ผลงานภาคต่อจากหนังสุดฮิต Finding Nemo (2003) ที่มาภาคนี้นอกจากเวลาในเรื่องจะผ่านไป 6 เดือนแล้ว ยังเปลี่ยนเอาเจ้าดอรี่ ปลาความจำเสื่อมสุดฮาในภาคก่อน มาเป็นตัวเอกเต็มตัวด้วย นับเป็นการเทคโอเวอร์ตำแหน่งตัวเอกในหนังพิกซาร์เป็นครั้งที่ 3 แล้ว ก่อนหน้านี้ก็มี Car 2 (2011) กับ Monsters University (2013) ที่เคยเอาตัวรองในภาคแรกมาเป็นตัวนำในภาคต่อมา

งานนี้ยังได้เจ้าเก่าอย่างผู้กำกับ Andrew Stanton ที่เคยทำหนังภาคก่อน และหนังเทพๆ อย่าง WALL-E (2008) มาสานต่อ ทั้งยังเอา Angus MacLane อนิเมเตอร์จอมเก๋าที่ผ่านงานมาหลายเรื่องขึ้นมากำกับร่วมด้วย ก็นับว่าดิสนีย์ให้โอกาสคนพอสมควร ทั้งแมคเลนที่ไม่เคยกำกับงานใหญ่มาก่อน และสแตนตันที่ดับวูบจากวงการไปหลังจากผลาญเงินดิสนีย์มหาศาลแต่ทำหนังเจ๊งระดับพระกาฬอย่าง John Carter (2012) ไป ดูเหมือนหนังคนแสดงจะยังไม่ใช่ที่ทางของเขาจริงๆล่ะนะ แต่กับหนังการ์ตูนน่ะน่าจะยังเชื่อมือได้

ห่างหายไป 13 ปีนับจากภาคแรกจนนึกว่าจะไม่มีภาคต่อเสียแล้ว ซึ่งหนังก็ใช้กำลังผลักดันกันน่าดูเลย เริ่มตั้งแต่ว่า Ellen DeGeneres ที่พากย์เป็นดอรี่ เริ่มเดินสายทอล์คโชว์ของตนเองพร้อมกับพยายามหาแรงสนับสนุนให้หนังเรื่องนี้มีภาคต่อด้วย และก็เพราะพลังของคาแรกเตอร์ดอรี่ด้วยล่ะที่มีศักยภาพเอามากๆในการมีหนังของตนเอง ทั้งยังเป็นที่จดจำในภาคก่อนมากๆ เมื่อรวมกับการหาแนวร่วมสนับสนุนยาวนาน ดอรี่ เลยเป็นเป็นตัวละครพิกซาร์ที่คนกดไลค์ในเฟซบุคมากที่สุด มากถึง 25 ล้านกว่าไลค์ ทิ้งห่างเจ้านีโมตัวเอกของเรื่องภาคก่อนไปกว่า 3 ล้านไลค์ด้วย ว้าวววว ก็ไม่แปลกใจที่ดิสนีย์จะไฟเขียวให้ทำภาคต่อจนได้

Ellen พิธีกรชื่อดังที่ให้เสียงดอรี่ กับการโปรโมทเพื่อทำภาคต่อให้หนังอย่างยาวนาน

Ellen พิธีกรชื่อดังที่ให้เสียงดอรี่ กับการโปรโมทเพื่อทำภาคต่อให้หนังอย่างยาวนาน ในที่สุดก็สำเร็จซะทีนะ

 

ดูยอดไลค์นั้นสิเธออออ

https://www.facebook.com/FindingNemoDory ดูยอดไลค์นั้นสิเธออออ

มาภาคนี้หนังเล่าเรื่องของดอรี่ หลังจากที่ช่วยเพื่อนสนิทตามหาลูกชายจนเจอไปแล้วในภาคก่อน ตัวเธอก็เกิดนึกถึงพ่อแม่ของตัวเอง แต่ด้วยเพราะความทรงจำผลุบๆโผล่ๆของเธอ ทำให้ยากลำบากที่จะตามหาพ่อแม่ แต่แน่ล่ะหนังคงไม่ไปไหนถ้าเล่าแค่นี้ ดอรี่จึงได้ออกทะเลกว้างใหญ่เข้าสู่มหานครของมนุษย์อีกครั้งเพื่อหาเบาะแสถึงครอบครัวของตน หนังได้พาเข้าสู่สถาบันวิจัยมหาสมุทรซึ่งเราจะได้พบสัตว์ทะเลมากมายทีเดียว ตรงนี้ก็เปิดโอกาสให้ตัวละครหลากหลายสายพันธุ์มาแสดงความน่ารักและวายป่วงได้เป็นอย่างดี

ฉากแกรนด์ๆสวยๆที่โชว์ฝูงปลาหลากสายพันธุ์ แค่นี้ก้คุมแล้วล่ะ

ฉากแกรนด์ๆสวยๆที่โชว์ฝูงปลาหลากสายพันธุ์ แค่นี้ก้คุมแล้วล่ะ

ในตอนแรกทีมงานตั้งใจจะให้ดอรี่ไปตามหาพ่อแม่ที่สวนน้ำ แต่เพราะหลังจากที่ทีมงานได้ดูหนังสารคดีสุดอื้อฉาวเรื่อง Blackfish (2013) ที่ว่าด้วยเรื่องของความโหดร้ายของการเลี้ยงวาฬเพชรฆาตไว้โชว์ในสวนน้ำ จนเกิดโศกนาฏกรรมคร่าชีวิตทั้งคนดูแลและวาฬขึ้น ทีมงานก็เปลี่ยนใจย้ายโลเกชั่นไปเป็นศูนย์วิจัยด้านมหาสมุทรแทน ทั้งนี้ก็คงเพื่อช่วยลดกระแสต้านจากนักอนุรักษ์ที่ออกมาโจมตีหนัง Finding Nemo ที่มีส่วนส่งเสริมให้เกิดการบุกรุกชีวิตสิ่งมีชีวิต รวมถึงระบบนิเวศในทะเลและมหาสมุทรมากขึ้นด้วย และด้วยเหตุนี้ล่ะมั้ง หนังเลยมีท่าทีพูดเรื่องการปล่อยให้สัตว์น้ำอยู่ตามธรรมชาติของมัน มนุษย์ไม่ควรไปวุ่นวายไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม

หนังสารคดีที่สะเทือนใจทีมงานเอามากๆทีเดียว หนังเรื่องนี้ว่าด้วยการจับวาฬมาโชว์ที่มีเบื้องหลังความสนุกเป็นความทารุณและน่าเศร้าเอามากๆ

หนังสารคดีที่สะเทือนใจทีมงานเอามากๆทีเดียว หนังเรื่องนี้ว่าด้วยการจับวาฬมาโชว์ในสวนน้ำ ที่มีเบื้องหน้าเป็นความสนุกที่เราๆได้ชม แต่เอาจริงๆเบื้องหลังเป็นความทารุณและน่าเศร้าเอามากๆ

หนังเดินเรื่องไวทีเดียว แม้จะเคลื่อนทางด้านฉากไม่มากคือ มหาสมุทรแปซิฟิก ไปฝั่งแคลิฟอร์เนีย แล้วก็วนเวียนอยู่ในศูนย์วิจัยมหาสมุทรไปๆมาๆเท่านั้นเอง ซึ่งทีมงานก็ชดเชยให้โดยการลงรายละเอียดแบบถี่ยิบพอสมควร แบบบ่อนั้นบ่อนี้ ท่อนั้นท่อนี้ โซนนั้นโซนนี้ วุ่นวายทีเดียว ตรงนี้น่าจะทำให้ใครหลายคนรู้สึกว่าหนังนั้นสั้นเพราะฉากน้อย ทั้งที่ความจริงหนังก็ยาวถึง 1 ชั่วโมง 43 นาทีแล้ว แม้จะค่อนข้างนานแต่เพราะเหตุการณ์ในหนังค่อนข้างมากด้วยฉากที่น้อยทั้งยังเล่นอยู่บนเมืองมนุษย์เสียเยอะเลย หนังก็เลยใส่ความโม้และบังเอิญไปเยอะพอตัว ผู้ใหญ่เถรตรงอาจดูไปตั้งคำถามไปแต่เชื่อว่าเด็กๆน่าจะสนุกแบบสุดๆไปเลย เพราะถึงจะโม้แต่หนังก็โม้ได้มันโคตรๆเหมือนกัน

แอ็กชั่นโม้เหม็นจัดเต็มมากครับภาคนี้ หลากอารมณ์สุดๆ

แอ็กชั่นโม้เหม็นจัดเต็มมากครับภาคนี้ หลากอารมณ์มันสุดๆ

ในขณะที่บางคนก็คงอึดอัดกับการไม่ไปไหนเสียทีของหนังด้วย ทั้งฉากที่ซ้ำไปซ้ำมา ตัวละครที่ตัวเดิมๆวนไปวนมา ซึ่งก็คงเพราะด้วยตัวคาแรกเตอร์มีลักษณะความจำเดี๋ยวสั้นมากเดี่ยวสั้นน้อย ทำให้เล่นอะไรไปมากไม่ได้ แต่การย้ำที่หรือย้ำเหตุการณ์ตรงนี้ก็ทำให้เราเห็นพัฒนาการที่เปลี่ยนไปของดอรี่ง่ายขึ้นด้วยเช่นกัน โดยรวมเมื่อประกอบกับความสวยแบบโคตรๆของภาพแล้ว ก็ต้องบอกว่าเล่าเรื่องได้เพลิดเพลินบันเทิงใจมาก เชื่อว่าแค่ดูภาพก็คุ้มแล้วล่ะเพราะสวยเอามากๆจริงๆ ยังไม่นับภาพที่อัปเกรดแบบขั้นสุดของหนังสั้นปะหน้าที่ต้องบอกว่าภาพงามงดหมดจดจริงๆ

ตัวละครใหม่ๆให้เพียบเลย มีสีสันน่าจดจำทุกตัวจริงๆ

ตัวละครใหม่ๆให้เพียบเลย มีสีสันน่าจดจำทุกตัวจริงๆ แม้จะวนเวียนๆทั้งเรื่องแต่มันก็น่าติดตามนะ

ตัวละครเก่าสุดเด่นที่ำเอาดีๆอาจมีภาคต่อของตัวเองได้เลยนะกับเจ้าหมึกแฮงค์นินจาจอมบู๊

ตัวละครเก่าสุดเด่นที่ทำเอาดีๆอาจมีภาคต่อของตัวเองได้เลยนะกับเจ้าหมึกแฮงค์นินจาจอมบู๊

หนังยังให้ข้อคิดดีๆตามมาตรฐานหนังคุณภาพของพิกซาร์ด้วย ทั้งเรื่องการอนุรักษ์ท้องทะเล ที่เชื่อว่าเด็กได้ดูคงอยากปล่อยให้พวกปลาเหล่านี้อยู่ของมันตามธรรมชาติไม่อยากไปยุ่งอะไรกับมันเลยล่ะ อย่างฉากดอรี่หนีมือเด็ก ที่แม้จะบอกว่าเป็นโซนที่ให้เด็กได้ลองสัมผัสสิ่งมีชีวิตต่างๆได้ผ่านการตวบคุมของศูนย์วิจัยแล้วด้วยซ้ำ แต่ภาพของดอรี่และเหล่าสัตว์ที่ถูกจับก็ไม่ได้สนุกด้วยเลย ตรงนี้เรียกว่าคุณพ่อคุณแม่น่าจะมีโอกาสในการสอนเด็กๆเพิ่มเติมถึงแนวคิดการอนุรักษ์ธรรมชาติแบบยั่งยืนด้วยล่ะ ส่วนด้านพล็อตหลักของเรื่องในการตามหาครอบครัวของดอรี่ก้ต้องบอกว่าซาบซึ้งกินใจเอามากๆเลยทีเดียว ช่วงท้ายๆนี่เรารู้สึกเอมใจกับหนังมากๆ ที่บทสรุปออกมาได้ฟีลกู้ดจริงๆ

รักนีโมอย่าจับนีโมเล่นนะจ๊ะ ข้อคิดที่พยายามแก้ไขความผิดพลาดในภาคก่อน

รักนีโมอย่าจับนีโมเล่นนะจ๊ะ ข้อคิดที่พยายามแก้ไขความผิดพลาดในภาคก่อน

สรุปเลย

หนังเพลิดเพลินจำเริญใจด้วยภาพ และคาแรกเตอร์ต่างที่สนุกสนาน และน่ารักสุดๆไปเลย แถมมีข้อคิดดีๆให้คนดูออกไปด้วย อย่างน้อยดูจบคุณก้ต้องคิดถึงคุณพ่อคุณแม่บ้างล่ะนะ