“หมา” เป็นสัตว์เลี้ยงที่คนทั่วโลกรักและนิยมเลี้ยงไว้คู่ใจมากที่สุดในโลก ไม่ว่าชีวิตจะยากดีมีจนแต่ก็มักจะมีหมาไว้เป็นเพื่อนกันแทบทั้งนั้น ตรงจุดนี้ล่ะ ที่ผู้สร้างหนังฮอลลีวูดเข้าซึ้งถึงจิตใจผู้ชมดี จึงมักใส่หมาเข้าไปในหนังให้เป็นเพื่อนคู่ใจกับบรรดาตัวละครหลักในเรื่อง เราจึงมักเห็นหมาบนจอภาพยนตร์กันบ่อย ๆ อย่างเช่น หมาพิตบูลของ จอห์น วิก, ซาแมนธา ใน I Am Legend, เจ้าดักในแอนิเมชัน UP แล้วที่สำคัญพอมีหมาเข้ามาในเรื่องทีไร คนดูก็มักจะเทใจไปให้กับหมาเป็นตัวละครตัวโปรดเสมอ

แดน แทรชเทนเบิร์ก (Dan Trachtenberg) ผู้กำกับ Prey ก็เผยว่าเหตุที่เขาใส่ตัวละครหมา “ซารี” ลงไปในเรื่องนี้ด้วยก็เพราะได้แรงบันดาลใจจากภาพยนตร์ Mad Max: The Road Warrior (1981) ที่แมกซ์ตัวเอกของเรื่องก็มีหมาคู่ใจที่ไม่มีชื่อ เพราแมกซ์มักจะเรียกมันว่า “Dog” แค่นั้น เป็นหมาพันธุ์ออสเตรเลียน แคทเทิล หรือหมาสำหรับต้อนฝูงสัตว์ในปศุสัตว์ แต่ใน Prey นั้น แทรชเทนเบิร์กก็เลือกใช้หมาพันธุ์ อเมริกัน ดิงโก เป็นหมาเพศเมียชื่อว่าเจ้า “โคโค” มารับบทเป็น “ซารี” หมาคู่ใจของ “นารู” ตัวละครนำของเรื่อง

ในช่วงที่เดินสายประชาสัมพันธ์ Prey นั้น ทั้ง แดน แทรชเทนเบิร์ก และ แอมเบอร์ มิดธันเดอร์ (Amber Midthunder) ผู้รับบท นารู ก็ได้เผยถึงประสบการณ์วุ่นวายในกองถ่ายเพราะต้องทำงานกับเจ้าโคโค แทรชเทนเบิร์กกล่าวถึงโคโคไว้ว่า
“เป็นที่สุดของความเตลิดเปิดเปิง มันเป็นหมาที่พลังงานล้นเหลือมาก เวลาทำงานกับเจ้าโคโคนี่ต้องกัดเล็บลุ้นกันเลย”
“โคโคชอบทำเครื่องหมายกำหนดอาณาเขตของตัวเอง แล้วเธอจะทำแค่สิ่งที่เธอพอใจแค่นั้น”
“บางครั้งพวกเราก็เหมือนกับต้องผจญภัยเพื่อให้ได้งานที่เราต้องการ ซึ่งสุดท้ายโคโคก็ยอมทำตามเสียที มันทำให้เราต้องลุ้นกันมาก พอเทคไหนโคโคทำได้อย่างที่เราคาดหวัง พวกเราต่างโห่ฮิ้วกันยกใหญ่”
แทรชเทนเบิร์ก เผยถึงความประทับใจที่เขามีต่อ Mad Max: The Road Warrior
“มันเป็นแรงบันดาลใจสำคัญสำหรับผมเลย ที่อยากจะทำหนังที่มีตัวเอกเป็นไอ้ตัวแสบที่มีหมาคู่ใจ ผมชอบตรงความสัมพันธ์ระหว่างคนกับสัตว์ ที่อยู่ท่ามกลางหนังพรีเดเตอร์”
เดิมทีนั้น โคโคจะมีบทน้อยกว่านี้มาก แต่ระหว่างที่ถ่ายทำไปเรื่อย ๆ นั้น
“เราต่างพยายามที่จะถ่ายหนังให้มีโคโคให้น้อยที่สุด แต่ผลสุดท้ายมันกลับตรงกันข้าม กลายเป็นว่าเรามีฉากที่มีโคโคมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้กระทั่งในฉากแอ็กชัน เพราะผมคิดว่ามันน่าจะสนุกกว่าที่มีโคโค”
“จุดหนึ่งที่ผมมองว่าหนัง Road Warrior ยอดเยี่ยมมาก ก็ตรงที่แมกซ์มักใช้หมาเขาเป็นตัวช่วย ผมก็เลยอยากได้ฉากแบบนั้นบ้าง”

มิดธันเดอร์เผยถึงที่มาที่ไปของเจ้าโคโคว่า เป็นหมาที่ถูกรับอุปการะมาเพื่อเข้าฉากหนังเรื่องนี้โดยเฉพาะ มันไม่ใช่หมาที่ถูกฝึกมาเพื่อแสดงหนังเหมือนหมาตัวอื่น ๆ ในฮอลลีวูด
“โคโคก็เลยเปรียบเหมือนความวายป่วงสำหรับกองถ่าย” มิดธันเดอร์กล่าวพร้อมเสียงหัวเราะ
“โคโคนี่ค่อนข้างเป็นตัวป่วนในกองถ่ายเลย แต่ก็ต้องเข้าใจนะว่าเขาไม่ใช่หมาที่ถูกฝึกมาแสดงภาพยนตร์ เขาถูกรับมาเลี้ยงเพื่อหนังเรื่องนี้โดยเฉพาะ แล้วเราก็พบว่าโคโคนั้นช่างมีพลังงานล้นเหลือจริง ๆ”
“โคโคจะแฮปปี้มากเวลาที่ได้อยู่ใกล้ ๆ พวกเรา เธอเป็นหมาอารมณ์ดีแล้วก็ขี้เล่น แล้วพอถึงเวลาที่ต้องเข้าฉาก บางทีโคโคก็ว่าง่ายนะ แต่บางทีก็ไม่ แต่ในที่สุดทุกอย่างก็ลงเอยด้วยดีนะ เพราะว่าโคโคเป็นหมาที่เก่งมาก แล้วทุกคนก็รักเธอ”
“ส่วนตัวฉันนั้นรักเจ้าโคโคหมดใจเลย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอเป็นมาอย่างไร ทางกองถ่ายได้ตัวเค้ามา 2 เดือนก่อนเปิดกล้อง เป็นหมาบ้าพลังชื่อ โคโค เป็นหมาที่ชอบวนเวียนอยู่รอบ ๆ ผู้คน ชอบวิ่งเตลิดเปิดเปิง ชอบเลีย เป็นหมาที่ดูตื่นเต้นทุกครั้งเวลาพบปะผู้คน แล้วก็ดูจะชอบฉันเป็นพิเศษ แล้วคุณรู้มั้ย บทของเจ้าซารีในเรื่องน่ะ แตกต่างจากโคโคตัวจริงมาก ภาพที่ออกมาในหนังดูดีมาก ก็ต้องชื่นชมแดน”

แดน แทรชเทนเบิร์ก กล่าวเสริมตรงนี้ว่า
“ใช่ครับ แตกต่างกันมาก การสร้างหนังกับการนั่งดูหนังนี่ก็ต่างกันแบบคนละเรื่องเลย ความยากในการถ่ายทำเรื่องนี้คือเราจะเอาเจ้าโคโคออกไปจากฉากได้อย่างไร ฉากไหนเราต้องการถ่ายโคโค หรือฉากไหนเราต้องกันโคโคออกไป แล้วพอผมเอาหนังที่ตัดหยาบ ๆ ไปให้เพื่อน หรือคนในครอบครัวดู พวกเขาก็บอกแต่ว่า เอาฉากที่มีหมาเพิ่มอีกสิ เอาหมาเยอะ ๆ ผมก็ได้แต่อธิบายว่า พวกคุณไม่เข้าใจหรอก มันยากมาก ที่เห็นนี่คือเราใช้ทุกฉากของเจ้าโคโคที่พอใช้ได้แล้ว ไม่มีฉากที่ถ่ายเผื่อไว้แล้ว แต่ผมก็เข้าใจนะโคโคมันเก่งมาก การทำงานกับเค้านั้นท้าทายมาก อย่างที่แอมเบอร์กล่าวไป เค้าไม่ใช่หมาที่ถูกฝึกมาเป็นปีเหมือนมาในหนังเรื่องอื่น ๆ ที่เห็นในหนังนั่นคือภาพที่ดีที่สุดที่เราทำได้แล้ว ซึ่งมันก็ออกมาดีนะ ขอบคุณจริง ๆ”
เหตุที่กองถ่ายจำต้องใช้เจ้าโคโคมาเข้าฉากในเรื่องนี้ ก็เพราะว่า เจน มายเออร์ส (Jhane Myers) ผู้อำนวยการสร้าง ต้องการให้หนังออกมาสมจริงที่สุด เพราะเหตุการณ์ในเรื่องนี้ ถูกกำหนดให้เกิดในช่วงศตรวรรษที่ 18 แล้วในยุคนั้นก็มีเพียงหมาพันธุ์ ดิงโก หรือ Carolina Dog เท่านั้นที่สืบทอดยาวนานมาตั้งแต่ยุคนั้น แล้วปัจจุบันหมาดิงโกก็เป็นพันธุ์หายาก พบได้แค่ในแถบตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกาเท่านั้น