Release Date
13/01/2022
ความยาว
1 ซีซั่น 8 ตอน (ซีซั่น 2 มาปี 2023)
Our score
9.5Peacemaker
จุดเด่น
- ต่อยอดและขยายจักรวาลได้แข็งแรงเป็นตัวของตัวเอง ทำให้คนรู้สึกรักทุกตัวละครโดยเฉพาะพีซเมเกอร์ได้เต็มหัวใจ การแสดงเข้าขาเคมีดีทั้งทีม บทมีทั้งแอ็กชันฮาขำหวือหวาและดราม่าซึมลึกจนน้ำตาเล็ดทำได้เยี่ยม โปรดักชันก็เยี่ยมเทียบเคียงหนังใหญ่ได้เลย
จุดสังเกต
- มุกบางครั้งเป็นแบบฝรั่งจัด ๆ หรืออิงชื่อคนดังฝั่งตะวันตกที่เราไม่รู้จักก็มีงง ๆ ไปบ้าง กับความรุนแรงที่จัดเต็มมาก ๆ สะใจสำหรับแฟนผู้ใหญ่แต่อาจต้องระวังเด็กเล็กดูเพราะคิดว่าเป็นหนังฮีโรธรรมดาได้
-
บท
9.6
-
โปรดักชัน
9.5
-
การแสดง
9.0
-
ความสนุกตามแนวหนัง
10.0
-
ความคุ้มค่าการรับชม
9.0
เรื่องย่อ: เรื่องราวต่อจากหนังเมื่อ พีซเมเกอร์ วายรายผู้ยึดมั่นในสัตย์สาบานว่าจะยอมทำทุกอย่างเพื่อสันติภาพจนนำมาสู่จุดจบของตนเองใน ‘The Suicide Squad’ เขาได้รับการช่วยชีวิตจากกองทัพสหรัฐและถูกส่งมารับภารกิจใหม่โดยที่ตัวเขาก็ไม่เต็มใจนัก หน่วยพิเศษที่เล็กลงแต่มีสมาชิกที่เกรียนมากขึ้นต้องมาเจอภัยพิบัติระดับล้างโลกจะจบลงอย่างไรต้องติดตาม
หลังจากความสำเร็จในแง่คำชมและรายได้ที่สูงพอให้ไปต่อได้กับแฟรนไชส์ใหม่ของค่าย DC และ Warner อย่าง ‘The Suicide Squad’ (2021) ที่สามารถขยายต่อเรื่องราวของหนึ่งในตัวละครหลักมามีซีรีส์ของตัวเองได้ และทำให้การเลือก จอห์น ซีน่า (John Cena) มารับบท พีซเมเกอร์ วายร้ายผู้สร้างสันติภาพแบบสุดโต่ง ในฉบับของ เจมส์ กันน์ (James Gunn) นั้นเป็นการตัดสินใจที่เยี่ยมยอดที่สุดครั้งหนึ่ง พอ ๆ กับที่ค่ายวอร์เนอร์ดึงตัวกันน์ข้ามฟากมารับบทผู้กำกับให้ได้สำเร็จ เพราะดีซียังขาดหนังรสชาติแบบนี้จริง ๆ
เพราะไม่เพียงทำให้ตัวหนังเกิดแนวทางใหม่แบบหนังเกรียนบันเทิงหรือดาร์กคอมเมดี้ที่หนังฮีโรค่ายดีซีไม่เคยทำได้ถึงใจแล้ว ยังทำให้ซีรีส์ที่ขยายต่อมามีศักยภาพที่จะเป็นที่นิยมในระดับสูงมาก ไม่แปลกใจเลยที่ช่วงการออกอากาศของซีรีส์นั้นสามารถสร้างกระแสสนใจจากผู้ชมเป็นอันดับ 1 ของโลกได้สำเร็จ
ซึ่งในไทยแม้ตัวซีรีส์จะฉายทางสตรีมมิงของ HBO GO ที่ต้องยอมรับว่ายังมีฐานความนิยมจากผู้ชมชาวไทยระดับกลาง ๆ แต่คุณภาพของตัวซีรีส์ก็โดดเด้งทะลุแพลตฟอร์มออกมาได้น่าสนใจเลยทีเดียว จากปกติพูดถึง HBO มักนึกถึงซีรีส์ดราม่าชั้นดี เข้ม ๆ เหมาะกับผู้ใหญ่ ๆ หน่อย แต่การมี ‘Peacemaker’ เข้ามาก็น่าจะขยายฐานคนดูได้มากขึ้นโขทีเดียว
ซีรีส์ดึงเอาตัวละครสำคัญจากหนังมาคือ พีซเมเกอร์ ที่ถูกเล่าว่าเขารอดตายมาได้หลังจากหักหลังพวกพ้อง แต่ก็ยังไม่หมดเวรกรรมกับรัฐบาลสหรัฐฯ เหมือนคนอื่น ๆ ทำให้เขาต้องกลับมาเป็นเครื่องมือของหน่วยงานลับของ อแมนดา วอลเลอร์ จอมบงการแสนร้ายกาจอีกครั้ง (แสดงโดย วิโอลา เดวิส (Viola Davis))
ทว่ารอบนี้เขาได้ประกบคู่กับทีมทำงานของวอลเลอร์โดยตรงแทน ทั้ง เมิร์น หัวหน้าทีมอดีตนักฆ่า (แสดงโดย ชักวูดี้ อิวูจี (Chukwudi Iwuji)) ฮาร์คอร์ต เจ้าหน้าที่พิเศษสุดเซ็กซี่ (แสดงโดย เจนนิเฟอร์ ฮอลแลนด์ (Jennifer Holland) แฟนสาวของผู้กำกับกันน์) อิโคโนมอส เจ้าหน้าที่ด้านเทคนิคขี้น้อยใจ (แสดงโดย สตีฟ อาจี (Steve Agee)) และ อาเดบาโย เจ้าหน้าที่พาร์ตไทม์มือใหม่ที่ถูกส่งมาทำงานจิปาถะ แต่เธอมีความลับซ่อนไว้ (แสดงโดย ดานิเอลเล บรูกส์ (Danielle Brooks)) โดยฮาร์คอร์ตกับอิโคโนมอสเราได้ผ่านตามาจากตัวหนังบ้างแล้วแต่ยังไม่ได้มีบทบาทมาก และทีมที่เหลือก็เป็นตัวละครใหม่หมด ทำให้ทีมนี้เป็นอะไรที่สดใหม่น่าค้นหาอยู่ดี
และเมื่อเรื่องเดินหน้าไปอีกเราก็จะได้พบกับเพื่อนสนิทของพีซเมเกอร์อย่าง อิกลี่ ที่เป็นนกอินทรีหัวขาวสัญลักษณ์ของอเมริกา และเพื่อนที่อยากซี้กับเขาอย่าง วิจิแลนตี หรือ ศาลเตี้ย แอนไทฮีโรหน้าตาดีที่นิสัยเหมือนพวกโรคจิตและขาดสามัญสำนึกขั้นหนัก (แสดงโดย เฟรดดี้ สโตรมา (Freddie Stroma)) ซึ่งส่วนตัวชอบ 2 ตัวละครนี้มากมันทำให้เรื่องเลยเถิดบรรลัยเกิดและมีความหวังไปได้ตลอดแบบเดาทางไม่ถูกจากพฤติกรรมของพวกเขาที่น่ารักน่าถีบไปพร้อมกันจริง ๆ
ต้องยอมรับว่าตัวละครในเรื่องนี้ไม่ว่าฝักฝ่ายใดก็ออกแบบมาได้น่าสนใจ เป็นที่จดจำอย่างตัวร้ายอย่าง ยูโดมาสเตอร์ ที่เรียกว่าเล็กพริกขี้หนูของแท้รูปลักษณ์ชวนขำแต่ก็ดันโคตรเก่ง คือมีการใช้ความขัดแย้งสร้างตัวละครได้น่าสนใจเหมือนที่พีซเมเกอร์เป็นผู้โหยหาสันติภาพแต่ดันเป็นวายร้ายเสียอย่างนั้น
และที่ซีรีส์ทำได้ดีมาก ๆ คือการใช้เวลาที่มากกว่าหนังปกติ ไม่ได้เพียงพาตัวละครไปไล่จัดการอุปสรรคต่าง ๆ ขยายจักรวาลซีรีส์ของดีซีออกไป แต่ยังเอาเวลานั้นมาเจาะลึกชีวิตและความคิดของตัวละครนำด้วย เราจะไม่ได้เห็นแค่พีซเมเกอร์กับผองเพื่อน แต่เราจะได้เห็นเขาในฐานะ คริสโตเฟอร์ สมิธ ที่สูญเสียพี่ชายไปในตอนเด็กจากน้ำมือตนเองจนกลายเป็นตราบาป และมีพ่ออย่าง ไวท์ดรากอน (แสดงโดย โรเบิร์ต แพทริก (Robert Patrick) หรือป๋าคนเหล็กไหล T-1000 ที่เคยฟัดกับลุงอาร์โนลด์มาแล้ว) ที่เป็นผู้นำพวกนีโอนาซีที่ไม่เคยแสดงความรักของพ่อต่อเขาเลย นั่นทำให้เราสามารถเข้าใจได้ว่าทำไมพีซเมเกอร์จึงมีบุคลิกและวิธีคิดแบบนี้ จากเคยเกลียดจากฉบับหนังอาจทำให้สงสารจนหลงรักเขาเลยก็ได้
หนังยังมีเซอร์ไพรส์และความจัดจ้านในแนวตลกร้ายที่คอยทำให้ประหลาดใจได้เสมอ ไม่ว่าจะตัวตนของภัยร้ายที่พวกตัวเอกต้องรับมือ เปิดตัวมาก็ถึงกับเหวอเลยทีเดียว แถมยังแซวตัวเองอำตัวเองเก่งอย่างเช่นในฉากที่พีซเมเกอร์ถูกบังคับเข้าภารกิจบัตเตอร์ฟลายหรือปฏิบัติการผีเสื้อ ตัวละครก็แซวทันทีว่าในหนัง ‘The Suicide Squad’ เขาไปทำภารกิจสตาร์ฟิชหรือปลาดาว แต่เขาต้องเจอปลาดาวยักษ์ต่างดาวไล่กระทืบ แล้วนี่ผีเสื้อเขาไม่ต้องสู้กับมอธร่า (ในหนังก็อดซิลล่า) เหรอ (ฮา)
พวกมุกอำนี่ยังเลยเถิดไปถึงตัวท็อปในดีซีด้วย โดยเฉพาะอะควาแมนที่ถูกลือทั้งเรื่องว่าชอบไปอึ๊บกับปลา และก็ยังมีการเล่นคำสนุก ๆ อีกมากเช่นชื่อตอนที่ไปล้อเลียนวัฒนธรรมร่วมสมัยดัง ๆ อย่างพวกเชื่อเพลงชื่อหนังได้มันมาก และแน่นอนฉากเปิดเรื่องที่กดข้ามไม่ได้สักตอนนั่นก็สุดยอดในความกวน คือเทียบความเกรียนนี่คือแฟรนไชส์ที่พอเอาไปสู้กับ เดดพูล ของมาร์เวลได้เลย ถึงจะดูเกรียนด้อยกว่าแต่ก็มีทางดาร์กคอมเมดี้ที่โดดเด่นกินกันไม่ลงอยู่ดี
โดยสรุปต้องยอมรับว่าเป็นซีรีส์เรือธงของฝั่งดีซีและ HBO GO ที่ทำให้เราทั้งขำและซาบซึ้งเสียน้ำตาตามตัวละครได้ไม่ยากเลย และดีใจมาก ๆ ที่ซีรีส์จะได้มีซีซันที่ 2 ต่อไป ซึ่งหวังว่าเจมส์ กันน์จะยังรับบทบาทหลักในการเล่าเรื่องอยู่ เพราะเขาเป็นองค์ประกอบที่ขาดไม่ได้จริง ๆ ตอนที่เขากำกับเองกับตอนที่เขาให้คนอื่นกำกับจากบทของเขา มันเห็นความลงตัวของมุกและเคมีที่ตัวละครชงตบมุกกันเหมือนขาดอะไรไปบางอย่างจริง ๆ เอาเป็นว่าใครยังไม่เคยลองสมัคร HBO GO นี่น่าจะเป็นโอกาสดีอีกครั้งที่คุ้มในการสมัครเพื่อดูแล้วล่ะ
ยิ่งใครแฟนดีซี ตอนสุดท้ายคามิโอที่รับเชิญมาเข้าฉากนี่ มีกรี๊ดสลบ
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส