ถือเป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์ที่คอหนังหลายคนจับตามองไม่น้อยเลยสำหรับ Abattoir โดยเฉพาะการมีชื่อของ Darren Lynn Bousman ผู้กำกับเจ้าของผลงานโหดขั้นสุดที่คอหนังรู้จักกันดีอย่าง Saw ในภาค 2, 3, 4 นั่งแท่นนำทัพหนังเรื่องแนวสยองขวัญเรื่องใหม่ (ชื่อภาษาไทย: บ้านกักผี) ซึ่งน่าสนใจทีเดียวว่าจะยังคงความซาดิสต์เข้มข้นไว้ได้แค่ไหน

1280_abattoir

Abattoir (อ่านว่า อะ-บา-ทัว) นั้นเป็นเรื่องราวของ Julia (Jessica Lowndes) นักข่าวสาวแห่งวงการอสังหาริมทรัพย์ธรรมดาๆ ที่มีจุดพลิกผันครั้งใหญ่ในชีวิตเมื่อครอบครัวของเธอถูกฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยมอำมหิต และสิ่งที่น่าประหลาดใจไม่แพ้กันคือเมื่อเธอกลับไปยังที่เกิดเหตุอีกครั้งก็พบว่าบริเวณห้องที่ครอบครัวของเธอถูกฆาตกรรมนั้นก็ถูกรื้อถอนหายไปด้วย ขณะที่ นักสืบ Grady (Joe Anderson) ซึ่งเป็นอดีตคนรักเก่าของเธอ ก็เป็นตัวละครที่เข้ามามีบทบาทในการร่วมแกะปมปริศนาที่อยู่เบื้องหลังเหตุฆาตกรรมในครั้งนี้ไปพร้อมๆ กับ Julia

Abattoir-4

ทั้งนี้ เมื่อหนังตั้งโจทย์มาแบบนี้ เส้นเรื่องที่ควรจะเป็น สำหรับใครที่ติดตามหนังแนวนี้ก็จะถือว่าเซอร์ไพรส์ไปเลย เมื่อ Abattoir เลือกใช้โครงเรื่องที่ค่อนข้างแหวกแนว (โดยดัดแปลงจากเวอร์ชันการ์ตูน comic) โดยหลังจากที่ทั้ง Julia และ Grady สืบเสาะจนค้นพบเมือง นิว อิงลิช ก็ต้องพบกับกลิ่นอายของดินแดนที่เต็มไปด้วยปริศนา ไล่ไปจนพบกับ Jebediah Crone เจ้าของบ้าน Abattoir ซึ่งได้เชื่อมโยงห้องที่เกิดเหตุในบ้านของเหยื่อแต่ละคนเอาไว้เป็นบ้านขนาดใหญ่ โจทย์ที่คนดูต้องโฟกัสอยู่ที่ การหาที่มาและสาเหตุของการเนรมิตสิ่งปลูกสร้างมรณะแห่งนี้ของ Jebediah Crone

เมื่อพูดถึงเนื้อหา แน่นอนว่าหากไม่คาดหวังจนเกินไปกับฉากระทึกโหดๆ เกลื่อนกลาด ก็ถือว่าเป็นการพยายามทดลองนำเสนอแนวทางที่ต่างออกไปของผู้กำกับ Bousman ซึ่งทำออกมาน่าสนใจเหมือนกัน การพยายามปูโทนหนังในแบบฉบับหนังสยองขวัญย้อนยุค ที่จงใจสอดแทรกอุปกรณ์และเทคโนโลยีตามยุคสมัยให้น้อยที่สุด ย้อมด้วยการเดินภาพในสไตล์หนังฟิล์มนัวร์ แต่งแต้มด้วยซาวน์ประกอบของวิทยุทรานซิสเตอร์ หากมองในมุมของตรรกะคนสร้างสรรค์งานที่หยิบจับเอาประเด็นของ อสังหาริมทรัพย์ มาผสมผสานกับ ความเชื่อและศาสนากับการปะติดปะต่อห้องหับที่เหยื่อถูกฆาตกรรมเข้าด้วยกัน ภายใต้แนวคิด ‘บ้านเป็นได้ทั้งที่อยู่อาศัยและที่กักขัง’ ก็ถือว่าเป็นคอนเซ็ปต์ที่แปลกใหม่ และนำพาไปสู่การเฟดเนื้อเรื่องไปทางแฟนตาซีได้อย่างไม่เคอะเขินนัก

9880454_film-review-abattoir-highly-stylized-and_eabe3658_m

อย่างไรก็ตาม จุดบอดใหญ่ของ Abattoir ที่ส่งผลให้มุมมองของคนดูที่มีต่อหนังดร็อปลงฮวบฮาบนั้นกลับเป็นการเดินเรื่องที่เนิบนาบชวนง่วงเหงาหาวนอนเป็นอย่างยิ่ง ทั้งที่ในช่วงแรก ตัวหนังเดินเรื่องรวดเร็ว บวกกับตัวละครก็ไม่ได้ถูกปูเรื่องผูกปมต่างๆ  หรือมีแคแร็คเตอร์ซับซ้อนที่ต้องมาตีความมากมายนัก เรียกได้ว่าแคแร็คเตอร์ของตัวละครหลัก Julia และ Grady แทบจะไม่สามารถดึงคนดูไว้ได้เลย ไดอะล็อกต์พื้นๆ บวกกับการแสดงที่รับ-ส่ง ‘ไม่ถึง’ ทำให้เรารู้สึกไม่เชื่อไปกับตัวละคร ดูจะเป็นหนังสืบสวนสยองขวัญที่เฝ้ารอแต่ฉากซาดิสต์เละๆ แหวะๆ อย่างเดียว (เพราะต้องบอกว่าถือเป็นส่วนที่หนังเรื่องนี้ทำได้โหดสะใจมาก แม้จะมีไม่มาก) แต่การเดินทางของหนังไปยังจุดไคลแม็กซ์นั้นกลับเป็นการตกม้าตายที่ทำให้คนดูเบื่อหน่ายและหลุดโฟกัสจากตัวหนังไปอย่างน่าเสียดาย

ถ้าจะมีส่วนที่ Abattoir ได้รับการจดจำที่ดีก็น่าจะเป็นส่วนไคลแม็กซ์นี่แหละ ที่ถือว่าทวงศักดิ์ศรีความเป็นหนังของ Bousman กลับมาได้บ้าง แต่ในภาพรวมของการทดลองในครั้งนี้ คงบอกได้แค่ว่าการผสมผสานความเป็นหนังสยองขวัญเข้ากับความเป็นแฟนตาซีที่มีกลิ่นอายจากการ์ตูน comic เป็นแนวทางที่ดีสำหรับคนสร้างหนัง แต่น่าเสียดายที่เมื่อมันถูกสัมผัสในฐานะคนดูคนเสพ มันต้องมีส่วนผสมที่ลงตัวมากกว่านั้น เราจะพบเจอความจริงอย่างหนึ่งที่ว่า Abattoir ยังไปไม่สุดสักทาง

abattoir-06092016

 

Play video

ที่มาภาพ: du-hd