Release Date
03/02/2022
แนว
แอ็กชัน / ทริลเลอร์
ความยาว
2.02 ชม. (122 นาที)
เรตผู้ชม
PG-13
ผู้กำกับ
ไซมอน คินเบิร์ก (Simon Kinberg)
Our score
5.3THE 355 | ปฏิบัติการสวยลับ
จุดเด่น
- เสน่ห์ของนักแสดงสายลับทั้ง 5 โดดเด่นและมีเอกลักษณ์ดี
- ฉากแอ็กชันออกแบบได้ดี ดูได้แบบลุ้นสนุก ๆ
จุดสังเกต
- พล็อตเชยมากกกก เป็นพล็อตสายลับที่พบเห็นได้ทั่วไป เดาง่าย
- วิธีการเล่าเรื่องยังมีช่องโหว่อยู่เยอะ
- ฉากแอ็กชันแม้จะดูสนุก แต่ก็แอบเสียดายบางซีนที่รวบรัดไปหน่อย
-
ความสมบูรณ์ของเนื้อหา
5.6
-
คุณภาพงานสร้าง
6.5
-
คุณภาพของบท / เนื้อเรื่อง
5.9
-
การตัดต่อ / การลำดับ และการดำเนินเรื่อง
4.5
-
ความคุ้มค่าเวลาในการรับชม
4.2
เรื่องย่อ เมื่ออาวุธทำลายล้างตกไปอยู่ในมือของจอมวายร้ายที่ต้องการชักนำไปสู่แผนการอุบัติมหาสงครามโลกครั้งที่ 3 งานนี้จึงทำให้ประเทศมหาอำนาจทั่วโลกทั้ง 5 ประเทศต้องยอมละทิ้งความบาดหมางและจัดการส่งตัวยอดสายลับหญิงมาร่วมมือกันทำภารกิจยับยั้งแผนการดังกล่าว นำโดย ‘เมซ’ (Jessica Chastain) ตัวแทนจากอเมริกา, ‘คาดิจาห์ อาติยาเม’ (Lupita Nyong’o) ตัวแทนจากอังกฤษ, ‘มารี ชมิดต์’ (Diane Kruger) ตัวแทนจากเยอรมัน, ‘กราเซียลา ริเวรา’ (Penélope Cruz) ตัวแทนจากโคลัมเบีย และ ‘หลินมี่เฉิง’ (Bingbing Fan) ตัวแทนจากจีน ซึ่งพวกเธอต้อใช้ทั้งฝีมือการสืบ ทักษะการต่อสู้ และเสน่ห์หญิงที่สุดร้ายกาจเพื่อสยบเหล่าเดนจารชนก่อนที่ทุกชีวิตบนโลกจะต้องสูญสิ้นลงในชั่วพริบตา
แม้ว่า ‘THE 355 ปฏิบัติการสวยลับ’ อาจจะไม่ได้เป็นหนังโปรแกรมใหญ่ในสัปดาห์นี้เหมือนกับภาพยนตร์เรื่องอื่น ๆ แต่ก็เรียกได้ว่ามีหน้าหนังที่เรียกได้ว่าน่าสนใจอยู่เหมือนกันนะ เริ่มตั้งแต่ผู้กำกับอย่าง ‘ไซมอน คินเบิร์ก’ (Simon Kinberg) ที่ผ่านงานหนังใหญ่มาแล้วมากมาย โดยเฉพาะหนังแอ็กชัน ทริลเลอร์ และหนังซูเปอร์ฮีโร ตั้งแต่แฟรนไชส์ ‘X-Men’ , ‘Fantastic Four’ (2015) รวมทั้งผลงานสร้างชื่ออย่าง ‘Mr. & Mrs. Smith’ (2005) และอีกเป็นกระบุง
โดยทีมผู้เขียนบททั้งไซมอน และ ‘เธเรซา รีเบ็ก’ (Theresa Rebeck) หยิบเอาแรงบันดาลใจของรหัสสายลับหมายเลข 355 มาจาก ‘แอนนา สตรอง’ (Anna Strong) สายลับหญิงคนแรกที่ทำงานให้กับเครือข่าย ‘Culper Ring’ ในสมัยสงครามปลดปล่อยอเมริกาจากอังกฤษเมื่อปี 1775 – 1783 โน่นเลย โดยรหัส 355 เป็นรหัสที่ปรากฏในข้อความของสายลับ Culper Ring ที่ใช้อ้างถึง ‘แอนนา สตรอง’ นั่นแหละ ซึ่งในที่สุดก็ถูกหยิบเอามาใช้เป็นชื่อของ 4 สายลับสาวที่ต้องรวมตัวกันเฉพาะกิจเพื่อชิงไดรฟ์ปกป้องโลกในหนังเรื่องนี้
เรื่องย่อ ๆ ก็เลยเริ่มต้นที่ ‘ไดรฟ์’ เจ้าปัญหานี่แหละครับ เพราะมันสามารถแฮกระบบต่าง ๆ ทั่วโลกได้ ทั้งระบบอินเทอร์เน็ต บล็อกเชน การบิน การขนส่ง พลังงาน เพื่อใช้ปั่นป่วนโลกให้วุ่นวาย แน่นอนว่า มันกลายเป็นสิ่งของมูลค่ามหาศาลที่ใครก็อยากครอบครอง ทำให้’เมซ’ (Jessica Chastain) สายลับหน่วย CIA จากสหรัฐอเมริกา และคู่รัก ‘นิก ฟาวเลอร์’ (Sebastian Stan) และ ‘มารี ชมิดต์’ (Diane Kruger) สายลับหน่วย BND จากเยอรมนี ต่างก็ต้องทำหน้าที่แย่งชิงไดรฟ์เพื่อปกป้องโลก
ในขณะที่ตัวร้ายอย่าง ‘เอไลจาห์ คลาร์ก’ (Jason Flemyng) ก็อยากจะได้ไดรฟ์เพื่อครอบครองเพื่อเขย่าโลก เมซจึงต้องขอความร่วมมือจาก ‘คาดิจาห์ อาติยาเม’ (Lupita Nyong’o) อดีตแนวร่วมสายลับ MI6 ผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์จากอังกฤษให้กลับมาช่วยเหลืออีกครั้ง พร้อมกับ ‘กราเซียลา ริเวรา’ (Penélope Cruz) นักจิตวิทยาสาวจาก DNI (สำนักข่าวกรองแห่งชาติแห่งประเทศโคลัมเบีย) ที่ตกกระไดพลอยโจนมาร่วมทีมด้วย 4 สายลับสาวจากหลากหลายชาติจึงต้องร่วมมือกันในฐานะสายลับรหัส 355 เพื่อแย่งชิงไดรฟ์ตั้งแต่ร้านกาแฟในปารีส ตลาดในโมร็อกโก และงานประมูลวัตถุโบราณในเซียงไฮกลับมาให้ได้ โดยมี ‘หลินมี่เฉิง’ (Bingbing Fan) คอยตามเฝ้าดูภารกิจของพวกเธออย่างลับ ๆ
แน่นอนครับว่า หนังเรื่องนี้ความน่าสนใจที่สุดก็น่าจะเป็นเรื่องของหน้าหนังที่ขนดาราสาวสายสตรองมาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง แถมทีมงานก็เป็นทีมเดียวกับแฟรนไชส์หนังสายลับ ‘Jason Bourne’ อีกต่างหาก ส่วนผู้กำกับเองก็อย่างที่ทราบกันดีว่าเคี่ยวกรำกับหนังนักสืบ แอ็กชันทริลเลอร์มานักต่อนัก ถ้าจะให้ชมอย่างแรกสุดเลยก็เห็นจะเป็นการดีไซน์ฉากแอ็กชันนี่แหละครับ ที่เรียกได้ว่าเกินคาดอยู่เหมือนกัน ฉากแอ็กชันหลาย ๆ ซีนนี่เรียกได้ว่าดูสนุกและลุ้นตามได้เลย เรียกได้ว่าไม่เสียเชิงทีมออกแบบฉากแอ็กชันมัน ๆ ที่เคยออกแบบคิวบู๊ให้กับ ‘Wonder Woman’ (2017) และ ‘The King’s Man’ (2021) มาแล้วก่อนหน้านี้
ส่วนในแง่ของนักแสดง นักแสดงหลัก ๆ เองก็ต้องเรียกได้ว่าน่าสนใจนะครับ ทั้ง 5 คนเรียกได้ว่ามีเสน่ห์เฉพาะตัวและมีส่วนผสมที่น่าสนใจมาก ๆ เลยแหละ แต่เอาเข้าจริง ผู้เขียนกลับรู้สึกว่ามีเพียงแค่ 2 ตัวละครเท่านั้นที่เด่นจริง ๆ ในหนังนะครับ นั่นก็คือ ‘หลินมี่เฉิง’ (Bingbing Fan) หรือเจ๊ฟ่านปิงปิงนี่แหละ ที่ตอนแรกออกมาในฐานะบุคคลลึกลับซะจนผู้เขียนแอบคิดว่า เจ๊แกคงแค่มาเป็น Cameo เดินเฉี่ยว ๆ ในหนังละมั้ง แต่กลายเป็นว่าเจ๊แกแย่งซีนโชว์ฝีมือแอ็กชันไปซะเยอะเลย แต่ก็เรียกได้ว่าไม่ไก่กาเลยในแง่ของการแสดงและคาริสมาที่พอจะเข้าใจได้กับบทบาทของเจ๊แกในหนัง
อีกคนก็คือ ‘คาดิจาห์ อาติยาเม’ (Lupita Nyong’o) ที่ต้องเล่นเป็นอดีตสายลับ MI6 ก็เลยต้องพูดสำเนียงอังกฤษและรับบทสายลับผู้เชี่ยวด้านเทคโนโลยี แถมยังฉลาดเป็นกรดและอารมณ์ขันแพรวพราวอีกต่างหาก ซึ่งก็เรียกได้ว่าสมราคานักแสดงรางวัลออสการ์จริง ๆ จนผู้เขียนเองแอบคิดถึงเจมส์ บอนด์เวอร์ชันผู้หญิงหน่อย ๆ เหมือนกัน
แต่ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม สิ่งที่เป็นจุดสังเกตของหนังเรื่องนี้เลยก็คือบทครับ ถ้าเอาในภาพรวมก็คือ พล็อตเชยมากกกกก โดยเฉพาะพล็อตหนังสายลับที่ต้องปกป้องโลกด้วยการเดินทางต่อสู้เพื่อชิงสมบัติล้ำค่า หรือพล็อตแนวหนังเฟมินิสต์เพื่อนหญิงพลังหญิง ที่จะต้องรวมตัวกันต่อสู้กับศัตรูที่ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ชายเสมอ ผู้หญิงก็เลยต้องร่วมมือกันต่อสู้ปกป้องโลกโดยไม่ต้องพึ่งพึงผู้ชายอีกต่อไป รวมทั้งพล็อตรวมสายลับจากชาติต่าง ๆ มาร่วมมือกันทำภารกิจกอบกู้โลก คือมันก็ไม่ได้แปลกแปร่งอะไรหรอกนะครับ แต่ตัวพล็อตมันเชย ซ้ำ และช้ำซะจนเดาเรื่องได้ง่ายมาก โดยเฉพาะในยุคที่หนังสายลับไปถึงไหนต่อไหนแล้ว
รวมถึงปัญหาใหญ่อีกจุดก็คือ การเล่าเรื่อง (พล็อต-ดำเนินเรื่อง-ตัดต่อ) ที่หลวมมากจนทำให้หลาย ๆ จุดในหนังเกิดอาการหลายอย่าง เช่น การไม่ยอมอธิบายบางจุดให้คนดูเข้าใจ เหตุการณ์ที่อยู่ดี ๆ ก็โผล่มาดื้อ ๆ รวมถึงการตัดรวบบางซีน โดยเฉพาะฉากแอ็กชันสนุก ๆ ให้สั้นและรวบรัดจนเกินเหตุ ทั้งหมดนี้ก็เลยทำให้ฉากแอ็กชันดี ๆ บางฉากเกิดอาการ ‘ลุ้นไม่สุด’ อย่างน่าเสียดาย
อีกจุดที่จริง ๆ จะไม่ถือว่าเป็นข้อสังเกตก็ได้ นั่นคือ มันก็ปฏิเสธไม่ได้นะครับว่า หนังเรื่องนี้มีค่ายหนังจากประเทศจีนมาร่วมทุนด้วย แถมพ่วงหน้าที่เป็น Executive Producer 2 ใน 3 อีกต่างหาก คือการที่สองชาติร่วมทุนสร้างหนังหรือเป็นโปรดิวเซอร์ มันไม่มีปัญหาในตัวมันเองหรอกนะครับ ออกจะดีต่ออุตสาหกรรมหนังโลกซะด้วยซ้ำ
แต่ปัญหาที่มักจะพบกับหนังร่วมทุนจีนบ่อย ๆ นั่นก็คือ แม้ว่าหนังจะพะยี่ห้อเป็นหนังฝรั่ง แต่ความเป็นชาตินิยมแบบจีน ๆ ก็มักจะ “โดด” ออกมาให้เห็นเสมอเลย ไม่รู้ทำไม และหนังเรื่องนี้ก็ยังคงเป็นแบบนั้น ยกตัวอย่างเช่น การเฉิดฉายเต็มกระบวนของเจ๊ฟ่าน ปิงปิง จนหลายครั้งก็ออกจะแย่งซีนนักแสดงคนอื่นในองก์ที่ 2 และ 3 จนผู้เขียนยังอดที่จะอุทานไม่ได้ว่า เจ๊…หยุดเก่งบ้างเถอะ (555) รวมทั้งการนำเสนอเรื่อง หรือโลเกชัน ฯลฯ ที่มันล้ำหน้าออกมาเห็น ๆ คือมันอาจจะไม่ได้ทำให้หนังแย่ลงหรอกนะครับ แต่มันก็…โดดเด่นจริง ๆ นะ ของแบบนี้ต้องลองไปดูเองครับถึงจะเข้าใจ
โดยสรุป ‘THE 355 ปฏิบัติการสวยลับ’ แม้ตัวหนังจะประสบปัญหาพล็อตนักสืบเชย ๆ และการเล่าเรื่องที่ไม่ค่อยเข้าที่เข้าทางนัก แต่ด้วยเสน่ห์ของนักแสดงและฉากแอ็กชันที่ยังพอมีให้ลุ้น (แม้ว่าจะลุ้นไม่ค่อยสุดก็เถอะนะ) แต่ก็ยังนับได้ว่าเป็นหนังแอ็กชันแนวนักสืบ และแนวเพื่อนหญิงพลังหญิงที่ดูได้แบบไม่ต้องคิดมากและหวังไกลเลยครับ เป็นหนังสายลับที่ดูเอามัน เอาความบันเทิง ดูเอาคาริสมาของนักแสดงนำ (โดยเฉพาะเจ๊ฟ่านปิงปิง) ล้วน ๆ ก็ถือว่าไม่เสียหลายครับ
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส