแต่ไม่คุ้นชื่อ เพราะผ่านงานแสดงมาแล้วกว่า 150 เรื่อง ฮัสมาในบท แอนโธนี แลมบ์ มือปืนอีกคนที่มาตามล่าค่าหัวมูเร็ตโต้ นับตั้งแต่นาทีแรกที่แลมบ์ปรากฏตัวนั้น หนังเพิ่มดีกรีความดุเดือดขึ้นมาอย่างสัมผัสได้ชัด เพราะแลมบ์คือมือปืนที่ทั้งโหดเลือดเย็นและโรคจิต ยิงคนได้อย่างไม่รู้สึกรู้สา หัวเราะไปยิงไปอย่างคนอารมณ์ดี การมาถึงของแลมบ์ทำให้อารมณ์หนังลุ้นระทึกขึ้นมาก รู้สึกได้เลยว่าชีวิตของตัวละครที่เหลือในเรื่องนี้ล้วนอยู่ในภาวะอันตราย
แต่ที่ว่าทั้งหมดนี้ ยังไม่ใช่ตัวละครเด่นสุดของ Copshop ซึ่งคาร์นาฮานมอบหมายตำแหน่งนี้ให้กับนักแสดงหน้าใหม่ อเล็กซิส เลาเดอร์ (Alexis Louder) สาวผิวสีที่มีประสบการณ์ในทีวีซีรีส์มาเยอะมาก เธอรับบทเป็น วาเลรี ยัง ตำรวจหญิงผู้ตงฉินประจำ สน. และโปรดปรานการสาดกระสุนเป็นพิเศษ ก็ถือว่าคาร์นาฮานมอบงานหนักให้เธอพอควรกับบทนี้ เพราะเธอได้โชว์ทั้งสาดกระสุน และต่อสู้ด้วยมือเปล่า แต่ดูแล้วบทที่คาร์นาฮานเขียนก็เป็นบทที่ส่งเธออย่างมาก เป็นบทที่ฉลาด ไหวพริบดีเอาตัวรอดได้เก่ง และทันคน จุดที่ชอบที่สุดในบทของคาร์นาฮาน คือการทิ้งรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ไว้รายทาง ที่ดูเหมือนไม่สลักสำคัญอะไร แต่ก็ถูกหยิบมาใช้ได้ในช่วงไคลแมกซ์
ดูแล้วก็น่าเสียดายครับ หนังที่มาพร้อมทั้งผู้กำกับเก่ง นักแสดงมีชื่อ กับเนื้อหาที่เข้มข้น บรรดานักวิจารณ์พร้อมใจกันเทคะแนนให้ใหน Rottentomatoes ถึง 82% แต่หนังกลับไม่ประสบความสำเร็จตอนที่ออกฉายในสหรัฐฯ เมื่อเดือนกันยายน แม้ว่าจะได้โรงฉายมากกว่า 3,000 โรง แต่กลับทำเงินไปได้ถึงวันนี้แค่ 6.6 ล้านเหรียญเท่านั้นเอง ก็ถือว่ายังดีนะ ที่หนังยังได้มาฉายในไทย ให้เราได้ไปมันส์กันบนจอใหญ่ แนะนำนะครับคอหนังแอ็กชันไม่ผิดหวังแน่นอน