Release Date
27/01/2022
แนว
แอ็กชัน/อาชญากรรม
ความยาว
1.49 ชม. (109 นาที)
เรตผู้ชม
15+
ผู้กำกับ
พัก แด-มิน (Dae-min Park)
Our score
7.2Special Delivery | ส่งด่วนทะลุนรก | 특송
จุดเด่น
- ฉากแอ็กชันรถซิ่งมันมาก ออกแบบซีนแอ็กชันและตัดต่อออกมาได้สนุกสุด ๆ
- หยิบเอาพล็อตแบบ Good Cop/Bad Cop มาผูกเข้ากับภารกิจส่งของได้ดี
- ออกแบบคาแร็กเตอร์ได้ดี ไม่ได้ถึงกับเก่งเวอร์ แต่สู้กันได้แบบสนุก ๆ
- พัคโซดัมหล่อเท่มากกกกกกกกกกกกก เก่งยิ่งกว่าโดมินิก โทเร็ตโตอีก!
จุดสังเกต
- ตัวละครบางตัวก็มาแบบลอย ๆ ไม่ค่อยจำเป็นเท่าไหร่ ตัดออกได้
- บทโดยรวมวางไว้แบบบาง ๆ ทำให้ดราม่าไม่ค่อยเข้มข้นเท่าไหร่
- บทบางจุดดูจงใจไปหน่อย ก็เลยทำให้เดาเรื่องบางจุดง่ายไปนิด
-
ความสมบูรณ์ของเนื้อหา
6.6
-
คุณภาพงานสร้าง
7.2
-
คุณภาพของบท / เนื้อเรื่อง
7.0
-
การตัดต่อ / การลำดับ และการดำเนินเรื่อง
7.5
-
ความคุ้มค่าเวลาในการรับชม
7.7
เรื่องย่อ ‘อึนฮา’ (Park So-dam) พนักงานขับรถส่งของด่วนพิเศษที่ทำงานให้กับ บอสเจ้าของอู่ซ่อมรถที่ไม่เคยพลาดในการทำงานส่งของเลยสักครั้ง ต้องมารับงานด่วนพิเศษที่บอสมอบหมายให้เธอไปรับสองพ่อลูกที่ต้องการลี้ภัยออกนอกประเทศเกาหลีใต้เพื่อหลบหนีการไล่ล่า อึนฮาจึงต้องรับเคสด่วนพิเศษที่มีชีวิตเป็นเดิมพันเพื่อไปส่งถึงที่หมายให้ทัน
ปฏิเสธไม่ได้เลยนะครับว่า ความน่าสนใจที่สุดของ ‘Special Delivery’ หรือ ‘ส่งด่วนทะลุนรก’ ภาพยนตร์จากเกาหลีใต้เรื่องใหม่ล่าสุดนี้คงหนีไม่พ้นนักแสดงนำอย่างคุณ ‘พัคโซดัม’ (Park So-dam) หรือคุณครูเจสสิกากำมะลอในภาพยนตร์รางวัลออสการ์อย่าง ‘Parasite’ (2019) นี่แหละ แถมยังพกน้อง ‘ฮยอนจุนจุง’ (Hyeon Jung-jun) ที่ถูกครูเจสสิกากำราบราบคาบมาแล้ว กลับมาซิ่งร่วมกันแบบเต็ม ๆ ในหนังเรื่องนี้ ซึ่งพอเปิดตัว หนังเรื่องนี้ก็ซิ่งแรงจนสามารถครองแชมป์อันดับ 1 Box Office ของเกาหลีใต้ได้สำเร็จ แถมยังถูกคัดเลือกไปฉายในเทศกาลภาพยนตร์ ‘International Film Festival Rotterdam’s Harbor’ ครั้งที่ 51 ปี 2022 อีกต่างหาก
เนื้อเรื่องว่าด้วยเรื่องของ ‘จางอึนฮา’ (Park So-dam) พนักงานขับรถส่งของให้กับ ‘เฮียแบ็ก’ (Kim Eui-sung) ซาจังนิม (ผู้จัดการ) กิจการอู่รื้อซากรถเล็ก ๆ ณ เมืองปูซาน ที่มีบริษัทขับรถส่งของแอบแฝงอยู่ลับ ๆ และอึนฮาก็คือพนักงานขับรถส่งของขั้นเทพหนึ่งเดียวในบริษัทที่ทำหน้าที่ส่งของทุกชนิด ไม่ว่าคนหรือสิ่งของอะไรก็ตาม ขอเพียงเงินถึงก็จัดให้ได้หมด
แต่เรื่องดันมาเกิด เมื่อมีคนว่าจ้างให้ไปส่ง ‘ดูชิก’ (Yeon Woo-jin) คุณพ่อวัยหนุ่มที่ไปโกงพนันล้มบอลกับตำรวจอย่าง ‘โจคยองพิล’ (Song Sae-byeok) เข้าให้ เขาจึงต้องการจะพาลูกชายอย่าง ‘ซอวอน’ (Jung Hyeon-jun) หนีออกนอกประเทศ อึนฮาต้องจำใจรับงานพาทั้งคู่ไปส่งยังจุดหมายเพื่อรับเงินค่าจ้างก้อนใหญ่ และแถมยังต้องหนีเอาตัวรอดให้ได้ก่อนที่ตำรวจในคราบมาเฟียสุดโหดจะตามไล่ล่าจนเจอ
ตัวหนังเองเริ่มต้นมาแบบบาง ๆ โดยที่ไม่ได้ให้ข้อมูลอะไรเท่าไหร่ครับ เรียกว่าตัวหนังถูกวางเอาไว้ให้เป็นหนังแอ็กชันแบบเต็มคราบจริง ๆ เรียกว่าเปิดเรื่องมาก็ได้เห็นคุณพัคโซดัมกระทีบคันเร่งฮึ่ม ๆ หมุนพวงมาลัยแบบกระชาก ๆ เลย และต่อมาก็จะได้เห็นฉากแอ็กชันขับรถซิ่งไล่ล่ากันบนท้องถนน ซึ่งก็ต้องชื่นชมนะครับว่าทำออกมาได้โคตรมันและโคตรลุ้นมาก เอาอุปสรรคต่าง ๆ ที่คุ้นเคยบนท้องถนนเช่น ทางแคบ ทางรถไฟ หรือแม้แต่เสากั้นจราจรมาออกแบบคิวแอ็กชันได้เจ๋งมาก ถ้าให้ผู้เขียนพูดตรง ๆ ก็คือ แค่ฉากไล่ล่าบนรถไม่กี่ฉาก ยังเจ๋งกว่า “หนังรถซิ่งเร็ว ๆ แรง ๆ ทะลุ ๆ เรื่องนั้น” ทั้งเรื่องรวมกันซะอีก
แต่ตัวหนังเองก็ไม่ได้มาซิ่ง ๆ กันอย่างเดียวนะครับ อีกสิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนถือว่าทำได้ดีเลยก็คือ การผูกเรื่องราวของการส่งของ กับเรื่องของผลประโยชน์และอิทธิพลของตำรวจครับ ตัวหนังก็เลยจะมีพาร์ตที่หยิบเอาพล็อตแบบ ตำรวจดี/ตำรวจเลว (Good cop/Bad cop) มาใช้ โดยเฉพาะการที่ตำรวจที่ต้องมีหน้าที่พิทักษ์สันติราษฏร์ แต่ดันทะลึ่งแอบแฝงเป็นมาเฟียที่พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ และใช้หน้าที่ในทางมิชอบ และที่ผู้เขียนชอบก็คือการเพิ่มตัวละครอย่าง ‘มียอง’ (Yeom Hye-ran) ตำรวจหน่วยสืบสวน (Good cop) เข้าไปทำคดีเดียวกันกับคยองพิล (Bad cop) จนกลายเป็นเหมือนการขัดขาเข้าไปอีก ก็เลยยิ่งทำให้พาร์ตนี้สนุกกว่าที่คิดในมุมของผู้เขียนครับ
แต่แม้ว่าตัวบทโดยรวมเองจะค่อนข้างบางไปนิดในองก์แรกก็ตาม แต่ผู้เขียนเองก็ชอบวิธีการสร้างสร้างของหนังเรื่องนี้ครับ เพราะตัวหนังออกแบบให้เราค่อย ๆ รู้จักและเข้าใจตัวละครไปทีละนิด ๆ โดยเฉพาะอึนฮา ที่ตอนแรกเราจะไม่ได้รู้อะไรเลยเกี่ยวกับเธอนอกจากความหล่อเท่ของคุณพัคโซดัม ซึ่งจะว่าไป คุณเค้าในเรื่องนี้ก็หล่อเท่จริง ๆ นะครับ คนอะไรทำไมทั้งน่ารักทั้งเท่ได้ขนาดนี้ ยิ่งขนาดตอนซิ่งรถแล้วยังดูดน้ำจากแก้วไปด้วยนี่ อื้อหือ… และในแง่บทบาท คุณเค้าเองก็ถือว่าเป็นตัวแบกหนังทั้งเรื่องได้โอเคมาก ๆ ยิ่งการพัฒนาบทจากการเป็นผู้ใหญ่ใจโคตรแข็ง ไปเป็นพี่สาวที่ต้องคอยปกป้องน้องซอวอนจากการตามล่าของมาเฟียได้เจ๋งมาก ๆ
รวมถึงตัวละครบางตัวที่ผู้เขียนเล่าไม่ได้นะครับ เดี๋ยวสปอยล์ แต่โดยสรุปก็คือ ตัวหนังเองนอกจากจะเน้นความเป็นแอ็กชันแล้ว ยังสอดแทรกความเป็นดราม่า ด้วยการพยายามทำให้เราค่อย ๆ ได้รู้จักและเข้าใจพื้นเพและความผูกพันของตัวละครบางตัวไปทีละนิด ๆ รวมทั้งการวางให้ตัวละครทั้งสองฝ่ายมีความเก่งพอ ๆ กัน คือฝั่งของอึนฮาก็เก่งมาก คนอะไรเก่งทั้งขับรถ เก่งทั้งต่อสู้ ส่วนฝั่งตัวร้ายที่เป็นตำรวจก็มีความรู้ทันตลอด ไม่ว่าอึนฮาจะไปไหนก็รู้หมด แต่ทั้งสองฝั่งก็ไม่ได้เก่งแบบเทพเจ้ามาจุติอะไรขนาดนั้นนะครับ ก็เลยทำให้ทั้งสองฝั่งดูไม่มีใครเก่งเวอร์จนได้เปรียบ ทำให้ส่วนของแอ็กชันมีความลุ้นได้แบบสนุก ๆ เลย
แต่อย่างไรก็ตามก็ยังมีข้อสังเกตอยู่ครับ อย่างที่ผู้เขียนเกริ่นไปแล้วว่า ตัวพล็อตโดยรวมของหนังเรื่องนี้ยังเบาบางอยู่ บางครั้งก็เลยทำให้พาร์ตดราม่าเหมือนจะเจือจางจนไม่ได้รู้สึกว้าวเท่าไหร่ เพราะตัวหนังไปเน้นความเป็นแอ็กชันซะเยอะ (ซึ่งก็เป็นปัญหาคลาสสิกของหนังแอ็กชันน่ันแหละนะ) อีกทั้งผู้เขียนก็แอบเสียดายส่วนตัวเหมือนกันว่า แม้จะมีฉากแอ็กชันไล่ล่ากันด้วยรถ แต่ถ้าตัวหนังเพิ่มความเป็น Road Movie คือให้มีการเดินทางเยอะ ๆ และเพิ่มพาร์ตดราม่าให้แข็งแรงกว่านี้ ก็น่าจะทำให้ได้โชว์แอ็กชันรถซิ่งและทำให้รู้สึกถึงตัวละครได้มากกว่านี้
อีกจุดที่สำคัญก็คือ ยังมีบทในบางจุดที่รู้สึกว่าดูจงใจไปสักหน่อย ก็เลยทำให้เนื้อเรื่องบางจุดโดยเฉพาะช่วงองก์สุดท้ายของเรื่องนี่เรียกว่าเดาได้ง่าย ๆ เลย และอีกจุดก็คือตัวละครบางตัวที่ผู้เขียนมองว่าไม่ค่อยจำเป็นสักเท่าไหร่ มาแล้วก็ไป นอกจากจะเข้ามาแย่งซีนเสียเปล่า ๆ แล้ว ทำให้เส้นเรื่องและตัวละครดูยุ่งเหยิงโดยใช่เหตุอีกต่างหาก
โดยสรุป ‘Special Delivery ส่งด่วนทะลุนรก’ ถือว่าเป็นหนังที่รู้จุดว่าจะขายแอ็กชัน ผสมดราม่า ผสมหนังตำรวจนี่แหละ ผลที่ออกมาก็เลยกลายเป็นหนังแอ็กชันทริลเลอร์ที่แม้ว่าพล็อตออกจะเบาบาง และไม่ได้ถึงกับเป็น Road Movie แบบจริง ๆ จัง ๆ ขนาดนั้น แต่ก็ยังขายความเป็นแอ็กชันสนุก ๆ ให้ได้ลุ้นแบบไม่เสียหลาย
โดยเฉพาะฉากแอ็กชันรถซิ่งที่เรียกได้ว่ามันสะใจคอแอ็กชัน ดูเพื่อความบันเทิงได้แบบไม่ผิดหวังแน่นอน และเหนืออื่นใด นอกจากเจ้าแมวส้มในหนังแล้ว คุณพัคโซดัมในเรื่องนี้คือที่สุดของหนังเรื่องนี้แล้วล่ะครับ หล่อเท่ยิ่งกว่าโดมินิก โทเร็ตโตอีก ภาษาวงการไอดอลต้องเรียกว่าโดนตกนั่นแหละ ถ้ากรี๊ดในโรงหนังได้คงกรี๊ดไปแล้ว (555)
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส