“จากเรื่องจริงสุดเหลือเชื่อแห่งประวัติศาสตร์วงการหนังโลก จากประสบการณ์ไม่มีวันลืมลงของ ชินซางอ๊ก สุดยอดผู้กำกับแห่งยุค 1960 เจ้าของฉายา “เจ้าชายแห่งวงการหนังเกาหลีใต้” กับ ชเวอึนฮี นางเอกเบอร์หนึ่งขวัญใจผู้ชม ซึ่งถูก คิมจ็องอิล ผู้นำเกาหลีเหนือลักพาตัวไปกักขังถึง 5 ปีเต็ม เพื่อ “ช่วยพัฒนาวงการหนังเกาหลีเหนือ”!
จั่วหัวมาก็น่าสนใจแล้วล่ะครับ กับสารคดีที่มีเนื้อหาสุดมัน สุดอัศจรรย์ ระคนขันขื่นเรื่องนี้ ที่ว่าด้วยเรื่องราวที่มีผู้กำกับชาวเกาหลีใต้กับภรรยาสาวสวยนางเอกดัง ที่วันดีคืนดีก็ถูกลักพาตัวไปยังเกาหลีเหนือ เพื่อไปถ่ายหนังให้เกาหลีเหนือ เพราะท่านคิมแกชอบดูหนังเข้าขั้น ในสารคดีบอกว่าบ้านทุกหลังของแกต้องมีห้องฉายหนัง และแกนิยมดูหนังต่างชาติมากๆ เพราะหนังประเทศแกมีแต่แนวดราม่า ร้องไห้ร้องห่มระทมทั้งปีทั้งชาติ แถมเนื้อเรื่องวนเวียนอยู่แค่การเสียสละเพื่อท่านผู้นำ
แค่เกริ่นไปนี่ก็ตลกร้ายเอาการแล้ว ยังไม่พูดถึงว่าวิธีการเกลี้ยกล่อมสองสามีภรรยานักทำหนังด้วยการชวนให้ดูหนังฝรั่งอย่าง Forty-First ที่เล่าถึงคู่รักที่ไปติดเกาะ วันดีคืนดีมีคนมาช่วยผู้ชายอยากออกจากเกาะแต่ผู้หญิงพอใจชีวิตที่มีกันแค่สองคนเลยฆ่าผู้ชายทิ้ง เพื่อสื่อนัยว่าถ้าหนีแกตาย (ฮา) หรือการปกครองประชาชนของท่านคิมในด้านสุนทรียศาสตร์ต่างๆ ผ่านปากคำคนใกล้ตัวอย่างอดีตกวีคนโปรด ที่บอกว่าท่านซึ้งอะไร ประชาชนของแกต้องหลั่งน้ำตาตามท่านด้วย แถมใครร้องไห้เกินงามดูไม่จริงใจอาจหายสาบสูญได้อีกแน่ะ ทั้งหมดทั้งมวลล้วนแล้วแต่น่าดูทั้งนั้นครับ เพราะเป็นประเทศที่ปิดมากๆ จนเราแทบไม่รู้อะไรในประเทศนั้นเลย
ด้วยความที่เกาหลีเหนือมันปิดตัวเองมากๆ อย่างที่บอก ร็อบ แคนแนน และ รอสส์ อดัม สองผู้กำกับของสารคดี ก็เลยเจอโจทย์ใหญ่แล้วจะเล่าอย่างไรล่ะเนี่ย ฟุตวิดีโอแทบไม่มี พยานในเหตุการณ์ก็จะแก่ตายกันหมดแล้ว แถมข้อมูลต่างๆ ก็เปิดเผยได้ยากเย็นเพราะเป็นชั้นความลับของราชการทั้งสิ้น ฟังอย่างนี้หนังมันไม่น่าจะเล่าเรื่องได้รอดเลย แต่โชคดีที่ผู้กำกับชิน แกมองการณ์ไกลว่าถ้าหนีจากเกาหลีเหนือมาได้ ทุกคนต้องสงสัยว่าแกเป็นสายลับแน่ เพื่อเป็นการบอกว่าตนบริสุทธิ์แกเลยให้ภรรยาแอบอัดบทสนทนากับท่านคิม โดยหลอกให้ท่านคิมพูดเองถึงที่มาที่ไปที่ทั้งคู่ต้องมายู่ในเกาหลีเหนือ พล็อตยิ่งกว่าหนังสายลับเฉือนคมหักเหลี่ยมเสียอีก แต่นี่คือเรื่องจริงนี่สิ หนังเลยยิ่งมันเข้าไปใหญ่
“บทสนทนาระหว่างชินกับคิมเป็นจุดหลักที่สร้างแง่มุมลึกๆ ให้แก่เรื่องที่เราเล่า มันทำให้เราต้องกังขาตลอดเวลาว่า สรุปแล้วนี่คือเรื่องของผู้กำกับหนังที่ถูกล่อลวงโดยเผด็จการผู้ทรงอำนาจ? หรือเป็นเรื่องของชินที่เล่นเกมเอาตัวรอดอย่างสุดฉลาดอยู่? ใครกันแน่คือผู้ควบคุม ใครกันแน่คือคนโดนหลอก?!”
จริงๆในรายละเอียดเองก็น่าสนใจครับ เพราะพอเราได้รู้จักผู้กำกับชินมากขึ้น เราจะเห็นว่าจริงๆ ผู้กำกับชินล้วนมีความนิยมอำนาจเบ็ดเสร็จไม่ต่างจากท่านผู้นำเลยทีเดียว หลายครั้งเราจะรู้สึกว่าจริงๆ ชินซางอ๊กอาจจะดีใจที่ได้ทำหนังอย่างอิสระ ด้วยเม็ดเงินไม่มีลิมิต และมีอำนาจสั่งการในกองถ่ายสูงสุดอย่างไม่เคยทำได้มาก่อนด้วย ซึ่งการค่อยๆร่วมค้นหาความจริงไปพร้อมๆกับหนัง มันก็เหมือนเราได้เป็นหนึ่งในนักสืบที่หาพิรุธของคู่รักคู่นี้ให้ได้ไปด้วย ตรงนี้เป็นอะไรที่ท้าทายดีเหมือนกัน
หนังยังฉลาดมากที่เอาฟุตเทจจากหนังของผู้กำกับชินซางอ๊กมาประกอบเรื่องราว เสมือนเป็นฉากจำลองเหตุการณ์ในเรื่องจริง ประกอบกับฟุตเทจข่าวในเกาหลีเหนือ และการสัมภาษณ์บุคคลต่างๆมา รวมเข้ากับเทปเสียงท่านผู้นำ และเล่าเรื่องอย่างเข้าใจง่ายตั้งแต่ว่าสองสามีภรรยานี้มาคบกันได้อย่างไร หลังจากมีชื่อเสียงทำไมถึงโดนจับไป โดนจับอย่างไร เกิดอะไรขึ้นบ้าง ท่านผู้นำเป็นคนแบบไหน คุยอะไรกันบ้าง และเมื่อโดนจับไปแล้วทั้งคู่ต้องทำอะไร ตอนที่คิดจะวางแผนหนีมีการเตรียมการอย่างไร จนสุดท้ายเมื่อหนีมาได้พวกเขาต้องเผชิญอะไรบ้าง ที่สำคัญเรายังจะได้ชมบางส่วนของหนังที่ท่านผู้นำผลิตออกมาเอง เพื่อหวังโค่นหนังยักษ์อย่างไททานิกด้วย ว้าว!!! เรียกว่าครบทุกอารมณ์ครับทั้งธริลเลอร์ ดราม่า แบล็กคอมเมดี้ นี่มันสารคดีหรืออะไรเนี่ย!
ข้อเสียก็มีบ้างครับ หนังมันใช้คนเล่าเรื่องก็แอบมีน่าเบื่อบ้างบางช่วง แต่นั่นล่ะครับแค่เรื่องจริงที่พล็อตยิ่งกว่านิยายเรื่องนี้ มันก็น่าติดตามมากพอแล้ว ใครสนใจหนังมีฉายจำกัดโรง เช็กโปรแกรมที่เว็บไซต์ของ SF ได้เลยครับ เริ่มวันแรก 11 สิงหาคมนี้ ส่วนจะหลุดโปรแกรมเมื่อไหร่คงแล้วแต่กระแสคนดูนั่นล่ะนะครับ แต่ถ้าให้แนะนำ ก็บอกเลยว่าแค่มีท่านผู้นำในหนังก็น่าชมมากแล้วครับ แถมได้อารมณ์ร่วมกับประเทศเราดีด้วยนะ 555