Release Date
05/10/2022
Runtime
104 Minutes
Genre
Drama Thriller
Director
John Lee Hancock
Cast
Jaeden Martell Donald Sutherland
Our score
6.1[รีวิว] Mr. Harrigan’s Phone – หนังวิพากษ์เทคโนโลยีจากนิยายของ Stephen King
จุดเด่น
- เป็นหนังจากนิยายสตีเฟน คิง ที่วิพากษ์เทคโนโลยีได้อย่างลุ่มลึก
- การแสดงของเจเด็น มาร์เทลล์ ยอดเยี่ยมมากพอจะดึงคนดูให้อยู่กับหนังไปจนจบ
จุดสังเกต
- งานดัดแปลงบทมีช่องโหว่เยอะมาก ทำให้ตรรกะในช่วงท้ายดูไม่สมเหตุสมผล
- หนังขาดอารมณ์ระทึกขวัญที่เป็นจุดขายไปอย่างน่าเสียดาย
-
การแสดง
7.0
-
บทหนัง
5.5
-
โปรดักชัน
7.0
-
ความบันเทิง
5.5
-
ความคุ้มค่าในการรับชม
5.5
‘Mr. Harrigan’s Phone’ คือหนึ่งในเรื่องสั้นจากหนังสือรวมเรื่องสั้นชื่อ ‘if it Bleeds’ ของ สตีเฟน คิง (Stephen King) ที่ตีพิมพ์ในปี 2020 ที่มีจุดเด่นในด้านของการวิพากษ์เทคโนโลยีและคุณค่าของวรรณกรรม ฉาบด้วยพล็อตไฮคอนเซ็ปต์อย่าง จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อมือถือของคนตายสามารถพิพากษาชีวิตของคนชั่วได้เพียงแค่โทรไปฝากคำขอมรณะไว้เท่านั้นเอง
โดยเนื้อเรื่องของ ‘Mr. Harrigan’s Phone’ อยู่ที่ เคร็ก (รับบทโดย เจเดน มาร์เทลล์ Jaeden Martell) เด็กหนุ่มขี้เหงาที่รับจ๊อบอ่านหนังสือให้ คุณแฮริแกน (รับบทโดย โดนัลด์ ซูเธอร์แลนด์ Donald Sutherland) นักธุรกิจชราที่มักจะส่งล็อตเตอรี่เป็นของขวัญให้เคร็กจนกระทั่งเขาถูกรางวัลถึง 3,000 เหรียญจึงซื้อ iPhone ให้เป็นการตอบแทน แต่หลังจากนั้นไม่นานคุณแฮริแกนก็เสียชีวิต เคร็กจึงแอบใส่ iPhone ไว้ในโลงศพ
และวันดีคืนดีหลังจากเคร็กฝากข้อความเสียงในมือถือของผู้ล่วงลับถึงคนที่มารังแกเขา รุ่งขึ้นเด็กอันธพาลคนนั้นก็กลายเป็นศพจากการฆ่าตัวตาย เคร็กต้องสืบให้ได้ว่ามีอำนาจเหนือธรรมชาติจากโทรศัพท์คนตายที่สามารถพิพากษาคนชั่วได้เพียงแค่โทรไปฝากข้อความจริงหรือไม่
โดยเรื่องย่อและเทรลเลอร์ที่ถูกปล่อยออกมา หลายคนคงคาดหวังว่ามันจะต้องเป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์สุดระทึกตามสไตล์ถนัดของ สตีเฟน คิง แต่เปล่าเลยเพราะหนังทั้งเรื่องที่ จอห์น ลี แฮนค็อก (John Lee Hancock) คือหนังที่ว่าด้วยการตามหาที่ยึดเหนี่ยวของเด็กมัธยมที่สูญเสียแม่ของเขาไปอย่างเคร็กและได้คุณแฮริแกนเศรษฐีชราที่อาศัยให้เขาอ่านวรรณกรรมสุดคลาสสิกทั้ง ‘ ‘Lady Chatterlay’s Lover’ ‘Dombey and Son’ ‘Heart of Darkness’ ‘They Shoot Horses, Don’t They?’ ที่มาเกี่ยวพันกับชีวิตของเคร็กและคุณแฮริแกนทีละนิด ๆ โดยเฉพาะในวรรณกรรมเรื่องหลังสุดที่แทบจะเป็นการบอกใบ้ถึงชะตากรรมของมิสเตอร์แฮริแกนอยู่กลาย ๆ
และอีกประเด็นหนึ่งที่หนังใช้เป็นกลไกในการเล่าเรื่องอย่าง iPhone ก็จะตามมาหลังจากหนังพ้นช่วงองก์แรกที่เคร็กเติบโตและได้เรียนไฮสคูลต่างโรงเรียน และ iPhone ก็กลายเป็นวิธีการสื่อสารที่เขาใช้แทนคำพูดแต่ยิ่งเขาพูดน้อยลงก็เริ่มรู้สึกได้ถึงภาวะไร้อำนาจโดยเฉพาะการต้องมาเจอบูลลี่จากเพื่อนร่วมชั้นนั่นเอง และยังย้ำสารตรงนี้ด้วยคำพูดของคุณแฮริแกนอีกว่า สมาร์ตโฟนก็คือประตูสู่สิ่งเสพติดอื่น ๆ และยังเป็นท่อประปาที่ข้อมูลข่าวสารโดยเฉพาะเฟคนิวส์ที่จะไหลบ่าต่อไปในอนาคต ซึ่งตรงนี้ถือว่าความดีงามของนิยาย สตีเฟน คิง ได้ช่วยหนังมาถึง 50% แล้ว
แต่กระนั้นเมื่อหนังต้องเข้าโหมดระทึกขวัญงานกำกับของแฮนค็อกกลับไม่ค่อยมีพลังเท่าที่ควร โดยเฉพาะการที่เคร็กได้พบความจริงจากอำนาจของมือถือคนตายที่เป็นจุดขายของหนังในศพแรก หนังก็เลือกจะทิ้งเบาะแสที่อุตส่าห์ไปเจอซะดื้อ ๆ และเล่าเรื่องต่อโดยทิ้งปมเดิมให้ค้างคาซะงั้น แถมยังไปเล่าโทนดราม่าอบอุ่นเหมือนหนังครึ่งแรกจนผิดที่ผิดทางไปหมดอย่างน่าเสียดาย มิหนำซ้ำเมื่อหนังจะเปลี่ยนไปเป็นโทนที่ให้เคร็กดาร์กขึ้นก็ดูเร่งรีบเล่าเรื่องจนเหตุและผลดูตื้นเขินไปเสียหมด
จุดที่พอจะเป็นข้อดีและต้องชื่นชมคงหนีไม่พ้นการแสดงของ เจเดน มาร์เทลล์ ที่เรียกได้ว่าคงเส้นคงวามาก ๆ จากไอ้หนุ่มหัดเมทัลใน ‘Metal Lords’ หนังดนตรีสุดมันใน Netflix มาสู่เคร็ก ไอ้หนุ่มแบกตราบาปใน ‘Mr. Harrigan’s Phone’ ได้เป็นอย่างดีเชื่อว่าอนาคตการแสดงไปได้อีกไกลแน่นอน
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส