Release Date
07/01/2022
ความยาว
3 ซีซัน ซีซันละ 13-16 ตอน (4 ซีซันจบ)
Our score
7.0Manifest
จุดเด่น
- พลอตเรื่องที่น่าสนใจ มีปริศนาให้ครุ่นคิดและการหักมุมที่น่าสนใจอยากให้ดูต่อ
จุดสังเกต
- การแปลไทยยังไม่ค่อยดี ตัวละครมากแต่น่าสนใจแค่ไม่กี่ตัว โปรดักชันธรรมดา กิมมิกต่าง ๆ ค่อนข้างเชยและไม่น่าสนใจ เดินเรื่องช้ามากในช่วงแรกกว่าจะสนุก จำนวนตอนที่มากไปทำให้น่าเบื่อ
-
บท
7.5
-
โปรดักชัน
5.0
-
การแสดง
6.5
-
ความสนุกตามแนวหนัง
7.5
-
ความคุ้มค่าการรับชม
7.5
เรื่องย่อ: เที่ยวบิน 828 ได้ขึ้นบินในปี 2013 และเจอพายุรุนแรง ทว่าเมื่อเครื่องลงจอดสำเร็จพวกเขากลับพบว่าเวลาได้ผ่านไปแล้วถึง 5 ปีครึ่ง และคนทั้งโลกเคยเชื่อว่าพวกเขาตายไปกับการสูญหายของเครื่องบินหมดแล้ว เรื่องราวชีวิตของผู้โดยสารและลูกเรือแต่ละคนที่ต้องพบเจอกับความเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาที่หายไปนำมาซึ่งเรื่องราวบาดหัวใจ ก่อนที่เรื่องเหนือธรรมชาติจะเกิดกับพวกเขาตามมาและภัยร้ายแรงที่เป็นปริศนาเกินคาดคิดก็เช่นกัน
‘Manifest’ เป็นซีรีส์เก่าทางช่อง NBC ของอเมริกาออกฉากตั้งแต่ปี 2018 และออกมาจนถึงซีซันที่ 3 แล้วถูกตัดจบไปแม้ว่าผู้สร้างอย่าง เจฟ เรก (Jeff Rake) จะวางเนื้อหาไว้ถึง 6 ซีซันก็ตาม ก่อนที่ล่าสุดเน็ตฟลิกซ์จะเข้ามาช่วยสานโปรเจกต์ต่อในซีซันที่ 4 ที่จะลงสตรีมมิงในปีนี้เป็นซีซันจบด้วยจำนวน 20 ตอน เลยทำให้เน็ตฟลิกซ์ได้เอาซีซันเก่ามาลงให้รับชมกันรวดเดียว 3 ซีซันเลยระหว่างรอซีซันใหม่จะมา
และปัญหาแรกที่อยากพูดถึงแต่ต้น ๆ และเป็นข้อติงรุนแรงพอสมควรคือการที่ซีรีส์ถูกลงโครมทีเดียว 3 ซีซันอาจเป็นภาระหนักของคนแปลซับไตเติลเป็นอะไรที่เข้าใจได้ แต่คุณภาพการแปลของซีรีส์เรื่องนี้มันพลาดในจุดที่ไม่ควรพลาดมากเกินไป โดยเฉพาะการแปลตัวละครหญิงแทนตัวเองว่า ‘ผม’ มันทำให้เห็นว่าคนแปลไม่มีแม้แต่เวลาให้พินิจว่าแปลบทพูดของใครอยู่ และหลายครั้งก็แปลสลับคำในประโยคจนจับใจความจริง ๆ ไม่ได้เหล่านี้ ถ้าในอนาคตพอมีเวลา ก็อยากให้กลับมาแก้ด้วยจะดีมาก
ความน่าสนใจนอกจากพลอตเรื่องที่เล่ามาว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อมีเครื่องบินที่น่าจะหายไปเมื่อ 5 ปีก่อนอยู่ดี ๆ วันหนึ่งก็กลับมาราวปาฏิหาริย์และคนบนเครื่องนั้นไม่ได้แก่ขึ้นเลยแม้สักวันเดียว ราวกับพวกเขาข้ามเวลามา ซึ่งแค่นี้ก็ขายได้แล้ว
มันยังเผยศักยภาพการขายเรื่องราวดราม่า การเรียนรู้เพื่ออยู่กับความพลิกผันใหญ่ในชีวิตได้น่าสนใจ บางคนเสียคุณพ่อคุณแม่ไประหว่างนี้ บางคนคู่หมั้นหันไปแต่งงานกับเพื่อนสนิท บางคนก็เจอแง่ดีอย่างป่วยเป็นโรคที่ยังไม่มีวิธีรักษาแต่พอข้ามเวลามากลายเป็นว่าการแพทย์พัฒนาขึ้นและมีโอกาสรอดเสียอย่างนั้น คือแต่ละตัวละครที่บังเอิญเป็นผู้โดยสารบนเครื่องบินนั้นต่างมีเรื่องราวที่น่าสนใจให้ติดตาม
และก็ทำให้ช่วงเวลากว่า 7-8 ตอนในซีซันแรก มันดำเนินไปเหมือนผลงานเหนือธรรมชาติที่มีกลิ่นอายของ สตีเฟน คิง (Stephen King) ซึ่งมีปริศนาเหนือธรรมชาติและเกินความเข้าใจคอยโอบล้อมเรื่องราวดราม่าของตัวละคร และมีสาระของเรื่องศรัทธาปาฏิหาริย์ ตลอดจนแนวคิดทางศาสนาคริสต์เช่น พระเจ้า พระประสงค์ การชี้นำ นิมิต ล่องลอยอยู่ตลอดเวลา ใครชอบก็ดีไป แต่ใครไม่ชอบจะรู้สึกว่าอ้อยอิ่งเหลือเกิน และดูเชยเหลือเกินกับนิมิตต่าง ๆ โดยเฉพาะปริศนาตัวหลักที่แทบไม่ได้ขยับไปมากกว่าต้นเรื่องเท่าไหร่ กว่าจะเริ่มน่าสนใจมีจุดพลิกผันใหญ่ ๆ ให้อยากดูตอนต่อไปจริง ๆ ก็ตอนที่ 9 ไปแล้ว และตัวละครที่มากมายให้นำมาใช้แต่เอาเข้าจริงก็น่าสนใจแค่ไม่กี่ตัว
แม้ตัวเรื่องจะมีจุดเขย่าความอยากรู้อยากชมมาช้าไปสักหน่อย แต่ทว่าช่วงปูที่ให้เราเข้าใจบริบทของแต่ละตัวละครมันก็ไม่ได้แย่ โชคดีที่ตัวเอกทั้งหลายหน้าตาจรรโลงใจให้ชมได้เพลิดเพลินด้วย ทั้ง จอช ดัลลาส (Josh Dallas) และ เมลิซซา โรซ์บวร์ก (Melissa Roxburgh) ที่เป็นคู่พี่น้องตัวนำเรื่อง รวมถึงกับพวกความขัดแย้งต่าง ๆ ระหว่างตัวละครที่พอทำให้ดูได้เรื่อย ๆ พอประมาณ
และพอซีรีส์เริ่มขยับมีความเป็นแอ็กชันธริลเลอร์มากขึ้น มีตัวร้ายที่ลึกลับ มีฉากไล่ล่าบ้าง มีการวางกรอบเวลาที่ต้องแก้ปมปริศนาให้ทัน ในฝั่งปริศนาก็เหมือนจะมีความคืบหน้าขึ้นทั้งตัวละครใหม่ ๆ ข้อมูลใหม่ ๆ ซึ่งเดาได้ยากที่ไม่ใช่แบบปริศนาเบา ๆ ที่คนดูเดาได้อย่างช่วงครึ่งแรก มันเลยทำให้ซีรีส์ดูน่าสนใจขึ้น
แต่กระนั้นปัญหาของซีรีส์ในซีซันแรกเลยคือ ตัวร้ายมันไม่ค่อยน่าสนใจ มีความลึกลับแต่ก็ไม่ได้รู้สึกทรงพลังมาก บางจุดก็เปิดมาโจ่งแจ้งไปอย่างเช่นรังบัญชาการของตัวร้ายที่เฉลยหน้าตาขององค์กรมากไปจนขาดความอยากรู้อยากเห็น แม้ปมอุปสรรคที่จะเป็นปัญหาในอนาคตเช่นเรื่อง ลัทธิผู้ศรัทธา และลัทธิผู้ต่อต้าน หรือทฤษฎีสมคบคิด การหักมุมหลอกพวกเดียวกันเอง เหล่านี้จะถูกคิดวางมาแล้วอย่างดีเพื่อให้เป็นระเบิดที่งอกเงยในซีซันต่อไป แต่ด้วยจังหวะในการเดินเรื่องที่เชื่องช้าและจำนวนตอนที่มากถึงซีซันละ 13-16 ตอน มันก็ดูไม่ค่อยสมสัดส่วนการรับชมนัก
อย่างไรก็ดีซีรีส์มีการหักมุมรุนแรง และทิ้งระเบิดโครมใหญ่ให้ผู้ชมค้างคาจนยากที่จะหยุดดูซีซันต่อไปได้เป็นความสำเร็จอย่างดียิ่ง คงดีกว่านี้ถ้ามันทำให้เรารู้สึกแบบนี้ได้กับทุกตอนไม่ใช่เฉพาะบางตอนหรือแค่ตอนสุดท้ายของซีซันนั้น ๆ เท่านั้น
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส