มาเงียบๆแบบไม่ได้ทันตั้งตัวกับ Deadstock รัก ปี ลึก เพิ่งรู้จักหนังเรื่องนี้ก็เพราะมีตัวอย่างฉายในโรงก่อนหน้านี้นั่นล่ะ ซึ่งตอนดูเทรลเลอร์นี่รู้เลยว่าหนังเรื่องนี้มีของแน่ๆ ด้วยงานภาพที่ถือว่าประณีต พล็อตหนังที่ว่าด้วยวงการค้าของเก่าที่หนังไทยยังไม่เคยลงไปสำรวจถึง และเป็นหนังที่รวมดารารับเชิญระดับงานฝีมือและไม่ค่อยรับเล่นหนังมาได้แน่นขนัด ถึงขนาดเฟซ จ่าพิชิต ขจัดพาลชน แห่งดราม่าแอดดิกต์ ยังเปรยว่าน่าดูมาก ซึ่งก็เชื่อว่ามีหลายคนที่รู้สึกว่าหนังเรื่องนี้น่าจะมีอะไรสักอย่าง แต่ก็คงหวั่นใจกับคุณภาพหนังไทยที่ปีนี้เรียกได้ว่าแทบจะเฟลติดกันหนักๆมาตลอด แม้แต่ พริกแกง ที่ทำเทรลเลอร์มาสวยหยดก็มาตกม้าตายเอากับบทที่ขบมาไม่แตกพอ งานนี้เราเลยไปเสี่ยงตายซุยไซด์สควอดแทนแฟนแบไต่ให้รู้กันไปเลยว่าหนังเรื่องนี้โซแซ่บ หรือโซแซดกันแน่
หนังเรื่องนี้เป็นผลงานของทีมหนังใหม่ ชื่อไม่คุ้นหู อย่าง ฟิล์ม ฟอร์ ฟัน ซึ่งพอดูไปถึงผู้กำกับหนังก็มีมากถึง 3 คนด้วยกัน คือ ศารศาสตร์ รมยานนท์ ผู้กำกับมิวสิควิดีโอรุ่นเก๋าเป็นผู้คุมทิศทางหนังตัวหลัก ชีวา ลาภินตั้งสุทธิ เจ้าพ่อของเก่าเมืองไทยคนหนึ่ง ก็ได้ใช้ประสบการณ์และความคลุกคลีในแวดวงนี้มาเล่าเป็นบทหนังและยังแสดงเป็นตัวละครสำคัญหนึ่งในหนังด้วย สุดท้าย สมคิด พุกพงษ์ ผู้กำกับภาพที่มีผลงานอย่าง กระสือวาเลนไทน์ และสารคดีมวยเด็กมีชื่ออย่าง ลุมพินี และเคยได้รับการเสนอชื่อชิงสุพรรณหงส์ในสาขาถ่ายภาพยอดเยี่ยมมาแล้ว มาช่วยคุมงานภาพได้อย่างมีชั้นเชิงทีเดียว
ดูทีมกำกับแล้วก็พอเชื่อมือได้ระดับหนึ่งล่ะนะว่าไม่ได้สร้างมาฉาบฉวย อิงกระแสหรือรับโจทย์นายทุนมา เรียกว่าทำด้วยความรักและใจจริงๆ ซึ่งหนังก็ให้รายละเอียดในส่วนของแวดวงของเก่าได้ดีสมราคาคุยทีเดียว
Deadstock คือของที่เลิกผลิตไปแล้ว และกลายมาเป็นของมีค่าในเวลาต่อมา ส่วน รัก ปี ลึก ก็มาจากคำพูดสำนวนพวกค้าของเก่าที่ว่าปียิ่งลึก ก็คือยิ่งเก่ายิ่งมีค่าสูงนั่นเอง หนังเปิดเรื่องมาโดยตัวเอกในปัจจุบันแต่งตัวด้วยชุดเสื้อผ้าคลาสสิคขั้นเทพสุดเนี้ยบ จนวัยรุ่นต้องเหลียวหลัง ก่อนที่ตัวเอกจะเริ่มเล่าย้อนไปในปี 1993 สมัยที่เขายังเป็นเพียงวัยรุ่นคนหนึ่งชื่อ โละ (เนตั้น-แดนอรุณ ที่เคยแสดงนำใน 2538 อัลเทอร์มาจีบ) ที่ถูกพ่อแม่ทิ้งไปแต่เด็ก และต้องอาศัยอยู่กับย่าในย่านซาเล้งและตลาดรับซื้อของเก่า ทำให้เขาสนใจพวกของเก่าด้วยสภาพแวดล้อมและการหล่อหลอมว่าขยะพวกนี้จริงๆ มีราคา เพียงแต่ต้องให้เวลาที่เหมาะสมกับมัน ของเก่าจึงเป็นอนาคตในความหมายของโละแต่นั้นมา
จากเด็กมหาวิทยาลัยคนหนึ่งก็เริ่มเข้าสู่แวดวงค้าของเก่า ด้วยการแนะนำของครูอย่าง พี่ศักดา (ชีวา) ที่สนิทกับครอบครัวของโละมาแต่เด็ก พี่ศักดาเป็นเจ้าของร้านขายของเก่าทั้งยังเป็นมือดีคนหนึ่งในวงการด้วย โละจึงได้รับโอกาสศึกษาและเล่นของเก่ามานับแต่นั้น วันหนึ่งพี่ศักดาให้โละไปรับของจากพี่ยุ่นช่างสัก และนั่นทำให้เขาได้พบกับ แอน (เล็ก-วสุ นางแบบไทยที่โกอินเตอร์ที่ฮ่องกง และนางเอกเอ็มวี ตอบยังไง ของป๊อป ปองกูล) เด็กสาวใจแตกที่อยู่ในร้านพี่ยุ่น ทั้งคู่ตกหลุมรักกันอย่างรวดเร็ว หนังเล่าถึงการเติบโตของโละไปพร้อมๆกับการสร้างครอบครัว เส้นทางความรักที่มาจากเด็กที่ยังไม่พร้อมสองคน ผ่านช่วงเวลาที่ดีและตกต่ำทั้งในเรื่องงานและความรัก ผ่านการเดินทางผิด อาศัยด้านมืดของวงการนี้ในการสร้างตัวทั้งค้ายาและปลอมของขาย ในขณะที่ความรักก็ดิ่งลงเหวทุกวันเพราะขาดการดูแลเอาใจใส่สวนทางกับความรักในของเก่าที่ยิ่งเก่ายิ่งน่าหลงใหลอย่างสิ้นเชิง ทั้งนี้ก็เพื่อให้ตัวละครเรียนรู้ว่า ของเก่าต้องการเวลาในการที่จะมีค่า แต่กับความรักมันต้องใช้เวลาหรือเปล่าถึงจะมีค่าควรดูแล
พล็อตมาแนว ดราม่า ที่มีทางเรื่องแบบแนวแก๊งสเตอร์ แถมด้วยการตั้งโจทย์การเติบโตของตัวละครได้อย่างน่าสนใจทีเดียว ด้านภาพไม่ต้องพูดถึงทั้งการวางเฟรม การจัดแสง การสื่อความหมาย งานศิลป์ทั้งฉากและพร็อพก็ทำออกมาได้สมจริงตามยุคสมัยอย่างละเอียดละออ และดูลงทุนมาก อย่างการปิดลานพระบรมรูปทรงม้านำรถคลาสสิคกว่าพันคันมาสร้างตลาดของเก่าให้กลับมาอีกครั้ง ทั้งหมดนี้ต้องบอกว่าดีงามเต็มไปด้วยรสนิยม จนน่าชื่นชมมากๆว่าหนังไทยเองก็ทำได้เหมือนกัน
ด้านการแสดงตัวนำสองคนถือว่าใหม่ทั้งคู่จริงๆ ก็ยังเล่นไม่ได้ดีที่สุด แต่โชคดีที่แคสติ้งมาได้โอเค คือธรรมชาติของเจ้าตัวเหมาะกับบท ทั้งเนตั้นและเล็กทำให้เรายังเชื่อได้ ส่วนดาราสมทบมากมายทั้ง ชีวา ในบทพี่ศักดา เต๋า-สมชาย เข็มกลัด โจ๊ก-อัครินทร์ อัคนิธิเมรัฐ ในบทเจ้าของอู่รถที่สนิทสนมกับศักดาและรู้ต้นสายกลในของวงการค้าของเก่าด้านมืดดี แจ๊ป นักร้องนำวง The Richman Toy และ ฮิวโก้-จุลจักร จักรพงษ์ ในบทนักร้องกลางคืนที่มีความฝันจะโด่งดังและกลายมาเป็นเพื่อนสนิทของตัวเอก ลูกเกด-เมทินี กิ่งพโยม ในบทแม่ของแอน และเซอร์ไพรส์กับ บิลลี่ โอแกน ที่มารับเชิญในบทที่บอกไปจะสปอยล์ด้วย ส่วนที่ในหน้าหนังมีชื่อแต่ผมว่าออกมาไม่ได้มีผลอะไรกับหนังเลยก็มี อย่าง ปู แบล็กเฮด อ่ำ อัมรินทร์ แจ๊ส ชวนชื่น แอนนา ชวนชื่น และ โจ๊ก เฟ็ดเฟ่ คือใครหวังไปดูโดยเฉพาะกลุ่มตลกกลุ่มหลังนี่น่าจะผิดหวังเลยล่ะ หนังไม่ได้มีความตลกเท่าไร เป็นสไตล์ดราม่าแก๊งสเตอร์ค่อนข้างชัดเจน
คือที่ว่ามาดีหมดนี่ ความน่าเสียดายมันอยู่ตรงนี้ล่ะครับ คือหนังไปได้ไม่สุดในทางที่ตัวเองตั้งใจเลย คือพาร์ทส่วนวงการของเก่านี่ยกนิ้วให้เลยเนี้ยบมาก แต่พาร์ทดราม่าแก๊งสเตอร์นี่สอบตกครับ หนังพยายามลดทอนความรุนแรงและฉากที่ควรให้นักแสดงอัดอารมณ์แล้วเพิ่มรายละเอียดระหว่าง พี่ศักดา กับโละ และมาเฟียอย่างเฮียติมให้เข้มข้นกว่านี้ หนังกลับนำเสนอได้เบาบางมาก พอช่วงไคลแม็กส์เราเลยแทบไม่รู้สึกกับมันเท่าที่ควร ส่วนพาร์ทความรักนั้นตอนแรกว่าจะให้ตกเหมือนกัน แต่มันมีรายละเอียดในฉากรถเสียที่แอนลงมาเข็นรถให้โละทั้งๆที่กำลังทะเลาะกันอยู่ ตรงนี้ผมว่าเป็นโมเม้นท์ที่ดีทำให้ผมเชื่อขึ้นมาได้ว่าแอนรักโละจริงๆ เพราะตั้งแต่ต้นมาหนังอาศัยเสียงบรรยายของโละเล่าเรื่องทั้งหมดจนคนดูเหมือนโดนบีบให้เชื่อโดยหนังไม่ได้ใส่เหตุการณ์ที่สนับสนุนคำพูดมาพอ แต่พอฉากนี้มาผมเลยยอมรับได้ว่าเรื่องความรักในความไม่พร้อมของสองคนนี้มันเป็นจริงได้ ส่วนด้านข้อคิดนั้นผมว่าทำได้ดีคำพูดไดอะล็อกดีๆ มีอยู่มาก แต่มาเสียหายตรงความเข้มข้นที่ส่งไปไม่ถึงดวงดาวจริงๆ
สรุป
ขอสรุปเลยแล้วกันครับ หนังเรื่องนี้กอบกู้ความสิ้นหวังในหนังไทยขึ้นมาได้ระดับหนึ่ง แต่ยังไม่ถึงที่สุด ถ้าทีมนี้ไม่สิ้นกำลังใจไปก่อนก็อยากเห็นงานชิ้นต่อไปอยู่เหมือนกัน เพราะงานภาพกับงานศิลป์นี่เนี้ยบขาดใจจริงๆ ยิ่งใครสนใจอยากรู้โลกของพวกค้าของเก่าหรือเป็นสายแฟชั่นคลาสสิคน่าจะปลื้มปริ่มทีเดียว แค่ไปได้มองของเก่าเทพๆ ในหนังที่คงหาดูได้ยากมันก็ฟินแล้วล่ะ สายดารานี่เป็นหนังที่รวมดาราเทพๆของยุคหนึ่งมารวมตัวกันได้อย่างน่าอัศจรรย์ครับไม่ง่ายนะที่จะเห็นแบบนี้ ส่วนสายดราม่าก็พูดตรงๆว่าคงถูกใจระดับหนึ่งแต่ไม่มากนัก อาจจะผ่านๆไปได้เลยล่ะ ส่วนคนดูหนังทั่วไปที่ไม่ได้พิศวาสอะไรพิเศษกับข้างต้น ก็แล้วแต่เลยครับว่าคุณให้โอกาสหนังไทยแค่ไหน ถ้าให้น้อยก็ผ่านๆ ไปดีกว่า ถ้าใจกลางๆ หนังเรื่องนี้ยังพอดูได้เชียร์ได้บ้างครับ จัดว่าตั้งใจทำดีไม่ตีหัวเข้าบ้านแน่ๆ