โผล่มาแบบงงๆ กับหนังไทยเรื่องใหม่ อย่าง อาม่า ผลงานที่เข้าใจไปเองว่าหนังใหม่ของ หม่ำ จ๊กม๊ก ซึ่งห่างหายจากโปรแกรมหนังไทยกว่า 2 ปี แต่พอดูให้ดีนี่กลับเป็นหนังผลงานของผู้กำกับหน้าใหม่นาม จืด-บดีกร โลหะชาละ ที่ฝึกวิชากับ ค่ายบาแรมยู ของ สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล มาหลายปี มาคราวนี้ก็เปิดตัวในฐานะผู้กำกับเต็มตัวกับ ค่ายบั้งไฟฟิล์ม ของหม่ำนั่นเอง สำหรับหนังไทยเรื่องนี้ก็เป็นสไตล์ตีหัวเข้าบ้านมาเลยครับ ผี ตลก ครอบครัว คนทำคงคิดว่ายังไงก็ต้องโดนสักจุดล่ะ
ตามคำให้การของผู้กำกับบอกว่าหนังเรื่องนี้เป็นแนวผีตลก เรื่องราวของครอบครัวจีนขนาดใหญ่ครอบครัวหนึ่ง ที่ลูกหลานก็มากมายหลายสายตามแบบฉบับจีนเลย บ้านอาม่ามีลูก 4 คน หลานอีก 3 พ่อบ้านอีก 1 เรื่องมันเกิดก็ตอนที่ อาม่า (รัดเกล้า) ที่ประดุจเสาหลักของครอบครัวเกิดเสียชีวิตลง ทุกคนก็มารอเปิดพินัยกรรมรับทรัพย์หลักร้อยล้านกันล่ะ แต่เจ้าพินัยกรรมนี่ดันไม่ได้ให้บอกแบบง่ายๆอะไรแบบนั้นสิครับ อาเหมา (หม่ำ) พ่อบ้านประจำตระกูลได้บอกคำสั่งเสียของอาม่าว่าต้องผ่านภารกิจประหลาดหลายต่อหลายอย่างให้คนในครอบครัวต้องช่วยกันทำก่อน จึงจะสามารถเปิดอ่านพินัยกรรมได้ ทั้งให้จัดอาหารโปรดเลี้ยงอาม่าตอนเที่ยงคืน ทั้งให้พาไปสุสานของอากงโดยให้ทำเหมือนคนปกติ ซึ่งก็เป็นไปอย่างยากเย็นเพราะครอบครัวพี่น้องทั้ง 4 คนนั้นหลากความคิดและนิสัยมาก ทะเลาะกันได้ตลอดเวลา และพอเป็นอะไรที่ต้องเล่นกับศพ และความขัดแย้งในครอบครัว งานนี้ก็มาทั้งเรื่องผี เรื่องเฮฮา จริงๆตัวเรื่องก็เดาได้ไม่ยากเท่าไร เพราะปักธงมาสายครอบครัวฟีลกู้ดขนาดนี้แล้ว เชื่อว่าคนดูเดาตอนจบได้ตั้งแต่ดูเรื่องย่อแล้วล่ะ
ด้านดารานักแสดง นี่เป็นผลงานหนังเรื่องที่ 8 ของ รัดเกล้า อามระดิษ นักแสดงมากฝีมือที่ผ่านทั้งงานละครเวที ละครโทรทัศน์ หนังใหญ่มาแล้ว โดยเฉพาะหนังนั้นแกรับเชิญมากบ้างน้อยบ้าง กับงานของหม่อมน้อยในค่ายสหมงคลฟิล์มมาตลอด ทั้งบทบาทป้าปากตลาดจอมวีน ป้าคนทรงย้อนยุคสุดเวียร์ด คุณหญิงคุณนาย แกเล่นมาหมด ซึ่งคงไม่มีบทอะไรที่จะท้าทายแกได้อีกแล้วล่ะ ถึงขั้นต้องลองรับเล่นบท ศพอาม่า ที่นั่งๆนอนๆอยู่เฉยๆโดนพาไปนู่นไปนี่แบบห้ามเล่นอะไรเลยนี่ล่ะ สงสัยคงเป็นเทรนด์ใหม่ของนักแสดงมากฝีมือที่อิ่มตัวกับบทบาทสมมติต่างๆ เปรียบเสมือน แดเนียล แรดคลิฟฟ์ ที่ไปเล่นเป็นศพใน Swiss Army Man (2016) ยังไงยังงั้นเลยทีเดียว
บทบาทที่ท้าทายที่สุดในชีวิต
ด้านดารานำคนอื่นทั้งรุ่นเล็กรุ่นใหญ่ก็จัดมาครบครันมากมายทั้ง หม่ำ จ๊กม๊ก นักแสดงและผู้กำกับสุดฮา ในบทอาเหมา พ่อบ้านหน้าตาย ฮัท จิรวิชญ์ นักแสดงหนุ่มที่แจ้งเกิดจากเวทีเดอะสตาร์ 8 ในบทตี๋น้อย ลูกชายคนโปรดของอาม่า จันจิ จันจิรา แห่งวง GAIA ในบทหยก ลูกสาวของอาเหมา รวมถึง แม็กกี้ อาภา ในบทผีสาวซือซือที่อาละวาดไล่ฟันเขาไปทั่ว เรียกว่าหนังมีลายเซ็นและองค์ประกอบแบบโคตรสหมงคลเลย เรียกว่าเพลย์เซฟกันสุดติ่งกระดิ่งใบโพเลยทีเดียวล่ะ
แล้วผลการเพลย์เซฟเป็นเยี่ยงไรนั้นน่ะเหรอครับ นี่คือหนังที่เป็นบทสรุปภาพรวมความเป็นหนังสหมงคลฟิล์ม หรือแม้กระทั่งหนังไทยในยุคปัจจุบันอย่างไม่น่าเชื่อครับ มีทุกองค์ประกอบจริงๆ เปิดเรื่องมาเป็นแนวลึกลับ อยู่ดีๆก็ใส่บทผีซือซือเข้ามาให้มันมีการหนีผีฮาๆเล่น แถมกลัวคนงงมีแฟลชแบ็กการตายของซือซือที่แค้นอาม่ามาด้วย (นี่อาจารย์คุโบะแห่ง บลีช มาช่วยเขียนบทแน่ๆ ย้อนอดีตตัวประกอบเนี่ย) พอภารกิจคืนแรกผ่านไปแบบทุลักทุเล ภารกิจที่สองที่ต้องพาอาม่าไปสุสานหนังก็ไม่ต้องการพัฒนาความสัมพันธ์อะไรมากมาย เพราะเลือกให้แก๊งหลานๆพาอาม่าไปทั้งๆที่คู่ขัดแย้งในครอบครัวคือ ตี๋ใหญ่กับตี๋น้อย แท้ๆ และแทนที่จะจดจ่อเรื่องของการพาอาม่าไป หนังพาไปแวะข้างทางกับแก๊งเชิญยิ้มที่มาเป็นตำรวจตั้งด่านรถทีละคัน แบบคันหนึ่งก็มุกหนึ่ง ปาไป 3-4 คณะรุ่นเก่ารุ่นใหม่เวียนกันขึ้นเวที ทั้งฉ่อยสามน้า ทั้งจากเวทีชิงร้อยฯ และบลาๆๆ สิบนาทีผ่านไปรถอาม่าค่อยมา (อินดี้มากครับ ผู้กำกับมีความเป็นตัวเองสูงทีเดียว)
ผีซือซือที่ผลุบๆโผล่ๆ แบบบางทีก้งงๆว่าเป็นตัวหลักของเรื่องหรือตัวประกอบ ด้านความน่ากลัวเป็นผีมุ้งมิ้งมากครับ
แล้วพอถึงสุสานก็มีโจรมาขโมยศพอาม่าเรียกค่าไถ่อีก (มีคนโดนยิงด้วย ซึ่งกลายพล็อตโฮลตอนหลังอีก แต่อย่าไปแคร์เลย ขนาดชื่อหนังที่ควรเป็น มาม๊า เพราะพูดเรื่องแม่กับลูกๆมากกว่ายังมาเป็น อาม่า ได้เลย) ตรงนี้ยิ่งมันครับพี่น้องทะเลาะกันเรื่องจะหาเงินสิบล้านมาไถ่ศพทำไม แต่วันรุ่งขึ้นพี่ใหญ่ที่บอกไม่ให้ๆ เอาเงินเจ็ดล้านมาให้เฉยเลย แล้วคนอื่นๆก็รวมพลังเงินเก็งกิส่งมาคนละนิดละหน่อยจนได้ 9 ล้านบาทแต่ก็ยังไม่ครบ ตี๋น้อยเลยจะไปขอยืมจากลูกพี่นักเลงใหญ่คนหนึ่งที่สนามมวยราชดำเนิน แต่หนังน่าจะขาดแอ๊กชั่นไปหน่อยลูกพี่เลยท้าต่อยมวยกับตี๋น้อยถ้าชนะได้ ถึงจะให้ยืมเงินหนึ่งล้าน แต่อย่าไปหวังว่าจะเป็นแมทช์ระลึกถึงองค์บากหรือไชยาอะไรแบบนั้นนะครับ เล่นง่ายยยยกกว่านั้นเยอะะะะ เอาเป็นว่าตอนจบใครตกตะลึงกับการหักมุมแบบตีหัวขนาดนี้ก็ต้องบอกว่าคุณน่าจะเพิ่งกลับจากชีวิตที่เมืองนอกมา และชีวิตนี้ไม่เคยดูหนังไทยละครไทยเลยแล้วล่ะ ว่ากันตามตรงหนังเรื่องนี้มีอะไรใหม่มั้ย ผมยังนึกไม่ออก แม้ขนาดพล็อตยังไปคล้ายๆหนังอย่าง ฮูอากง ในเรื่อง หลุดสี่หลุด ที่ มะเดี่ยว-ชูเกียรติ เคยกำกับไว้ของค่ายเดียวกันนี้อีกต่างหาก ถึงบอกว่านี่มันเป็นเมดเล่ย์หนังไทยชัดๆเลยครับ มีทุกอย่างที่หนังไทยเคยมีเคยทำ แต่แทนที่จะเอามาเรียงเป็นชุดสำรับอาหารเทพๆ พี่แกเอามาเทใส่แล้วปั่นออกมาให้บริโภคด้วยหวังดีว่าคนดูจะได้เสพง่ายๆลื่นๆคอ (รสชาติล่ะครับพี่!)
บทสรุป
ถึงจะว่าไปนั่น แต่มันก็ยังเป็นหนังไทยที่คนไทยหลายคนชอบครับเพราะรสแบบไทยๆที่ตลาดคุ้นเคยมากๆ ถ้าบ้านเรายังดูหลวงพี่แจ๊ส4G ได้ ทำไมคุณจะละเลยเรื่องนี้ล่ะจริงมั้ยครับ นักแสดงหลายคนก็ทำได้ดีอย่างน้องเป่าเปา นี่น่ารักน่าชังขโมยซีนหลายครั้งมาก แถมโจ้อี้ก็มาแนวตลกแอฟริกาที่ฮาดี ส่วนตลกคนอื่นๆก็ทำได้สนุกครับ ซึ่งถ้าคุณกะเข้าไปเอาฮาผมนั่งนับเสียงหัวเราะในโรงได้ 12 ครั้ง นี่นับแบบทั้งเสียงดังเสียงค่อยแล้วนะ ถ้าดูวันพุธตกมุกละ 10 บาทครับ เชิญประเมินใจคุณดู