Our score
8.5Don't Look Up
จุดเด่น
- รวมดาราระดับตัวพ่อตัวแม่แต่ละยุคมารวมกันได้คับคั่ง บทสุดแสนเสียดสีตลกร้ายเหมาะกับผู้ใหญ่ที่สนใจบริบทโลกแบบฉบับผู้กำกับและเขียนบทรางวัลออสการ์อย่าง อดัม แมกเคย์
จุดสังเกต
- น่าจะเหมาะกับคนที่โตหน่อย และสนใจแนวหนังตลกร้ายที่ว่าด้วยการเมือง หนังมีจังหวะอืดบ้าง ซีจีไม่เนียนบ้าง แต่โดยรวมสำหรับเน็ตฟลิกซ์ก็เป็นดราม่าตลกร้ายทุนสูงมากเรื่องหนึ่งเลย
-
บท
9.0
-
โปรดักชัน
8.5
-
การแสดง
9.0
-
ความสนุกตามแนวหนัง
9.0
-
ความคุ้มค่าการรับชม
8.0
เรื่องย่อ: สร้างจากเค้าโครงเรื่องจริงที่ (ยัง) ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เรื่องราวของนักดาราศาสตร์ระดับล่าง 2 คนที่ต้องออกเดินสายประชาสัมพันธ์ครั้งสำคัญเพื่อเตือนให้มวลมนุษยชาติรู้ว่าดาวเคราะห์น้อยดวงหนึ่งกำลังจะพุ่งเข้ามาชนโลกจนย่อยยับ
หลังจากเปรี้ยงปร้างกับหนังเสียดสีวงการการเงินจากเรื่องจริงอย่าง ‘The Big Short’ (2015) ที่เข้าไปสร้างความหวือหวาในเวทีออสการ์ปี 2016 ผู้กำกับ อดัม แมกเคย์ (Adam McKay) ก็ดูน่าสนใจมากขึ้นในฐานะผผู้สร้างชื่อจากหนังตลกเบาสมองอย่าง ‘Anchorman’ (2004) มาสู่หนังตลกร้ายหนักสมองที่เอาเรื่องเครียดมาทำให้บันเทิงได้ดี และแน่นอนว่าฝีมือการเขียนบทอันแสบสันของแมกเคย์คือกุญแจความสำเร็จนั้น และอาวุธหนักที่เขาเลือกใช้ในกลยุทธ์นี้ก็คือบารมีระดับดึงดาราแม่เหล็กหลายคนมาร่วมงานกับเขาได้แม้บทจะดูบ้าบออย่างไรก็ตาม
และถ้าเหตุผลเหล่านี้เป็นสิ่งที่คุณจะชอบหนังสักเรื่อง คุณจะรักหนังเรื่องนี้อย่างบ้าคลั่งเลยทีเดียว
‘Don’t Look Up’ เป็นหนังที่แมกเคย์จัดเจนในสิ่งที่ตัวเขามีและยกระดับการวิจารณ์สังคมไปอีกขั้น ด้วยเรื่องจริงที่เขาคิดว่าเป็นไปได้จะเกิดขึ้นถ้ามีดาวเคราะห์น้อยพุ่งมาชนโลกในวันหนึ่ง เหมือนเขาสร้างกล่องทดลองระบบปิดที่ใส่สังคมมนุษย์ลงไป ใส่ระบบนิเวศการเมืองและการบริหารแบบอเมริกัน เหยาะสารเร่งปฏิกิริยาให้ดูรุนแรงขึ้นนิดเพื่อเห็นผลชัดขึ้นไวขึ้นหน่อย แล้วมาดูว่าจะเป็นอย่างไร
หนังเล่าผ่านสายตาของ 2 นักดาราศาสตร์จากมหาวิทยาลัยชั้นรองที่บังเอิญพบว่ามีดาวหางขนาดเท่าภูเขาเอเวอเรสต์กำลังมุ่งตรงมาโลกในอีกหกเดือน และพบว่าแทนที่การค้นพบของพวกเขาจะได้รับการตระหนักถึงในแบบที่จริงจังในหนังฮอลลีวูดทั้งหลาย ปรากฏว่าพวกเขาต้องเจอทั้งเจ้าหน้าที่รัฐที่มีหน้าที่โดยตรงแต่หาประโยชน์เล็ก ๆ น้อย ๆ กับความไม่รู้ของประชาชน, ประธานาธิบดีหญิงที่เจอปัญหาข่าวฉาวเล่นงานและมองเห็นแต่ผลการเลือกตั้งรอบหน้า, สื่อมวลชนที่อยากเล่าแต่ข่าวที่คนสนใจอย่างดาราเลิกกันและไม่อยากพูดถึงเรื่องร้ายต่าง ๆ และทุนนิยมบ้าบอคอแตกที่ทำให้เรื่องราวมันเตลิดเปิดโปงไปใหญ่โต ขนาดที่หลายความพลิกผันในเรื่องอาจทำเราร้อง หา! หัวเราะทั้งน้ำตาออกมาเลยทีเดียว
ถ้าปีก่อน ๆ ญี่ปุ่นมีหนังอย่าง ‘Shin Godzilla’ (2016) ที่ อันโนะ ฮิเดอากิ (Anno Hideaki) เอาเรื่องสัตว์ประหลาดมาวิพากษ์การบริหารราชการแผ่นดินในสถานการณ์วิกฤตของญี่ปุ่น รอบนี้แมกเคย์ก็ทำในแบบเดียวกันแต่ด้วยแว่นแบบอเมริกันที่มีต่อวิกฤตระดับโลกอย่างอุกกาบาตล้างโลกแทน ใครเข้าใจจุดนี้จะดูหนังได้สนุกมาก ๆ และด้วยรสปรุงของแมกเคย์ที่มีความสากลกว่า ประกอบกับความเป็นอเมริกันมันน่าหมั่นไส้ในระดับโลกกว่า เป็นวัฒนธรรมที่คนทั้งโลกคุ้นเคยกว่า หนังมันเลยเข้าถึงคนได้ง่ายกว่าหนังของอันโนะด้วย
ในส่วนของอาวุธหนักรอบนี้ของแมกเคย์ก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปจาก ‘The Big Short’ ที่มี แบรด พริตต์ (Brad Pitt) หรือ คริสเตียน เบล (Christian Bale) เลย เพราะรอบนี้ได้ทั้งตัวพ่ออย่าง ลีโอนาร์โด ดิคาพริโอ (Leonardo DiCaprio) และตัวแม่อย่าง เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ (Jennifer Lawrence) มารับบทนำ ซึ่งเป็นความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเอาดาราฝีมือมารับบท 2 นักดาราศาสตร์ตัวแทนสายตาผู้ชม เพราะตัวละครนี้ต้องดูธรรมดาและอาจถึงขี้แพ้ อารมณ์อ่อนไหวในหลายช่วง ในขณะเดียวกันต้องมีเสน่ห์พอให้เราชอบพวกเขาแม้จะทำผิดพลาดมากอย่างไรก็ตาม
ไม่พอเท่านั้นหนังยังสมทบด้วยดาราคับคั่งที่พร้อมมาเล่นไม่ว่าตัวละครพวกเขาจะบ้าบอขนาดไหนก็ตาม ทั้ง เมอรีล สตรีป (Meryl Streep) ในบทประธานาธิบดีสุดน่าหมั่นไส้ เคต แบลนเชตต์ (Cate Blanchett) กับบทพิธีกรสาวข่าวฉาว ทิโมธี ชาลาเมต (Timothée Chalamet) ในบทเด็กหนุ่มเสเพลที่ผ่านมา รอน เพิร์ลแมน (Ron Perlman) ในบทวีรบุรุษทหารคลั่งอนุรักษ์นิยม มาร์ก ไรแลนซ์ (Mark Rylance) ในบทเจ้าพ่อธุรกิจมือถือที่รวยอันดับ 3 ของโลก โจนาห์ ฮิลล์ (Jonah Hill) ในบทลูกชายไม่เอาไหนของประธานาธิบดีที่ได้ตำแหน่งสำคัญเพราะแม่ และไฮไลต์อีกคนคือนักร้องสาวคนดัง อารีอานา กรานเด (Ariana Grande) ที่มารับบทนักร้องดังและโชว์พลังเสียงสะกดผู้ชมแบบน่าจดจำด้วย
คือว่ากันตามตรงเอาดารามารวมกันขนาดนี้ใช่มีเงินอย่างเดียวจะทำได้ บารมีผู้กำกับและผู้อำนวยการสร้างต้องถึง และมีบทมีโครงการหนังที่น่าสนใจไม่น้อย และ ‘Don’t Look Up’ ก็มีศักยภาพนั้น
ที่น่าชื่นชมที่สุดในฐานะหนังเสียดสีตลกร้ายเรื่องหนึ่งคือ มันไม่ได้จบที่ความบันเทิงของคนชอบรสขมเท่านั้น แต่มันนำไปสู่ห้วงความคิดของเราว่า แท้จริงแล้ว อะไรบ้างที่มันสำคัญจริง ๆ ในชีวิตของเรา เงินทอง? ฟากฝั่งการเมือง? ศาสนา? ชีวิต? หรืออะไร? มันอาจไม่ได้ลึกซึ้งแต่มันก็เป็นประโยคคำถามที่ดีในฐานะหนังส่งท้ายปีที่เราเจอวิกฤตมาหนักหนา และต้องตั้งเป้าหมายในปีหน้าที่คงฉกาจฉกรรจ์อีกไม่น้อยเช่นนี้
หนังมีฉากหลังเอนด์เครดิต 2 ฉาก อย่าลืมข้ามไปชมก่อนปิดนะ ตลกร้ายอย่างโฉด
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส