Inception หรือชื่อไทยว่า ‘จิตพิฆาต’ ผลงานของเสด็จพ่อ คริสโตเฟอร์ โนแลน ออกฉายเมื่อปี 2010 นับถึงวันนี้ก็ผ่านมา 12 ปีแล้ว แต่ก็ยังเป็นหนึ่งในหนังของโนแลนที่แฟน ๆ ให้การยอมรับและชื่นชมอย่างมากเรื่องหนึ่ง ด้วยวิสัยทัศน์การเล่าเรื่องที่สุดล้ำเกินจินตนาการมนุษย์ปกติทั่วไป กับปฏิบัติการจารกรรมในความฝันซ้อนความฝัน
ตัวหนังประสบความสำเร็จอย่างสูงทั้งรายได้และเสียงวิจารณ์ หนังใช้ทุนสร้างไป 136 ล้านเหรียญ แต่ทำกำไรไปมหาศาลด้วยตัวเลขรายรับทั่วโลกที่ 836 ล้านเหรียญ ด้านรางวัลนั้น หนังได้เข้าชิงออสการ์ 8 สาขา และคว้ามาได้ 4 สาขา ด้วยความที่ Inception นั้น ดำเนินเรื่องในความฝัน ทำให้หนังต้องสร้างภาพโลกมนุษย์ในรูปแบบที่แปลกตา ภาพเมืองซ้อนทับกันไปมา ไม่แปลกใจเลยที่หนังจะสามารถคว้าออสการ์สาขา เทคนิคพิเศษทางด้านภาพยอดเยี่ยม มาได้ อีกฉากหนึ่งที่หลายคนประทับใจก็คือ ฉากที่ตัวละครต่อสู้กันในโถงทางเดินโรงแรมในสภาวะไร้น้ำหนัก ทำให้เราได้เห็นภาพตัวละคร ลอยไปมาในโถงได้ แต่รู้ไหมครับว่า เบื้องหลังการถ่ายทำฉากนี้ ไม่มีการใช้เทคนิค CGI เข้ามาช่วยกันเลย ถ่ายกันด้วยของจริงล้วน ๆ
ตัวละครหลักในฉากนี้คือ อาร์เธอร์ รับบทโดย โจเซฟ กอร์ดอน ลีวิตต์ (Joseph Gordon-Levitt) ต้องต่อสู้กับบรรดาผู้พิทักษ์ความฝันของโรเบิร์ต ไมเคิล ฟิสเชอร์ บทของ คิลเลียน เมอร์ฟี (Cillian Murphy) ในฉากนี้ถูกกำหนดให้บรรดาตัวละครต้องอยู่ในสภาวะไร้น้ำหนัก สามารถลอยตัว พุ่งตัวไปมาได้ทุกทิศทาง ทีมงานจึงต้องเนรมิตฉากให้ได้ตรงตามวิสัยทัศน์ของโนแลน ด้วยการสร้างฉากดังกล่าวนี้ขึ้นมาในโรงเก็บเครื่องบินนอกกรุงลอนดอน เพื่อการนี้ทีมงานต้องฉากโครงสร้างเหล็กขนาดยักษ์เป็นทรงกระบอกยาวขึ้นมา 2 เซต เซตหนึ่งวางในแนวนอน อีกเซตวางในแนวตั้ง ตรงกลางโครงสร้างนั้น ทีมงานก็เนรมิตโถงทางเดินในโรงแรมขึ้นมาเหมือนจริงเป๊ะ ๆ
โครงสร้างกลไกขนาดยักษ์นี้มีตัวขับเคลื่อนให้สามารถหมุน เหวี่ยง ยกขึ้นลงได้ เอาให้เหมือนดังที่โนแลนจินตนาการไว้ว่าโลกในความฝันของเขาต้องเป็นแบบนี้ ลีวิตต์ในฐานะนักแสดงหลักในฉากนี้ ต้องฝึกตัวเองให้คุ้นชินกับการเคลื่อนไหวโดยที่มีสลิงยึดตัวอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้ดูเหมือนอยู่ในสภาวะไร้น้ำหนัก และเป็นการฝึกที่เข้มงวดเพราะถ้ามีการผิดพลาดขึ้นมา เขาอาจบาดเจ็บสาหัสได้ และตัวโนแลนเองก็ยืนยันว่าจะต้องถ่ายทำฉากนี้โดยปราศจาก CGI นั่นแปลว่า ลีวิตต์จะต้องแสดงฉากแอ็กชันในซีนนี้เองทั้งหมด
วอลลี ฟิสเทอร์ (Wally Pfister) ผู้กำกับภาพ (คว้าออสการ์สาขาถ่ายภาพยอดเยี่ยมมาได้จาก Inception) ได้เปิดเผยข้อมูลเบื้องหลังการถ่ายทำฉากนี้ว่า นักแสดงในฉากนี้ต้องเข้ารับการฝึกเป็น 2 สัปดาห์ก่อนวันถ่ายทำจริง ฉากนี้เป็นฉากใหญ่ ต้องทุ่มเทกันทั้งกำลังคนและเวลาอย่างมหาศาล ในการถ่ายทำแค่ฉากนี้ฉากเดียวต้องใช้ทีมงานถึง 500 คน เพราะว่าการถ่ายทำฉากนี้มีความเสี่ยงสูงต้องระมัดระวังเรื่องความปลอดภัยกันอย่างรัดกุมที่สุด และเมื่อถ่ายทำเสร็จแต่ละช็อตแล้ว ต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงในการตั้งกล้องกันใหม่ ทำให้การถ่ายทำฉากนี้ใช้เวลาไปทั้งหมด 3 สัปดาห์
“เราถ่ายทำฉากนี้กันยาวนานจนกว่านักแสดงจะสามารถจะทำได้สำเร็จตามที่โนแลนต้องการ เราเริ่มถ่ายทำกันแบบที่ให้กล้องลอยตัวไม่ยึดอยู่กับฉาก ทำให้เราได้เห็นฉากโถงทางเดินหมุนไปรอบ ๆ แล้วจากนั้นเราก็รีบรุดไปยังจุดที่ยึดกล้องไปกับฉาก มันก็ได้ภาพที่ออกมาแปลกตาดีนะ มีการเคลื่อนไหวที่แปลก ๆ แต่การถ่ายทำแบบนี้มันทำเอานักแสดงหมดแรงกันเลยล่ะ สำหรับตัวผม กับการได้ไปอยู่ในฉากหมุนได้แบบนั้น มันเป็นงานที่ท้าทายอย่างมาก แล้วก็ใช้เวลานานเลยล่ะกว่าจะคุ้นชิน คือถ้าผมก้าวพลาดไปเมื่อไหร่ล่ะก็ ผมจะต้องตกลงข้างล่างลึก 4 เมตรเลย เราถ่ายไปได้ซีเควนซ์นึง แล้วทีมงานก็ต้องเซ็ตกล้องไฟกันใหม่ เราก็แวบไปถ่ายฉากนั้นฉากนี้กันไปก่อนระหว่างที่รออีก 2-3 ชั่วโมง แล้วถีงจะกลับมาถ่ายฉากใหม่กันได้ กระบวนการทั้งหมดเนี่ย ทำให้เราต้องใช้เวลากันถึง 3 สัปดาห์”
โจเฟซ กอร์ดอน ลีวิตต์ ผู้รับบทอาร์เธอร์ ตัวละครหลักในฉากนี้ เล่าถึงเบื้องหลังว่า
“ผมหาข้อมูลด้วยการไปคุยกับคนที่เคยอยู่ในสภาวะไร้น้ำหนักจริง ๆ มา พวกเขาบอกผมว่า มันรู้สึกสบายมาก พวกเขาไม่เคยรู้สึกผ่อนคลายเช่นนี้มาก่อนเลยในชีวิต แต่กับฉากที่ผมแสดงนี่ มันตรงข้ามกับที่เขาบอกมาเลยนะ จุดที่ยากที่สุดคือผมต้องทำทำท่าทางให้เหมือนว่าอยู่ในสภาวะไร้น้ำหนักจริง ๆ นี่แหละ ผมต้องเกร็งกล้ามเนื้อไปทุกจุดเลย เพราะผมต้องรับน้ำหนักตัวเองไว้ทั้งหมด แล้วผมต้องทำท่าให้ดูผ่อนคลายด้วย ไม่ให้ดูออกว่าผมกำลังอึดอัด ซึ่งที่จริงผมรู้สึกลำบากมาก ๆ เลยครับ”
ลีวิตต์เล่าไปหัวเราะไปอย่างอารมณ์ดี
อ่านจบแล้วไปดู Inception อีกสักรอบไหมครับ ?