[รีวิว] ไลโอ โคตรแย้ยักษ์ – ปฐมบทมอนสเตอร์เวิร์สไทยที่ยังสอบไม่ผ่าน
Our score
2.3

Release Date

28/07/2022

ความยาวหนัง

109 นาที

แนวหนัง

ไซไฟ มอนสเตอร์ คอมเมดี้

ผู้กำกับ

ชาลิต ไกรเลิศมงคล

นักแสดง

กอล์ฟ-พิชญะ นิธิไพศาลกุล , ฟาง-ธนันต์ธรญ์ นีระสิงห์, ณัฐชา เดอซูซ่า, ศุภชัย สุวรรณอ่อน, พงศ์เทพ อนุรัตน์

[รีวิว] ไลโอ โคตรแย้ยักษ์ – ปฐมบทมอนสเตอร์เวิร์สไทยที่ยังสอบไม่ผ่าน
Our score
2.3

[รีวิว] ไลโอ โคตรแย้ยักษ์ – ปฐมบทมอนสเตอร์เวิร์สไทยที่ยังสอบไม่ผ่าน

จุดเด่น

  1. การเอาแย้มาเป็นมอนสเตอร์เป็นการต่อยอดทางวัฒนธรรมที่น่าสนใจ

จุดสังเกต

  1. งานวิช่วล เอฟเฟกต์ยังไม่สมบูรณ์
  2. บทหนังพังพินาศ
  3. การกระทำตัวละครชวนหงุดหงิดมากเกินไป
  4. หนังไม่ควรติดตลกจนกลายเป็นกับดักที่ทำให้หนังไม่ออกมาน่ากลัวหรือลุ้นอย่างที่ผู้สร้างคาดหวัง
  • การแสดง

    2.0

  • โปรดักชัน

    3.5

  • บทหนัง

    2.0

  • ความบันเทิง

    2.0

  • คุ้มเวลาในการชม

    2.0

การถือกำเนิดของบริษัทเนรมิตรหนังฟิล์ม พร้อมอุดมการณ์ในการผลักดันหนังไทยให้มีความหลากหลายถือเป็นความทะเยอทะยานที่พุ่งสวนทางทุกอคติของคนดูทั้งเรื่องการพูดถึงคนชายขอบในหนังดราม่าเด็กช่างกลอย่าง ‘4 Kings อาชีวะยุค 90’ ที่ประสบความสำเร็จด้านรายได้เป็นอย่างดีในปีที่ผ่านมา และปีนี้เนรมิตรหนังก็เล่นใหญ่ด้วยการเปิดตัวโปรเจกต์ ‘I Am Monster’ ไปเมื่อวันที่ 7 เมษายนโดยมี ‘ไลโอ โคตรแย้ยักษ์’ ที่เรากำลังกล่าวถึงเป็นหัวหอกเข้าฉายก่อนเพื่อน

สนับสนุนข้อมูลโดย Major Cineplex

สำหรับเรื่องราวใน ‘ไลโอ โคตรแย้ยักษ์’ เริ่มเมื่อเก้า (พิชญะ นิธิไพศาลกุล) ศิลปินหนุ่มฮิปฮอปตกอับ และ เจน (ณัฐชา เดอซูซ่า) แรปเปอร์รุ่นน้องถูกอัปเปหิจากวงการหลังผิดใจกับผู้จัดการทรงอิทธิพลได้กลับบ้านเกิดที่จังหวัดเลยเพื่อร่วมงานศพคุณปู่ ซึ่งพอเหมาะพอดีกับที่ ฝน (ธนันต์ธรญ์ นีระสิงห์) ยูทูบเบอร์เพื่อนสาวสมัยเด็กจัดงานแข่งหาแหล่งน้ำในทุ่งตะวันแยงเพื่อชิงเงินรางวัล 1 ล้านบาท เก้า เจนและโย (ศุภชัย สุวรรณอ่อน) ลูกน้องเก่าของปู่ มาร่วมทีมขุดเจาะน้ำบาดาลชิงเงินรางวัลครั้งนี้โดยไม่รู้เลยว่า ณ ทุ่งตะวันแยงแห่งนี้มีสัตว์ประหลาดที่รอเอาชีวิตพวกเขาอยู่

ยอมรับตามตรงว่าตอนเห็นตัวอย่างหนังผมอดนึกถึงหนังมอนสเตอร์ในตำนานอย่าง ‘Tremors’ หรือชื่อไทย ‘ฑูตนรกล้านปี’ หนังเกรดบีฮอลลีวูดที่ชูจุดเด่นของมอนสเตอร์หนอนยักษ์ใต้ดินเล่นกับคาแรกเตอร์จัด ๆ ของเหล่าตัวละครที่ดูห่างไกลจากฮีโรและการดำเนินเรื่องในท้องทะเลทรายแห้งแล้งถิ่นที่อยู่อาศัยของพวกมันก็เพื่อเล่นกับความเหลื่อมล้ำว่าแท้จริงแล้ว มนุษย์ต่างหากที่ไปรุกล้ำที่อยู่อาศัยของพวกมันและทำการทดลองเล่นบทพระเจ้าจนต้องหาทางเอาชีวิตรอด

Beartai Buzz รีวิว ไลโอ โคตรแย้ยักษ์

แต่กับ ‘ไลโอ’ บทหนังไม่ได้ให้ข้อมูลอะไรเรามากนักนอกจากฉากเปิดเรื่องที่พยายามแสดงความโหดของเจ้าสัตว์ประหลาดลึกลับแล้ว หนังก็ไม่ได้ไปขุดลึกหรือพยายามพูดถึงเจ้าแย้ ทั้งในฐานะสัตว์ประจำถิ่นหรือไปกล่าวถึงความผิดปกติที่มนุษย์กระทำจนมันกลายเป็นมอนสเตอร์ประจำเรื่อง ส่วนหนึ่งก็ทำให้มันดูลึกลับดีแต่กับคนดูหนังที่ต้องการข้อมูลสักหน่อยว่าเอ้อ … มันโดนสารเคมีหรืออะไร หรือมันจะแก้แค้นมนุษย์ที่จับมันย่างกินอะไร หนังก็ไม่ใส่ใจจะบอกเล่าตรงนี้นักเลยทำให้สถานะของมันไม่น่าจดจำเท่าไหร่ในแผนภูมิมอนสเตอร์บนจอภาพยนตร์

แต่หนังกลับพยายามนำเสนอชีวิตของเก้าไปในทางสำนึกรักบ้านเกิด ก็กลายเป็นหนังคนละม้วนและยิ่งไปกันใหญ่เมื่อเขาและเจนเดินทางกลับบ้านเกิดที่จังหวัดเลย แล้วหนังพยายามโยงกลับไปฉากแฟลชแบ็กในอดีตที่เกี่ยวพันกับคุณปู่ที่เคยสอนเรื่องการใช้ชีวิตโดยอาศัยบทเรียนการขุดเจาะน้ำบาดาลรวมถึงการพบกันสมัยวัยเยาว์ของเก้ากับฝนเพื่อพยายามปูให้เราผูกพันกับเก้า เพื่อปูว่าเขามีความรู้มากพอจะเข้าแข่งขันในครั้งนีั้

Beartai Buzz รีวิว ไลโอ โคตรแย้ยักษ์

และอีกจุดหนึ่งคือซีนดราม่าที่โยงมาจากแฟลชแบ็ก คือปมที่ทำให้เก้าหนีจากบ้านเกิดเพื่อไปเป็นศิลปินในกรุงเทพ ซึ่งตรงนี้ยอมรับเลยว่า กอล์ฟ-พิชญะ ให้การแสดงที่เราพอจะอยากเอาใจช่วยตัวเอกอยู่บ้าง ทั้งการแสดงความผิดบาป ความโกรธและความน้อยใจปู่ของเขาที่แฟลชแบ็กพยายามปูมา แม้จะต้องยอมรับล่ะว่าการแคสติงนักแสดงในฉากแฟลชแบ็กทั้งตัวเก้าและฝนนี่แทบไม่มีอะไรเชื่อมโยงกับนักแสดงตอนโตเลยจนเหมือนฉากโฆษณาสำนึกรักบ้านเกิดที่มาแทรกอยู่ในหนังอย่างแปลกปลอม

อีกส่วนที่หนังอย่าง ‘ไลโอ’ พยายามนำเสนอคือเรื่องการเมืองและชนชั้นโดยใส่ตัวละครเสี่ยหมี ที่แสดงโดย พงศ์เทพ อนุรัตน์ เศรษฐีผู้มีอิทธิพลในวงการขุดเจาะเข้ามาพร้อมกับตัวละครสมทบอย่างผู้ว่าราชการจังหวัดที่ดูจะเป็นใจกับความหื่นของเสี่ยหมีที่ต้องการเข้าร่วมการขุดเจาะครั้งนี้เพียงเพื่อจะใช้โอกาสนี้ใกล้ชิดกับฝนเท่านั้น ซึ่งส่วนนี้ทำให้เห็นเลยว่าหาก ‘ไลโอ’ ทะเยอทะยานกว่านี้ในด้านบทมันจะกลายเป็นหนังมอนสเตอร์ที่ผูกโยงเรื่องการเมืองชั้นดีได้แบบ ‘The Host’ ของบงจุนโฮได้เลยแต่หนังก็แตะแค่ผิวเผินจนน่าเสียดายไม่น้อย

Beartai Buzz รีวิว ไลโอ โคตรแย้ยักษ์

ทีนี้จุดที่เป็นจุดบอดของหนังจริง ๆ คือการนำเสนอความโง่ของตัวละครได้อย่างไม่ชาญฉลาดนี่แหละครับ คือจริง ๆ หนังประเภทนี้ออกตัวก่อนว่าความโง่ของตัวละครคือต้นธารความสนุกอย่างหนึ่งนะครับ แต่ทีนี้นอกจากฉากความโง่ที่ตัวละครหมั่นทำให้ตัวเองถูกฆ่าแล้ว อีกจุดที่ไม่น่าให้อภัยเลยคือการวางคาแรกเตอร์ให้ ‘ขายขำ’ที่ดูเหมือนหลุดจากหนังไทยยุค 90s ต้น ๆ ทั้งบทพูดที่ดูแปลกประหลาดหรือการกระทำชวนงงหลายอย่างโดยเฉพาะตอนอยู่ในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานที่ตัวละครย้ำเหลือเกินให้เงียบ..แต่กลับโปรเจกต์เสียงกันออกมาราวกับจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น

และยังไม่พอการวางซับพล็อตอย่างความรักระหว่างเก้ากับฝนก็ไม่มีอะไรนำพาให้เรารู้สึกอยากเอาใจช่วยพวกเขาสักเท่าไหร่ และก็โชคร้ายล่ะครับที่ภาพยนตร์ที่น่าจะผลักดันอาชีพนักแสดงให้กับ ฟาง – ธนันต์ธรญ์ ได้กลับทำให้เธอดูเป็นผู้หญิงที่น่ารำคาญไปอย่างน่าเสียดายทั้งที่เธอเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้งานวิชวลในหนังไม่แห้งแล้งไปด้วยเหล่าชายหนุ่มจนเกินไปด้วยนะ แต่การมีฟาง-เฟย์ ฟาง แก้ว ก็ไม่ช่วยให้หนังสนุกเหมือนเพลงค่ายกามิกาเซ่ที่เธอเคยร้องแต่อย่างใด

โดยรวมแล้วต้องยอมรับว่า ‘ไลโอ โคตรแย้ยักษ์’ ยังไม่ใช่งานหนังมอนสเตอร์ที่เราจะแนะนำได้ว่าเป็นหนังดูสนุกหรือยอดเยี่ยม (แม้เราจะแอบเชียร์ตอนเห็นโฉมแรกของมันก็ตาม) หรือกระทั่งงานซีจีที่อุตส่าห์พะยี่ห้อ Fat Cat Studio ก็ยังยอมรับว่าดูไปก็อดส่ายหัวไปไม่ได้ (ขออภัยด้วยที่ต้องพูดตรง ๆ นะครับ) แต่ก็ยังคาดหวังกับงานชิ้นต่อไปของเนรมิตรหนังฟิล์มนะครับทั้ง ‘แสงกระสือ ๒’ หรือ ‘The 100’ ที่จะให้ความสำคัญกับบทภาพยนตร์มากขึ้นโดยเฉพาะการที่มันต้องพ้นกับดักว่าหนังไทยต้องขายตลก ที่กลายเป็นจุดทิ่งแทงให้หนังปฐมบทมอนสเตอร์เวิร์สเรื่องแรกของไทยกลายเป็นงานที่เราไม่อาจแนะนำให้ใครดูได้อย่างเต็มปาก

Beartai Buzz รีวิว ไลโอ โคตรแย้ยักษ์
กดที่ภาพเพื่อเช็กรอบฉายและซื้อบัตรชมภาพยนตร์

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส