James Wan คือผู้กำกับที่สร้างชื่อมาจากหนังเขย่าขวัญจิตวิทยาสุดคลาสสิคอย่าง Saw (2004) ก่อนจะหันมาเป็นผู้กำกับและโปรดิวเซอร์สายเขย่าขวัญเต็มตัวด้วยโปรเจ็กอย่าง Saw ทั้ง 7 ภาค (2004-2010) และโปรเจ็ก Insidious ทั้ง 4 ภาค (2010-2017) ซึ่งก็ประสบความสำเร็จในการหลอกหลอนคนดูฟันเงินในบ็อกซ์ออฟฟิศมาแล้วมากมาย จนถือได้ว่าเป็นผู้กำกับที่มีวิสัยทัศน์เยี่ยมน่าจับตามองคนหนึ่งของวงการเลยล่ะ

ด้วยนิสัยปกติ เจมส์ วาน มักจะกำกับหนังภาคแรกจนโด่งดัง แล้วส่งมือต่อให้ผู้กำกับคนอื่นสานงาน ส่วนตัวเองจะหันไปนั่งอำนวยการผลิตอย่างเดียวเสมอ เห็นได้จากทั้งโปรเจ็ก Saw และ Insidious ที่ผ่านมา แต่กับงานโปรเจ็กคู่สามี-ภรรยานักปราบผี เอ็ด และ ลอร์เรน วอร์เรน อย่าง The Conjuring นี้น่าจะเป็นงานที่เขาอินมากที่สุด เพราะนอกจากหนังภาคแรกแล้ว เขายังโปรดิวซ์หนังสปินออฟอย่าง Annabelle (2014) ออกมา และถึงขนาดยอมทิ้งโอกาสในการกำกับหนังโคตรดังอย่าง Fast 8 ไป แล้วมากำกับหนังภาคต่อด้วยตัวเองทีเดียว ดังนั้นหนังที่จอมวิสัยทัศน์อย่าง เจมส์ วาน ปลุกปั้นเองขนาดนี้คงต้องมีอะไรไม่ธรรมดาแน่นอน

ผู้กำกับ เจมส์วาน และนักแสดงนำ

ผู้กำกับ เจมส์วาน และนักแสดงนำ

The Conjuring 2 ยังคงเดินเรื่องราวต่อเนื่องจากหนังภาคแรก ที่สองสามีภรรยาวอร์เรนได้ออกแก้ไขคดีลึกลับต่างๆที่เกี่ยวข้องกับปรากฏการณ์ทางวิญญาณ หนังเปิดด้วยการเชิญวิญญาณเพื่อไขคดีที่โด่งดังที่สุดในอเมริกาอย่าง บ้านผีสิงแห่ง Amityville ที่ดังถึงขนาดเคยทำเป็นหนังออกมาแล้วถึง 2 เรื่องในชื่อ The Amityville Horror (1979 และฉบับรีเมค 2005) ว่าด้วยเหตุการณ์สะเทือนขวัญฆ่าล้างครัว ที่ทำให้เกิดคดีชวนขนหัวลุกที่หาคำตอบไม่ได้กับผู้ที่ย้ายมาอาศัยต่อหลังเหตุการณ์ การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับคดีอะมิตี้วิลล์ครั้งนี้ทำให้ทั้งคู่ถูกวิพากย์วิจารณ์อย่างหนักจากผู้ที่ไม่เชื่อในเรื่องราวเหนือธรรมชาติซึ่งพอดีกับที่ในคดีนี้ลอร์เรนยังได้เห็นนิมิตที่เตือนเธอถึงปีศาจร้ายที่จ้องเอาชีวิตคนที่เป็นที่รักของเธออย่างเอ็ด จึงทำให้เธอคิดว่าจะพักงานเกี่ยวกับวิญญาณไว้ก่อน

ถึงจะเป็นนักปราบผีก็ใช่ว่าจะปลอดภัยจากเหล่าผี

ถึงจะเป็นนักปราบผีก็ใช่ว่าจะปลอดภัยจากเหล่าผี

ในขณะเดียวกันอีกฝั่งโลกที่ประเทศอังกฤษ ครอบครัวฮอดจ์สัน ที่ประกอบด้วยคุณแม่ และลูกชายลูกสาว 4 คน กำลังถูกหลอกหลอนอย่างหนักจากวิญญาณเฒ่าเจ้าของบ้านเดิมที่ไม่ยอมไปสู่สุคติ เหตุการณ์เริ่มรุนแรงขึ้นถึงขนาดตำรวจและสื่อมวลชน จนกระทั่งนักวิทยาศาสตร์ต่างเข้ามาพิสูจน์หาข้อเท็จจริง แต่ก็พบเพียงปริศนาที่ไม่อาจอธิบาย จนบ้านหลังนี้ได้รับการกล่าวขวัญว่าเป็น อะมิตี้วิลล์แห่งเกาะอังกฤษ เลยทีเดียว เรื่องร้อนไปยังศาสนจักรซึ่งก็พยายามเซฟตัวเองไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับคดีที่ตกเป็นกระแสและความสนใจผู้คนมากนักเพื่อเลี่ยงการวิพากย์วิจารณ์อย่างที่ครอบครัววอร์เรนเผชิญ จึงเป็นเหตุให้คู่สามีภรรยาวอร์เรนต้องเป็นตัวแทนศาสนจักรเข้าประเมินสถานการณ์ว่าเป็นปีศาจของจริงหรือเพียงคนกุเรื่องหวังดังเท่านั้น แม้จะไม่เต็มใจนักแต่เพื่อเด็กๆที่น่าสงสารของครอบครัวฮอดจ์สัน ลอร์เรนจึงไม่อาจปฏิเสธสามีในการที่จะไม่ช่วยเหลือ และนี่คือจุดเริ่มต้นของการหาความจริงและต่อสู้กับความลึกลับในภาคนี้

ภาพครอบครัวฮอดจ์สันตัวจริง

ภาพครอบครัวฮอดจ์สันตัวจริง

เจเน็ต ลูกสาวคนเล็กของครอบครัวฮอดจ์สัน ผู้เป็นเหยื่อของวิญญาณในครั้งนี้ หนังปูมิติตัวละครได้ลึกกว่าเดิมทั้งนักปราบผีและเหยื่อ

เจเน็ต ลูกสาวคนเล็กของครอบครัวฮอดจ์สัน ผู้เป็นเหยื่อของวิญญาณในครั้งนี้ หนังปูมิติตัวละครได้ลึกกว่าเดิมทั้งนักปราบผีและเหยื่อ

การพิสูจน์ที่รวมตัวทั้งนักวิทยาศาสตร์ที่ไม่เชื่อ และเหล่าผู้คนที่วนเวียนกับเรื่องเหนือธรรมชาติ

การพิสูจน์ที่รวมตัวทั้งนักวิทยาศาสตร์ที่ไม่เชื่อ และเหล่าผู้คนที่วนเวียนกับเรื่องเหนือธรรมชาติ

ในภาคแรกนั้นหนังมีปริมาณผีเยอะมากเป็นสิบๆตัวให้เลือกใช้หลอกหลอน เพราะว่าด้วยเรื่องบ้านที่มีการอยู่อาศัยและมีการตายมายาวนานถึง 8 รุ่นด้วยกัน แต่ในภาคนี้หนังมีผีให้เล่นเพียง 1-2 ตัวเท่านั้นด้วยตามเหตุการณ์ที่อิงจากเรื่องจริงที่เกิดขึ้น แต่ตรงนี้กลับเป็นข้อดีขึ้นด้วย เพราะทำให้ เจมส์ วาน สามารถโฟกัสเรื่องราวดราม่าความสัมพันธ์ระหว่างนักปราบผีกับครอบครัวเหยื่อได้ชัดขึ้น และทวีความเข้มข้นของเนื้อหาทั้งการหลอกหลอนและการสืบสวนแก้ปัญหาได้มากขึ้นด้วย โดยเฉพาะลูกเล่นในการหลอกของผีที่ยังคง มีของ ทั้งภาพและเสียงให้ชวนสะดุ้งและดูมีความคิดสร้างสรรค์แตกต่างจากหนังในแนวเดียวกันเรื่องก่อนๆด้วย ตรงนี้เตรียมปิดตากันได้เลยสำหรับคนกลัวผีตุ้งแช่ (แต่จะบอกว่าหนังหลอกเราแบบพอดีๆไม่เยอะเกินไปจนเสียเนื้อเรื่อง ซึ่งดีมากๆเลย 55)

ผีเป็นสไตล์ฝรั่ง ก็มาให้เห็นเป็นตัวๆ อาจจะไม่น่ากลัวมากสำหรับบางคน แต่จังหวะการออกมาก็สะดุ้งอยู่ดี

ผีเป็นสไตล์ฝรั่ง ก็มาให้เห็นเป็นตัวๆ อาจจะไม่น่ากลัวมากสำหรับบางคน แต่จังหวะการออกมาก็สะดุ้งอยู่ดี

ด้านภาพ บรรยากาศเรื่องที่ เจมส์ วาน เน้นหนักหนาให้คงความเป็นหนังผียุคทศวรรษ 1970 ตามท้องเรื่องไว้ ก็สร้างความน่าสะพรึงด้วยความคลุมเครือแห่งยุคสมัยได้ดีทีเดียว ทั้งการล้อมวงเชิญวิญญาณ หรือการเล่นผีถ้วยแก้วที่สมัยนั้นยังทำกันเป็นปกติก็ดูมีมนต์ขลังมากกว่าในยุคนี้ ยิ่งทำให้หนังดูน่าเชื่อมากขึ้น นี่ยังไม่ต้องนึกถึงว่านี่คือคดีจริงที่เกิดขึ้นจริงๆตามบันทึกแวดล้อมของทั้งนักข่าวและของครอบครัววอร์เรนด้วยนะ (ตอนเครดิตจบของหนัง เขาเปิดเสียงบันทึกจริงที่เอ็ดสอบถามวิญญาณที่กำลังสิงเด็กสาวให้ฟังพร้อมภาพนักแสดงเทียบกับตัวจริงด้วย)

กระโจมผีหลอนที่มีในหนังหลายเรื่องก็มีเช่นกัน

กระโจมผีหลอนที่มีในหนังหลายเรื่องก็ยังทำหน้าที่ได้ดีเช่นเดิม

บ้านต้นเรื่องของครอบครัวฮอดจ์สันในหนัง

บ้านต้นเรื่องของครอบครัวฮอดจ์สันในหนัง บรรยากาศแบบยุค 1970

สรุป

นี่เป็นหนังภาคต่อที่ไม่ต้องดูภาคแรกก็ได้ เน้นเนื้อเรื่องแน่นๆ ภาพสวยๆ บรรยากาศชวนขนลุกและหลอกหลอนคนดูแบบมีสไตล์มากๆ ผีในเรื่องออกแนวปีศาจแบบฝรั่งอาจจะไม่ได้น่ากลัวสุดๆแบบคนเอเชียคุ้นเคย แต่ลีลาการหลอนและการเล่าเรื่องผูกปริศนาในเรื่องก็ยังน่าสนใจมากๆอยู่ดี หนังเปิดรอบพิเศษหลัง 2 ทุ่มจนถึงวันพุธนี้ ก่อนเข้าฉายเต็มๆในวันพฤหัสนี้ ดูดึกๆแล้วกลับบ้านเปลี่ยวๆนี่หลอนดีนักแล