เชื่อว่าหลายคนที่ได้ดูหนังเรื่อง Sing Steet ของ John Carney ผู้กำกับดังจาก Once และ Begin again คงจะรู้สึกซาบซึ้งประทับใจกับตัวหนังที่ออกจะฟีลกู้ดพอสมควรแล้ว สิ่งหนึ่งที่มักเกิดเวลาได้ดูหนังของเขาก็คือ กระวนกระวาย อยากหาเพลงเพราะๆในหนังมาฟังซ้ำๆอีก โดยเฉพาะพวกเพลงในโมเม้นท์ประทับใจทั้งหลาย วันนี้เลยจัดเพลงดังทั้ง 17 เพลง ที่อยู่ในอัลบั้ม Sing Street: Original Motion Picture Soundtrack อัลบั้มเพลงประกอบหนังเรื่องดังนี้ ซึ่งเป็นลิขสิทธิ์ของ Decca Records ที่ปล่อยมาตั้งแต่ 18 มีนาคม 2016 มาดูกันทีละเพลง ว่าควรจัดหาไว้ในครอบครองจะคุ้มค่าสุดๆ หรือนอนฟังผ่านยูทูบเอาน่ะดีแล้วกัน
แทร็กแรกของอัลบั้มนี้ไม่ใช่เพลงแต่อย่างใด แต่เป็นเสียงบทพูดววรคทองของนักแสดงอย่าง Jack Reynor ที่รับบท เบรนดัน พี่ชายของพระเอก ในฉากที่เขาแนะนำให้น้องชายหรือตัวเอกลุกขึ้นมาแต่งเพลงของตัวเองแทนที่จะใช้เพลงชาวบ้านมาสื่อความในใจไปถึงสาวที่ชอบ ซึ่งอยู่ในนาทีที่ 0.49 ของคลิปด้านล่างนี้ เขาพูดว่า “Rock N Roll Is A Risk. You risk being ridiculed.” แปลดื้อๆว่า ร๊อกแอนด์โรลน่ะคือความเสี่ยง ต้องยอมเสี่ยงที่จะถูกเยาะเย้ย ซึ่งถ้าฟังที่เบรนดันพูดก่อนหน้านี้ก็คือเขากำลังบอกว่า เล่นตามเพลงวงอื่นก็เป็นได้แค่วงคัฟเวอร์ทั่วไป ความในใจของเราเป็นความรู้สึกเฉพาะตัวเอาเพลงคนอื่นมาแทนไม่ได้ ร๊อกแอนด์โรลคือความจริงใจที่จะสื่อออกไป แม้จะถูกหัวเราะเยาะก็ตาม
1. Rock N Roll Is A Risk (Dialogue)
Performed by Jack Reynor
ผ่านอินโทรไปมาเข้าช่วงเพลงแล้ว ก็ขอเริ่มส่วนแรกด้วยบรรดาเพลงบริเทนร๊อกแห่งยุค 80s ที่นำมาประกอบในหนังก่อนเลย ก็เรียกได้ว่าผู้กำกับคาร์นีย์ นำความประทับใจครั้งวัยเด็กของเขาที่มีสคูลแบนด์ของตัวเอง และความคลั่งไคล้ในเรื่องดนตรียุคนั้นของเขามาอย่างเต็มเปี่ยมเลยทีเดียว ถ้าได้อ่านจากบทสัมภาษณ์ของเขาจะพบว่านอกจากตัวเขาเองจะเลือกเองแล้ว ยังได้มือดีอย่างวง U2 ที่มาช่วยพัฒนาหนังในช่วงแรกเป็นคนแนะนำวงดังๆในยุคนั้นด้วย น่าเสียดายที่ตารางการทำงานของคาร์นีย์กับตารางการทัวร์คอนเสิร์ตของยูทูดันมาตรงกัน เราเลยไม่ได้ฟังเพลงออริจินอลที่ยูทูอาจจะทำให้หนังไปอย่างน่าเสียดาย แต่คาร์นีย์ก็ได้มือดีที่เป็นทั้งนักดนตรีและนักแต่งเพลงแห่งยุค 80s คนหนึ่งอย่าง Gary Clark มาช่วยคัดสรรและทำเพลงสำหรับหนังเรื่องนี้แทน ก็ได้เพลงที่สะท้อนยุคสมัยจากวงเทพๆมาถึง 7 เพลงด้วยกัน ตามนี้เลย
2. Stay Clean
Written by Lemmy (uncredited), Phil ‘Philthy Animal’ Taylor (uncredited) and Fast Eddie Clarke (uncredited)
Performed by Motörhead
เพลงนี้จังหวะมันๆตามสมัย พูดถึงการแหกกฎระเบียบต่างๆ ทำตามความเชื่อของตน ก็เป็นเนื้อหาแบบเพลงแนวนี้ล่ะนะ แน่นอนในหนังเราจะได้ยินตอนที่ปลุกใจตัวละครให้ลุกขึ้นมาสู้หรือทำอะไรที่กล้าจะเปลี่ยนแปลงตัวเองนั่นเอง
3. Rio
Written by Duran Duran (uncredited)
Performed by Duran Duran
4. Town Called Malice
เนื้อหาเพลงนี้ไม่ต่างจากเพลง Stay Clean เท่าไร แต่ถ้าจำได้มันคือ 1 ใน 2 เพลงที่พระเอกพกไปบ้านของเอมอน เพื่อฝึกทักษะการเล่นดนตรีด้วยกันนั่นเอง
5. Inbetween Days
Written by Robert Smith
Performed by The Cure
เพลงง้อสาวให้คืนกลับมา ลุคของนักร้องนำวงนี้คุ้นๆมั้ย ใช่แล้วพระเอกของเราก็ลอกลุคของวงนี้ไปใช้ด้วยในช่วงหนึ่งของหนังหลังจากที่ได้รู้จักคำว่า happysad จากเพลงของวงนี้นั่นเอง
6. Maneater
Written by Daryl Hall, John Oates, and Sara Allen
Performed by Hall & Oates
เพลงที่บอกหนุ่มๆให้ระวังสาวๆให้ดี เพราะพวกเธอพร้อมจะหยอกคุณเล่นและขย้ำคุณได้ตามชื่อเพลงเลย นักกินผู้ชาย มาในโมเม้นท์ที่พระเอกเริ่มกระวนกระวายใจที่โดนนางเอกปั่นหัวเล่น
7. Steppin’ Out
Written by Joe Jackson (uncredited)
Performed by Joe Jackson
เป็นอีกเพลงที่พระเอกเอาไปซ้อมเล่นที่บ้านของเอมอนพร้อมกับเพลง Town Called Malice นั่นเอง
8. Pop Muzik
Written by Robin Scott (uncredited)
Performed by M
เพลงสนุกๆที่ว่าด้วยสีสันของเพลงป๊อปนั่นเองครับ
มาส่วนที่สองกันบ้าง นี่น่าจะเป็นหัวใจของหนังเลยล่ะ กับบรรดาเพลงออริจินัลที่แต่งใหม่สำหรับหนังโดยเฉพาะ ซึ่งก็ได้ Gary Clark มาเป็นตัวหลักในการทำเพลง โดยนำเพลงในยุคนั้นโดยเฉพาะที่กล่าวมาก่อนหน้านี้มาเป็นแนวทาง รวมถึงการตีโจทย์ในหนังที่พวกพระเอกบอกว่าเพลงของพวกเขาเป็น แนวอนาคต ด้วย ซึ่งตรงนี้ก็ได้คาร์นีย์เข้ามามีส่วนร่วมในการทำเพลงด้วย นอกจากนี้ยังได้ซี้เก่าอย่าง Glen Hansard พระเอกจาก Once มาร่วมกับซี้ใหม่อย่าง Adam Levine จาก Begin Again ร่วมทำเพลงให้หนังเป็นพิเศษอีก 1 เพลงด้วย และเพลงที่แต่งขึ้นใหม่ในหนังก็มีถึง 9 แทร็ก 8 เพลง ด้วยกัน โดยมีเพลง Up ที่ใส่มาถึงสองเวอร์ชั่นด้วยกัน
9. The Riddle Of The Model
Performed by Sing Street
10. Up
เป็น 1 ใน 2 เพลงที่มาจากการแต่งแบบเพียวๆของ Gary Clark และเป็นเพลงที่สองที่พระเอกได้แต่งในหนัง ซึ่งพูดถึงความรักว่าเป็นความสวยงามและแรงบันดาลใจให้เขารู้สึกสูงขึ้นมีพลังขึ้น โดยหมายความถึงความรู้สึกของเขาต่อตัวนางเอกนั่นเอง และในตอนหนึ่งมันก็กลายเป็นเพลงที่มาให้กำลังใจนางเอกที่กำลังชีวิตตกต่ำด้วย เพลงนี้มีเล่นหลายครั้งทีเดียวในหนัง ถือเป็นอีกเพลงเด่นเลยทีเดียว เพลงนี้ใส่มาในอัลบั้มสองเวอร์ชั่นด้วยกัน เวอร์ชั่นแรกนี้จะเป็นเวอร์ชั่นเต็มความยาว 2 นาทีกว่า ซึ่งในนั้นจะเป็นวงซิงสตรีทเล่น แต่ในคลิปนี้เอาผลงานการเล่นของ The Score ที่ทำออกมาได้สมบูรณ์เหมือนกันมาให้ฟังแทน
11. To Find You
Performed by Sing Street
เพลงไม้ตายของหนัง ด้วยบัลลาดช้าๆซึ้งๆที่ใช้เครื่องดนตรีน้อยชิ้นอย่างกีตาร์และเปียโนบรรเลง มาในฉากที่น่าจะประทับใจใครหลายๆคนทีเดียวด้วยความหวานปนเศร้าของมัน สวยงามมากๆครับ นี่เป็นอีกเพลงที่ Gary Clark แต่งคนเดียวเช่นกันครับ ส่วนเพลงๆอื่นที่เหลือจะเป็นผลงานร่วมกันของหลายคน ในคลิปนี้เนื่องจากหาที่เป็นซิงเกิ้ลจริงๆที่พระเอกร้องไม่ได้ เลยขอแปะเวอร์ชั่นคัฟเวอร์มาแทน ซึ่งของจริงจะใสและเพราะกว่านี้ขึ้นอีกสองสามขั้นครับ 55
12. A Beautiful Sea
Performed by Sing Street
13. Drive It Like You Stole It
Performed by Sing Street
เพลงนำของหนังอีกเพลงที่ใช้โปรโมทเยอะเหมือนกัน และเพลงนี้ก็ทำมาให้ลุกขยับตัวสไตล์ป๊อปดิสโก้ยุคนั้นได้ดีทีเดียว เพลงนี้ได้ฟังกันหลายรอบในหนังอีกเช่นกันครับ โดยเฉพาะฉากถ่ายมิวสิควิดีโอเพลงในยิม ต้องบอกว่าเป็นฉากจำของใครหลายๆคนเหมือนกัน ด้วยความหวานขมของมันนี่ล่ะ เป็นอีกเพลงที่ฟังซ้ำไปซ้ำมาได้เพลินๆเรื่อยๆเลย
14.Up (Bedroom Mix)
Performed by Sing Street
เพลงอีกเวอร์ชั่นหนึ่งที่สั้นกว่า และในหนังก็เป็นครั้งแรกที่พระเอกเล่นเพลงนี้ซ้อมกันกับเพื่อนๆด้วย อันนี้คลิปจากหนังที่คนเกาหลีเอามาปล่อยครับ ซึ่งคลิปจะบินไปตอนไหนก็เป็นไปได้หมดล่ะครับ แต่ถ้าชอบก็ไปฟังเวอร์ชั่นแรกเอาไปก่อนดีกว่าครับ หรือซื้อมาเลยก็ดี
15. Girls
Performed by Sing Street
เพลงที่บอกว่าสาวๆ นั้นแสนเข้าใจยากครับ อันนี้ก็ตกตะกอนจากประสบการณ์ของพระเอกล่ะนะโดนนางเอกปั่นหัวเล่นมาเยอะทีเดียว อันนี้เริ่มโดดมาทางอัลเตอร์แล้ว จังหวะกระชากๆสนุกดีทีเดียว คลิปนี้ก็เกาหลีปล่อยเช่นกันครับ ถ้าชอบไปสอยเพลงจริงเลยดีกว่า
16.Brown Shoes
Performed by Sing Street
เป็นเพลงบทสรุปปมหนึ่งในหนังเหมือนกันครับกับเพลงปลุกประท้วงระบบแสนเข้มงวดและไม่ยุติธรรมของโรงเรียนที่พระเอกเจออยุ่ทุกเมื่อเชื่อวัน โดยรองเท้าสีน้ำตาลก็เป็นสัญลักษณ์ที่พระเอกเอาเรื่องสีรองเท้าที่ไม่ถูกระเบียบของโรงเรียนที่ต้องเป็นสีดำมาใส่เรื่องราวนั่นเอง คลิปนี้สองนักแสดงตัวจริงของเรื่องมาเล่นสดให้ฟังที่เทศกาลซันแดนซ์ที่หนังไปเปิดฉายแล้วมีคนอัดเอาขึ้นยูทูบให้ฟังครับ เพลงจริงในอัลบั้มจะเต็มกว่านี้อีก
17. Go Now
Performed by Adam Levine
เพลงโปรโมทอีกเพลงที่มาปิดอัลบั้มนี้ ด้วยผลงานจากศิษย์เก่าสุดเซอร์ไพร้ส์ของคาร์นีย์ทั้งสองคนที่ได้เกริ่นไปก่อนหน้า ด้วยเสียงร้องของ Adam Levine จาก Begin Again และฝีมือการแต่งเพลงของ Glen Hansard พระเอกจาก Once มาร่วมกับทีมเพลงของหนังทำเพลงที่มีทั้งจังหวะช้าและระเบิดพลังออกมา รวมถึงเป็นบทสรุปปิดฉากสุดท้ายของหนังด้วย ฟังแล้วเพลินมากฟังไปวนๆได้ทั้งวันอีกเช่นกัน
แถมให้เพลงสุดท้ายอีกหนึ่งเพลง แต่ไม่มีในอัลบั้มหรอกนะครับ
จำได้มั้ยว่าอยู่ในฉากไหน คงยากหน่อยเพราะในหนังร้องซะจำเพลงต้นฉบับไม่ได้เลย 555 เพลงนี้คือเพลงที่พระเอกของเราไปร้องเสียงหลงสดๆให้นางเอกฟังตอนเจอกันครั้งแรกนั่นเองครับ แถมให้เผื่อใครอยากรู้ว่ามันเพลงไรฟระ 55
สรุป
เป็นอีกอัลบั้มที่น่าจัดไว้ในครอบครองครับ ส่วนตัวอาจจะชอบไปทาง Once หรือ Begin Again มากกว่า แต่สายร๊อกแอนด์โรลในเรื่องนี้ก็นับว่าโอเค โดยเฉพาะพวกเพลงแต่งใหม่นี่ผมว่าประสานรสเก่ารสใหม่ได้กลมกล่อมมาก หลายเพลงเพราะจนเปิดฟังซ้ำๆได้ทั้งวันเลย และที่สำคัญรอลุ้นให้เข้าชิงสาขาเพลงประกอบยอดเยี่ยมของออสการ์ปีหน้านี้ได้เลยครับ ผมว่ามาแน่
สนใจอัลบั้มนี้มีขายบนไอจูนแล้วนะ หรือลองหาแผ่นก็น่าจะไม่ยากเช่นกัน คลิ้กเลย