Release Date
10/02/2022
Runtime
112 Minutes
Director
Kat Coiro
Cast
Jennifer Lopez Owen Wilson John Bradley Sarah Silverman
Our score
7.6[รีวิว] Marry Me ไปแฟนมีต แต่พีคได้แต่งงาน – โรแมนติกไม่หักสูตรแต่พูดได้ว่า “โคตรดจีย์”
จุดเด่น
- หนังทำออกมาได้สนุกสนาน ได้ทั้งความโรแมนติกที่สาว ๆ น่าจะรัก และความฮาแบบหนุ่ม ๆ น่าจะชอบ
- เจนนิเฟอร์ โลเปซ และ โอเวน วิลสัน คือหัวใจความสนุกทำให้ตัวละครมีเสน่ห์และคนดูอยากเอาใจช่วย
- เพลงในหนังเด็ดทุกเพลง หนังจบมีออกมาเสิร์ชหาฟังกันแน่นอน
จุดสังเกต
- หนังไม่ได้แหกสูตรหนังโรแมนติกคอเมดี ดูไปไม่นานน่าจะพอเดาตอนจบได้ไม่ยาก
- ดรามาบางช่วง เสียดายที่ผู้กำกับไม่ได้เน้น เลยทำให้แอ็กติงดี ๆ ของเจนนิเฟอร์ โลเปซ ถูกนำเสนอได้ไม่เต็มที่
-
บทหนังไม่ได้มีอะไรใหม่แต่เล่าเรื่องได้กลมกล่อมครบรสทั้งฮาและโรแมนติก
7.0
-
งานสร้างแม้จะไม่ได้โชว์ความอลังการแต่คุมเทคนิคกล้องระหว่างภาพในสื่อโซเชียลกับส่วนของเรื่องราวโรแมนติกได้สร้างสรรค์ดี
7.5
-
เคมีระหว่าง เจ โล กับ โอเวน วิลสัน เริ่ดมากทำคนอินได้ไม่ยาก
7.8
-
เป็นหนังรอมคอมที่ครบเครื่องทั้งความฮาและโรแมนติก แม้จะไม่ได้แหกสูตรสำเร็จอะไรมาก แต่ก็บันเทิงดี
7.8
-
เหมาะแล้วที่มาฉายโรงรับวาเลนไทน์ คู่รักควรดูเพื่อเดตในโรงหนัง
8.0
หนึ่งในช่วงที่คนโสดดูจะรู้สึกสภาพแวดล้อมเป็นพิษที่สุดคงหนีไม่พ้นช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์ที่นอกจากจะต้องทนเห็นคู่รักมาสวีตกันนอกเคหะสถานแล้ว พอจะหลบเข้าโรงหนังก็ดันมีแต่หนังรักจ่อคิวกันรอบชนรอบและปีนี้ก็เช่นกันเพราะมีทั้งหนังเกี่ยวกับแฟนเก่าส์อย่าง ‘One for the road วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ’ มีหนังเกาหลีอย่าง ‘A Man and A Woman’ ที่มีกงยูสามีแห่งชาตินำแสดงด้วย รวมถึงหนังที่เรากำลังจะพูดถึงอย่าง ‘Marry Me’ เรื่องนี้ด้วย
พล็อตของ ‘Marry Me’ เอาจริง ๆ มันคือหนังโรแมนติกคอมเมดีแบบไม่สนไม่แคร์ตรรกะใด ๆ ทั้งสิ้น แต่ท่ามกลางความเวอร์วังและอภิมหาความบังเอิญมันกลับวกมาจิกกัดสังคมและวงการบันเทิงได้อย่างเจ็บแสบไม่เบา โดยศูนย์กลางของเรื่องคือตัวละครของเจโล หรือ เจนนิเฟอร์ โลเปซ (Jennifer Lopez) อย่าง แคต วัลเดซ นักร้องเพลงละตินที่แทบจะถอดแบบความเป็นเจโลมาเต็ม ๆ ทั้งการเป็นนักร้องเพลงป๊อปละตินระดับซูเปอร์สตาร์หรือการผ่านการแต่งงานและหย่าร้างมานับครั้งไม่ถ้วน
แต่แทนที่วัลเดซจะถอดใจ อยู่ดี ๆ นางก็คิดเมกะโปรเจกต์แต่งงานครั้งใหม่ในคอนเสิร์ตใหญ่ร่วมกับบาสเตียน (รับบทโดย มาลูมา Maluma) นักร้องหนุ่มละตินสุดเซ็กซี่ แต่หลังจากมีคลิปหลุดที่บาสเตียนแอบกินผู้ช่วยของวัลเดซระหว่างที่คอนเสิร์ตดำเนินอยู่ ปรากฎว่าวัลเดซกลับตัดสินใจด้วยอารมณ์ชั่ววูบประกาศแต่งงานกับ ชาร์ลี กิลเบิร์ต (รับบทโดย โอเวน วิลสัน Owen Wilson) ครูคณิตศาสตร์พ่อหม้ายลูกติดจนทั้งคู่ต้องรับมือกับบรรดาสื่อมวลชนและต้องหาคำตอบให้หัวใจตัวเองอีกครั้ง
จากที่เปรย ๆ ไป 2 ย่อหน้าที่แล้วว่าเรื่องราวของ ‘Marry Me’ ดูจะแฟนตาซีแบบไม่แคร์ตรรกะใด ๆ นั่นเป็นเพราะบทหนังไปหยิบเอากราฟฟิกโนเวลชื่อเดียวกันของ บ็อบบี ครอสบี (Bobby Crosby) มาดัดแปลงเป็นบทภาพยนตร์ซึ่งเอาจริง ๆ แล้วเรื่องราวแนวซุปตาร์มาตกหลุมรักกับคนธรรมดานี่ไม่ได้เป็นพล็อตใหม่แต่อย่างใด แต่พอได้ แคต คอโร (Kat Coiro) ผู้กำกับที่กำลังจะมี ‘She-Hulk’ ซีรีส์ซูเปอร์ฮีโรทางดิสนีย์พลัส มากุมบังเหียนหนังเลยออกมาเวิร์กมาก ๆ
คอโรก็ทำให้เห็นความมั่นอกมั่นใจในการกำกับทั้งการนำเสนองานภาพที่เล่นกับมุมมองที่คนดูคุ้นชินกับการดูไลฟ์สดบนโซเชียลมีเดียได้อย่างชาญฉลาดไปจนถึงการคุมจังหวะซีนตลกออกมาได้อย่างแม่นยำและนำเสนอซีนดราม่าออกมาได้พอดิบพอดีไม่ดึงให้หนังดูเอื่อยเฉื่อยเลย แม้ว่ามันจะสูญเสียความลึกซึ้งในซีนอารมณ์บางช่วงที่เจนนิเฟอร์ โลเปซพยายามปั้นอารมณ์มาก็ตาม
แต่ผลลัพธ์ก็ไม่ทำให้บทหนังที่พยายามจิกกัดวงการบันเทิงที่เซเลบต้องถ่ายทอดความเรียลแบบจัดวางผ่านโซเชียลมีเดียต้องเสียของ และการเลือกมุมมองภาพไลฟ์สดให้ดูดิบก็ยังคอนทราสต์กับมุมมองของกล้องภาพยนตร์แบบจัดวางจัดไฟอย่างดีที่ตัดสลับให้เห็นเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างวัลเดซกับกิลเบิร์ตที่แม้จะแช่มช้าดูเรียบง่ายทว่าก็งดงาม อบอุ่น น่ารักจนเราอดลุ้นให้พวกเขาสมหวังกันในตอนจบไม่ได้
และในอีกแง่หนึ่ง ‘Marry Me’ ยังก้าวข้ามค่านิยมที่ผู้หญิงจะต้องรอให้ผู้ชายมาเป็นฝ่ายเลือกได้ด้วยการเปลี่ยนบทบาทของผู้หญิงอย่างแคต วัลเดซให้เป็นฝ่ายที่ดูเหมือนจะตามจีบและเลือกครูคณิตศาสตร์ธรรมดา ๆ อย่างชาร์ลี กิลเบิร์ต ด้วยสารพัดเซอร์ไพร์สที่ถ้าดูในหนังรอมคอมทั่วไป ส่วนใหญ่จะเป็นตัวละครฝ่ายชายที่ดูมีพาวเวอร์พอจะจัดหาของขวัญที่สำคัญต่อชีวิตคนรักแต่หนังกลับให้ฝ่ายหญิงเป็นคนทำแทนซึ่งก็ทำให้เห็นว่าตัวหนังดูมีความเป็นคนหัวก้าวหน้าไม่น้อยเลยทีเดียว
จุดสำคัญเลยที่คิดว่าเป็นหัวใจของหนังจริง ๆ คือการแสดงของโอเวน วิลสันกับเจนนิเฟอร์ โลเปซนี่แหละครับ หากใครเป็นแฟนคลับหรือเคยติดตามผลงานของทั้งคู่จะรู้เลยว่าแต่ละคนโดดเด่นในแนวทางตัวเองเหลือเกิน อย่างโอเวน วิลสันก็มัักจะเป็นดาราตลกจอมขโมยซีนที่ช่วงหลังมาขายฝีมือมากขึ้นและบทกิลเบิร์ตก็ดูจะเป็นการพลิกบทบาทให้วิลสันดูเป็นชายหนุ่มอบอุ่นแสนดีปน ๆ ความน่าเบื่อบ้างแต่ด้วยเสน่ห์ส่วนตัวแล้วรับรองว่าสาว ๆ น่าจะหลงรักเขาได้ไม่ยากเลย
ส่วนเจนนิเฟอร์ โลเปซนี่ไม่รู้พูดแบบนี้จะว่าผมใจร้ายหรือเปล่า แต่ด้วยส่วนตัวคิดจริง ๆ ว่าหนัง ‘Marry Me’ โชคดีมากที่ได้โลเปซตอนแสดงหนังเป็นแล้วมารับบทแคต วัลเดซครั้งนี้ ประการแรกคือได้ชื่อเสียงและลุคของนางมาเติมเต็มตัวละครให้ดูมีชีวิตแถมยังฝากเสียงร้องทรงพลังและท่าเต้นแซ่บ ๆ สมกับเป็นซุปตาร์ละตินเบอร์หนึ่ง แต่ประการต่อมาสำคัญมากคือบทหนังก็ดันเรียกร้องมากกว่าเสน่ห์ของโลเปซอีกในช่วงที่หนังโรแมนติกเรียกมันว่า “Boy lose girl” หรือกรณีนี้อาจเรียกได้ว่า “Girl lose Boy” คือช่วงที่คู่รักมีเหตุให้ต้องแยกทางกันนั่นแหละครับ เพราะซีนนั้นทั้งสายตาและอารมณ์ที่สื่อออกมามันทำให้เห็นเลยว่าโลเปซเข้าอกเข้าใจตัวละครจริง ๆ จนทำให้คนดูอินตามตัวละครนักร้องซุปตาร์คลั่งรักอย่างเธอได้แบบหมดหัวใจจริง ๆ
ทิ้งท้ายสำหรับใครที่ลังเลว่านี่จะเป็นหนังรักรอมคอมเลี่ยน ๆ เรื่องหนึ่งหรือเปล่าขอบอกเลยว่าตัวหนังตลกมากนอกจาก ซาราห์ ซิลเวอร์แมน (Sarah Silverman) ดาวตลกสุดเซ็กซี่และจอห์น แบรดลีย์ (John Bradley) ที่เราเพิ่งเจอเขาไปใน ‘Moonfall’ สัปดาห์ก่อนมาช่วยเพ่ิมสีสันให้หนังแล้ว หนังยังมีช่วงที่ให้พระเอกนางเองของเราได้เจอกับเด็ก ๆ ชมรมคณิตศาสตร์ของครูชาร์ลี กิลเบิร์ตที่ทั้งแสบและน่ารักมาก ๆ จนทำให้ ‘Marry Me’ เป็นหนังรอมคอมที่เติมเต็มให้วาเลนไทน์ปีนี้มีหนังรักดี ๆ ไม่เลี่ยนให้คู่รักได้บันเทิงกันทั่วถึงจริง ๆ
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส