Release Date
12/02/2022
Episodes
16 Episodes
Director
Jung Ji-Hyun
Cast
Kim Tae-Ri Nam Joo-Hyuk
Our score
10.0[รีวิวซีรีส์] Twenty Five, Twenty One – ซีรีส์ที่มีดีกว่าดักแก่เด็ก 90s (พร้อมวาร์ปนักแสดง)
จุดเด่น
- เรื่องราวส่งผลต่อหัวใจทุกห้อง อยากฮาก็หัวเราะร่า พอซึ้งก็น้ำตกรื้น พอบีบหัวใจก็ทำเอาลุ้นตาม
- คิมแทรี กับเสน่ห์เฉพาะตัวที่ทำให้คนดูได้ลุ้นตามเธอตลอด
- นัมจูฮยอกพิสูจน์ได้ชัดเจนว่ามีอะไรดีมากกว่าแค่หน้าหล่อ ๆ
- อีจูมยอง คือเอ็มวีพีมากในตอนล่าสุด
จุดสังเกต
- ถ้าเริ่มดูแล้ว ไม่เป็นอันทำอะไรแน่ ๆ ขอเตือนไว้เลย
-
บทซีรีส์ถ่ายทอดได้ทั้งความทรงจำและอารมณ์ร่วมยุคสมัยได้อย่างยอดเยี่ยม
10.0
-
งานสร้างของซีรีส์เนียนตามาก ทุกพรอบทุกเหตุการณ์คือดักแก่วัยรุ่น IMF ได้หมด
10.0
-
นักแสดงทุกคนมีส่วนทำให้ซีรีส์น่าติดตามทั้งหมด
10.0
-
เทียบกับซีรีส์แนวใกล้เคียงอย่าง Reply ก็ยังทำได้เหนือกว่า
10.0
-
ง่าย ๆ เลยนี่คือซีรีส์ที่ควรดูเป็นอันดับต้น ๆ ของปี 2022
10.0
ไม่เคยแผ่วเลยจริง ๆ สำหรับซีรีส์เกาหลีที่ขยันจู่โจมคนดูในทุกช่องทางและแข่งคุณภาพกันแบบเอาเป็นเอาตาย และแน่นอนว่าสำหรับคนที่ดูซีรีส์เกาหลีค่อนข้างน้อยอย่างผม จะเลือกซีรีส์ดูแต่ละเรื่องก็ดูในหลาย ๆ องค์ประกอบและทันใดนั้น Netflix ก็แนะนำซีรีส์อย่าง ‘Twenty Five, Twenty One’ ที่ดูเผิน ๆ แทบจะตามรอยซีรีส์ในดวงใจใครหลายคนอย่างซีรีส์ตระกูล ‘Reply’ แต่ปรากฎว่าจุดแข็งสำคัญของมันคือการพูดถึงวัยรุ่นที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจที่มีชื่อว่าวิกฤติต้มยำกุ้งในช่วงปี 2541 หรือ 1998 มาเล่าคู่ขนานกับวิกฤติโควิด 19 (Covid-19) ได้อย่างลงตัว
เปิดเรื่องย่อ กีฬาฟันดาบ ความฝัน มิตรภาพและความทรงจำ
เส้นเรื่องหลักของซีรีส์จะมีศูนย์กลางในปี 1998 นาฮีโด เธอคือลูกสาวของผู้ประกาศข่าวสาวชื่อดังที่ใฝ่ฝันจะเป็นนักกีฬาฟันดาบระดับประเทศเหมือน โกยูริม นักกีฬาระดับเหรียญทองจนถึงขั้นย้ายโรงเรียนและเข้าชมรมฟันดาบแต่ความฝันที่อยากจะสานสัมพันธ์กับโกยูริมก็กลายเป็นอากาศเมื่ออีกฝ่ายไม่รับในไมตรีของเธอและมองเป็นคู่แข่งเท่านั้น
ในขณะเดียวกันเธอก็ได้สานสัมพันธ์กับกลุ่มเพื่อนสุดป่วนทั้ง จีซึงวาน หัวหน้าห้องผู้รักความถูกต้องและเป็นเจ้าของห้องเช่า มุนจีอุง หนุ่มหล่อเจ้าของฉายาไอ้น่ารักห้อง 7 ที่แอบมีใจให้โกยูริม รวมถึง แบ็กอีจิน อดีตลูกเศรษฐีตกอับเพราะพ่อล้มละลายในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ พวกเขาได้ใช้เวลาที่ผันผ่านจากเดือนเป็นปีค่อย ๆ ปลูกสัมพันธ์อันงดงามปนเหตุการณ์ใจสลายที่มาขัดเกลาให้พวกเขาได้เติบโตขึ้น
แบ็กอีจินได้เข้ามาพัวพันในชีวิตของนาฮีโดและเริ่มสานสัมพันธ์ขึ้นทีละน้อยท่ามกลางอุปสรรคต่าง ๆ ที่มาพิสูจน์หัวใจของพวกเขาทั้งช่วงวัยและการงานที่คอยเข้ามาขวางความรักของทั้งคู่ไม่มีหยุดหย่อน ข้ามฟากมายังปี 2022 คิมมินแช ลูกสาวของนาฮีโดกำลังพลิกไดอารีของ นาฮีโด ผู้เป็นแม่เพื่อซึมซับเรื่องราวสุข ซึ้ง และเสียงหัวเราะปนคราบน้ำตาของผู้เป็นแม่ เพื่อเป็นการใช้เวลากับแม่และคุณยายในช่วงที่คุณพ่อของเธอถูกกักตัวหลังกลับจากต่างประเทศ แต่พ่อของคิมมินแชคือใครกันนะ
เรื่องราวของยุคสมัยที่เล่าได้อย่างเฉียบคม
จุดเด่นของ ‘Twenty Five, Twenty One’ คือการกำหนดให้เรื่องราว 2 ยุคที่ถูกเล่าตัดสลับกันมีเหตุการณ์ร่วมสมัยเกิดขึ้นทั้งวิกฤตเศรษฐกิจที่ในซีรีส์ใช้ชื่อว่า “วิกฤติ IMF” เพื่อบอกเงื่อนไขอะไรหลาย ๆ อย่างในปี 1998 ทั้งการที่พ่อของแบ็กอีจินล้มละลายและสร้างหนี้ไว้มากมาย หรือการที่ชมรมฟันดาบของโรงเรียนเก่าถูกยุบจนทำให้ นาฮีโดต้องพยายามย้ายโรงเรียนให้ได้ซึ่งเหล่านี้เองก็เอื้อให้ซีรีส์ได้ย้อนตะเข็บเส้นเวลานำเหตุการณ์ละอันพันละน้อยที่เข้ามากระทบกับชีวิตผู้คนในยุคนั้นมานำเสนอได้อย่างเห็นภาพและช่วยให้เรื่องราวเข้มข้นขึ้นมากมายเหลือเกิน
และโดยที่ไม่ต้องสังเกตซีรีส์ก็มีธีมอันว่าด้วย ‘ระยะห่าง’ ที่ถูกใช้บ่อยเหลือเกินทั้งในแง่กีฬาฟันดาบ ความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัว หรือเรื่องชนชั้นของนักเรียนในเรื่อง ไปจนถึงระยะห่างทางอาชีพระหว่างนักข่าวกีฬาอย่างแบ็คอีจินกับนาฮีโด ที่ซีรีส์สามารถหยิบยกเหตุการณ์วิกฤติIMFในเรื่องมาเป็นเงื่อนไขที่ทำให้ตัวละครต้องมีระยะห่างกันได้อย่างเหมาะเหม็งและเราก็ต้องคอยลุ้นให้ระยะห่างดังกล่าวกระชับขึ้นให้ได้
ในขณะที่ปี 2022 แม้จะถูกตั้งไว้เพื่อเป็นโจทย์ให้คนดูติดตามไปถึงตอนจบว่าแท้จริงแล้ว พ่อของคิมมินแชคือใครจนหลายคนได้กลิ่นซีรีส์ตระกูล ‘Reply’ มาแต่ไกล และแม้จะพอถูไถได้ว่าซีรีส์เลือกสถานการณ์โควิดมาแค่จะคงธีมรักษาระยะห่างทางสังคมหรือการเอาเรื่องการกักตัวมาให้คนดูลุ้นเรื่องพ่อของคิมมินแชเท่านั้น หากแต่มันก็ไม่ได้ถูกนำเสนอแบบกลวงโบ๋เสียทีเดียวเพราะการยกเอาวิกฤติโรคระบาดอย่าง โควิด 19 (Covid-19) มาเปรียบเปรยก็ช่างเชื่อมโยงให้ผู้ชมที่เกิดไม่ทันสามารถเข้าใจสถานการณ์และอารมณ์ร่วมของยุคสมัยเชื่อมต่อกับเหล่าวัยรุ่นยุค IMF ได้เป็นอย่างดีและยังเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้พวกเราต้องลุ้นกันว่านอกจากนาฮีโดแล้วเหล่าวัยรุ่นยุค IMF เติบโตมาอย่างไรบ้างซึ่งเหล่าตัวละครแวดล้อมก็ค่อย ๆ ทำให้เรารักพวกเขามากขึ้นเรื่อย ๆ เสียด้วย
ร้านเช่าการ์ตูน เพจเจอร์ ตู้โทรศัพท์ โทรศัพท์มือถือฝาพับ ปฐมบทโปรแกรมแชทและคลื่นวิทยุออนไลน์
เอาล่ะหลายคนคงรู้สึกว่าก็ไม่เห็นแปลกนี่ อุปกรณ์สื่อสารบนหัวข้อก็ถูกนำเสนอในหนังหรือซีรีส์ที่พูดถึงยุค 90s มามากมายแล้ว หากแต่ ‘Twenty Five, Twenty One’ กลับนำอุปกรณ์การสื่อสารเหล่านี้มาเล่าได้อย่างมีประสิทธิภาพและไม่ใช่แค่กิมมิกไว้ขายดักแก่เท่านั้น แต่ของแต่ละอย่างก็มีเรื่องราวที่ผูกโยงตัวละครต่างกันและสามารถส่งเสริมการเล่าเรื่องได้เป็นอย่างดี
อย่างร้านเช่าการ์ตูนที่เด็กยุค 90s คุ้นเคยก็ถูกนำมาทำให้เป็นบริบทแรกของเรื่อง ‘ระยะห่าง’ ระหว่างแบ็กอีจินกับ นาฮีโดเพราะฝ่ายแรกอยู่ในฐานะพนักงานและฝ่ายหลังเป็นลูกค้า โดยการ์ตูนที่ใช้ดำเนินเรื่องคือ ‘Full House’ หรือฟูลเฮาส์ซึ่งซีรีส์ใช้ในการกำหนดช่วงเวลาได้อย่างดีเยี่ยมมีทั้งเหตุการณ์ฮา ๆ อย่างเล่ม 12 ถูกแม่ฉีกจนนาฮีโดต้องวาดด้วยลายเส้นง่อย ๆ แล้วแปะเรียกเสียงหัวเราะหรือการเอาเล่ม 15 ของฟูลเฮาส์มาเป็นเงื่อนไขที่แบ็กอีจินสัญญาว่าจะกลับมาหานาฮีโดในช่วงที่เขาจำเป็นต้องพาน้องชายหนีเจ้าหนี้กลับบ้าน
เพจเจอร์และตู้โทรศัพท์ ดูจะเป็นของคู่กันที่ช่วยให้นาฮีโดกับแบ็กอีจินได้ติดต่อสื่อสารและขยับ ‘ระยะห่าง’ ให้ใกล้กันมากขึ้น เพียงแต่มันไม่เพียงเป็นแค่อุปกรณ์การสื่อสารตามยุคสมัยที่ถูกดิสเพลย์ในเรื่องเท่านั้นตรงกันข้ามมันยังส่งผลต่อความสัมพันธ์โดยตรงโดยเฉพาะช่วงที่แบ็กอีจินต้องทิ้งเพจเจอร์เพื่อไม่ให้ใครหาเขาเจอ เราก็พบว่าพวกเขาทั้งคู่โหยหากันอย่างไม่แคร์สัญญาณโทรศัพท์และใช้เพียงเสียงที่ต่างฝ่ายต่างทิ้งไว้ในกล่องข้อความหรือเทปคาสเซ็ตต์มาปลอบประโลมคืนวันอันโหดร้ายให้ผ่านไป มิหนำซ้ำตู้โทรศัพท์ยังโผล่มามีบทบาทอีกครั้งในช่วงที่แบ็กอีจินทำอาชีพนักข่าวอีกด้วย
โทรศัพท์มือถือฝาพับ อันนี้ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะเป็นเหมือนการขายอดีตของ ‘Samsung’ ให้เราได้รู้ว่าเคยผลิตมือถือฝาพับด้วย แต่หากไม่นับเรื่องการตลาด โทรศัพท์มือถือยุคปลาย 90s ด้วยความที่ราคาสามารถจับต้องได้สำหรับชนชั้นกลางเราเลยได้เห็นซีนซึ้ง ๆ อย่างการที่แม่ของโกยูริมซื้อเป็นของขวัญให้เธอแม้ทางบ้านจะลำบากแค่ไหนก็ตาม หรือการทำให้เราเห็นว่ามือถือฝาพับที่เน้นแค่โทรเข้า-ออกและส่งข้อความสามารถมาทำหน้าที่แทนโชคชะตาได้ด้วยโดยเฉพาะซีนที่นาฮีโดลืมโทรศัพท์ไว้ที่ร้านขายยา
โปรแกรมแชต อันนี้เป็นเรื่องราวซับพล็อตเล็ก ๆ ที่อบอุ่นหัวใจมากเพราะเป็นยุคแรกของการสื่อสารแบบไม่เห็นหน้าและปกปิดตัวตน และแม้จะดูเป็นมุกเก่าที่ให้โกยูริมและนาฮีโดแอบเป็นเพื่อนกันในแชททั้งที่โลกภายนอกพวกเธอต่างขับเคี่ยวกันอย่างเอาเป็นอาตายในกีฬาฟันดาบก็ตามแต่ก็ต้องยอมรับว่าบทซีรีส์ก็เลือกจัดวางมันได้เข้ากับสถานการณ์มาก ๆ เพราะแม้ซีนก่อนหน้าเราจะเห็นความดุเดือดและสะเทือนใจแค่ไหนแต่พอถึงซีนที่ทั้งคู่ต่างปลอบประโลมกันผ่านตัวอักษรบนแชตก็อยากล่ะที่เราจะไม่ตกหลุมรักในความสัมพันธ์ของพวกเธอ
หลากเหตุการณ์ชวนลุ้นและใจสลาย
สำหรับอีเวนต์ใหญ่ในซีรีส์คงหนีไม่พ้นเอเชียนเกมส์ปี 1999 ที่กวังจู ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่สมมติขึ้นนะครับ เพราะของจริงคือเอเชียนเกมส์ปี 1998 จัดที่กรุงเทพมหานคร แต่ซีรีส์ก็เลี่ยงบาลีและจินตนาการขึ้นใหม่เพื่อจะได้ชี้ให้เห็นผลกระทบของวิกฤติ IMF ได้ชัดเจนขึ้น ซึ่งเหตุการณ์นี้จะกินเวลาทั้งสิ้น 3 ตอนได้แก่ตอนที่ 5-7 ซึ่งสร้างสถานการณ์ชวนบีบหัวใจมากมายทั้งการที่ต้องลุ้นให้นาฮีโดไปแข่งให้ทันหลังจากพบว่าดาบของเธอสลับกับคู่แข่งชาวญี่ปุ่นหรือผลกระทบหลังการแข่งขันที่บอกได้เลยว่าชวนใจสลายมาก ๆ
และน่าแปลกใจว่าในเนื้อเรื่องที่แม้จะเน้นไปที่ความรักและความทรงจำยุค 90s แต่มันกลับสอดแทรกเนื้อหาที่กล่าวถึงการทำหน้าที่สื่อมวลชนได้ชวนถกเถียงมาก ๆ เพราะไม่ว่าจะสมัยไหนสงครามข้อมูลข่าวสารก็มีคนที่ตกเป็นเหยื่อเสมอและในซีรีส์ก็ให้ตัวละครนำเป็นทั้งเหยื่อและสื่อมวลชน ซึ่งซีรีส์ถ่ายทอดเรื่องราวในส่วนนี้ออกมาได้ลึกซึ้งและไม่ฉาบฉวยเลย
อีกเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านไปในตอนล่าสุดคือการหยิบยกความรุนแรงในโรงเรียนที่ทำให้ จีซึงวาน ไม่อาจเพิกเฉยต่อปัญหาแต่กลับเจอการตอกกลับจากเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำให้เธอพบว่าเยาวชนช่างมีสิทธิเสรีภาพในร่างกายน้อยเหลือเกินจนนำไปสู่บทสรุปที่เชื่อเลยว่าจะทำให้หัวใจคนดูสั่นสะเทือนแน่นอน
ทีมนักแสดงที่กุมหัวใจคนดูตั้งแต่ตอนแรก
สำหรับนักแสดงนำอย่าง คิมแทรี เราคงไม่ต้องสาธยายให้มากความเพราะนี่คือซีีรีส์เรื่องที่ 2 หลังการร่วมงานกับ Netflix ไปใน ‘Mr.Sunshine’ เมื่อหลายปีก่อนจนกระทั่งชองจีฮยอน ผู้ช่วยผู้กำกับและควอนโดอึนหนึ่งในทีมเขียนบทจากซีรีส์เรื่องดังกล่าวตัดสินใจทักทอเรื่องราวสุดประทับใจและให้คิมแทรีมารับบทนาฮีโดที่เชื่อว่าใครได้ดูก็ยากจะไม่ตกหลุมรักและเอาใจช่วยเธอทั้งในด้านกีฬาฟันดาบที่ล่าสุดได้ทำให้เกิดกระแสฟีเวอร์ทั้งในไทยและเกาหลีไปเรียบร้อย และไหนจะมาประกอบกับ นัมจูฮยอก หนุ่มหล่อจากซีรีส์ดัง ‘Start-Up’ มาทำให้สาว ๆ ใจละลายอีก
ส่วนนักแสดงสมทบก็ครบเครื่องทั้งความสวยหล่อและฝีมืออย่าง คิมจียอน อดีตสมาชิกวง ‘WJSN’ และ ‘Wonder Unit’ ก็รับบทโกยูริม แชมป์เหรียญทองฟันดาบที่ครบเครื่อง หรือจะเป็น ชเว ฮยอนอุก ที่พลิกภาพเด็กแสบจาก ‘Taxi Driver’ ซีรีส์สุดเดือดมาเป็นไอ้น่ารักห้อง7 อย่างมุน จีอุงได้น่ารักน่าชังทีเดียว และเอ็มวีพีที่ทำให้หลายคนพูดถึงก็คือ อีจูมยอง ที่รับบทจีซึงวาน หัวหน้าห้องที่เพิ่งทำให้ผู้ชมหัวใจอ่อนปวกเปียกและอดปรบมือให้เธอไม่ได้จากตอน 12 ที่ผ่านมา
เบาะแสที่ต้องลุ้นต่อ
สำหรับเบาะแสที่ต้องลุ้นต่อก็มีหลายทฤษฎีมาก ๆ ที่หลายคนคาดเดาว่าใครจะเป็นพ่อของคิมมินแช โดยทฤษฎีต่าง ๆ มีดังนี้
- คิมมินแชเป็นลูกเลี้ยงของนาฮีโด เป็นที่สังเกตว่านี่เป็นตัวละครตระกูลคิมคนแรกในซีรีส์ ซึ่งแน่นอนว่าพ่อของของคิมมินแชก็น่าจะต้องเป็นตระกูลคิม ซึ่งหากคิดแบบเข้าข้างตัวเองก็เป็นได้ว่า นาฮีโดและแบ็กจีอินแต่งงานกันแต่รับเด็กมาเลี้ยง โดยตอนท้ายเป็นไปได้ว่านาฮีโดอาจมีเหตุบางอย่างที่ทำให้มีลูกไม่ได้
- ท้ายสุดแล้วนาฮีโดก็ไปแต่งงานใหม่ เป็นไปได้ไหมว่าท้ายสุดแล้ว ‘ระยะห่าง’ ก็ทำให้นาฮีโดไม่สามารถครองคู่กับแบ็กจีอินได้ จนเธอได้แต่งงานใหม่กับคุณคิมที่เป็นสามีในปัจจุบัน
- มีเหตุให้แบ็กจีอินต้องจากไป อันนี้มีคนตาดีไปเห็นรูปจากกองถ่ายที่ได้ถ่ายทำฉากสุดท้ายแล้วเห็นรูปอุโมงค์ ซึ่งซีรีส์หรือหนังที่มีอุโมงค์มักเป็นสัญลักษณ์ของการจากลา
- เพลง Twenty-Five, Twenty-One เป็นเหตุ อีกทฤษฎีหนึ่งกล่าวว่าชื่อหนังไปพ้องกับชื่อเพลง ‘Twenty-Five, Twenty-One’ เพลงฮิตปี 2013 ของวงจาอูริม (Jaurim) ที่ซีรีส์นำทำนองมาใช้เป็นเพลงอินโทรของซีรีส์ ซึ่งกล่าวถึงช่วงเวลาในวัยรุ่นยุค 90s ที่ไม่อาจหวนมา และจากเนื้อหาก็ดันไปพ้องกับเนื้อเพลงท่อนหนึ่งแปลความได้ว่า
ฟังเพลง ‘Twenty-Five, Twenty-One’ คลิกที่นี่
ขณะนี้ซีรีส์ยังเหลืออีก 4 ตอนเลยอยากชวนใครที่ยังไม่ได้ดูก็ขอให้รีบ ๆ ตาม 12 ตอนแรกรับรองว่าใช้เวลาไม่นานเลยเพราะซีรีส์เดินเรื่องกระชับและเข้มข้นมาก ๆ เพื่อรอดูอีก 4 ตอนทุกวันเสาร์-อาทิตย์เวลา 21:00 น. ทาง Netflix เท่านั้น
เปิดวาร์ปนักแสดงนำ
นัม จูฮยอก (Nam Joo-hyuk) รับบทเป็น แบ็กอีจิน
IG : skawngur
คิม แทรี (Kim Tae-ri) รับบทเป็น นาฮีโด
คิมจียอน (Kim Ji-yeon) หรือ โบนา (Bona) รับบทเป็น โก ยูริม
IG: bn_95819
ชเวฮยอนอุก (Choi Hyun-wook) รับบทเป็น มุน จีอุง
IG : _choiiii__
อีจูมยอง (Lee Joo-myung) รับบทเป็น จีซึงวาน
IG : jmyoungl
ใครอยากดูไม่ยากแค่ อองการ์ด.. เพร็ต.. อัลเล.. แล้วกดที่รูปด้านล่างได้เลย
อ้างอิง
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส